บทที่ 6 พ่ายแพ้
บทที่ 6 พ่ายแพ้
จินเยว่และครอบครัวกลับมายังที่บ้านได้ประมาณครึ่งชั่วยามแล้ว พวกเขาผลัดกันไปอาบน้ำจนครบทุกคน นี่ก็ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้วหนิงเทียนต้องไปทำอาหารสำหรับทั้งครอบครัว จินเยว่จึงอาสาไปช่วยทำด้วย ตอนเด็กๆศศิธรชอบเข้าครัวทำอาหารกับแม่ของเธอ พอโตมาเธอก็ทำอาหารกินเองไม่ค่อยไปซื้อข้างนอกเพราะต้องการประหยัดเพื่อเก็บเงิน
หนิงเทียนรู้สึกประหลาดใจที่เห็นลูกสาวหั่นผักอย่างชำนาญทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้นางไม่เคยเห็นจินเยว่เข้าครัวเลยสักครั้ง
“เจ้าทำอาหารเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่เยว่เอ๋อร์ แม่ไม่เคยเห็นเจ้าเข้าครัวเลย”
“ข้าก็แค่ลองทำตามที่เคยเห็นท่านแม่กับคนอื่นๆ ทำเจ้าค่ะ สงสัยข้าจะมีพรสวรรค์ด้านนี้นะเจ้าคะ”
“อย่างนั้นหรือ เยว่เอ๋อร์ของแม่เก่งจริงๆ” คำชมของหนิงเทียนทำให้จินเยว่น้ำตาซึม นางคิดถึงแม่แท้ๆของนางคิดถึงความอบอุ่นที่เคยได้รับ
“เป็นอะไรไปลูก มีดบาดหรือ” หนิงเทียนที่เห็นลูกร้องไห้ก็เป็นห่วงขึ้นมา
“เปล่าเจ้าค่ะ” จินเยว่บอกพร้อมกับยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกเบาๆ และช่วยท่านแม่ทำอาหารต่อ
โครม!
ระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังช่วยกันทำอาหารอยู่นั้น ซูฮวาแม่ของจางลี่ก็เดินเข้ามาใช้มือกวาดวัตถุดิบที่เตรียมไว้ร่วงลงพื้นจนเกือบหมด
“นี่มันอะไรกันท่านป้าสะใภ้” จินเยว่กระชากเสียงถามขึ้นมา คล้อยหลังของซูฮวามีจางลี่ น้องชายของจางลี่ ท่านลุง ท่านปู่และท่านย่า นี่มากันเกือบครบเลยนะเนี่ย เมื่อเห็นหน้าจางลี่ที่แอบยิ้มเยาะอยู่ข้างหลังจินเยว่ก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดจากเรื่องอะไร
“เจ้ายังมีหน้ามาถามอีกหรือ เจ้ารวมหัวกับพี่ชายสารเลวของเจ้ารังแกลี่เอ๋อร์ของข้าจนหน้าเขียวช้ำขนาดนี้” แม่เฒ่าตะคอกเสียงดังใส่จินเยว่
เมื่อได้ยินว่าลูกทั้งสองไปทำอะไรไว้หนิงเทียนก็รีบคุกเข่าลงทันที
“ท่านแม่อย่าถือโทษลูกๆ ของข้าเลยนะเจ้าคะ หากท่านจะลงโทษพวกท่านลงโทษข้าแทนเถอะเจ้าค่ะ” หนิงเทียนก็ยังคงเป็นหนิงเทียน ยังไม่ทันจะ
สืบสาวราวเรื่องก็ยื่นปากออกมาจะรับโทษทัณฑ์ไว้เองเสียแล้ว
“ไม่ได้นะเจ้าคะท่านย่า นางตั้งใจทำให้ข้าเสียโฉมเจ้าค่ะ”
จางลี่อิจฉาในความงามของจินเยว่มาโดยตลอด จางลี่ก็นับว่าเป็นโฉมงามนางหนึ่งในเมืองนี้ แต่ความงามของนางนั้นช่างดาษดื่นเพียงแต่นางมีนิสัยชอบออดอ้อนเอาใจทำให้เฟยหรงชมชอบนางเพราะเรื่องนี้ ส่วนจินเยว่นางซ่อนความงามสะพรั่งไว้ภายใต้เสื้อผ้าเก่าสีซีดร่างบางไม่มีแม้กระทั่งเครื่องประทินโฉมสักชิ้น ร่างกายผอมซูบจากอาหารที่ได้รับส่วนแบ่งเพียงน้อยนิด แต่โฉมสะคราญก็ยังเผยความงามออกมาได้อย่างล้นเหลือ
“ใช่เจ้าค่ะท่านแม่ นางจงใจทำให้ลี่เอ๋อร์เสียโฉมจนออกเรือนไม่ได้แน่ๆ
เจ้าค่ะ” ซูฮวาช่วยผสมโรง
ฮุ่ยชิวที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งโมโหจนหน้าดำคร่ำเครียด ก้าวเข้าไปในห้องครัวนำหน้าซูฮวา
“เจ้ามันสารเลวเหมือนแม่ของเจ้าไม่มีผิด วันนี้ข้าจะโบยเจ้าให้ขาขาด”
พูดเสร็จก็หันไปหาซูฮวา “ไปเอาไม้มาข้าจะโบยมัน”
“ท่านย่าลองถามข้ากับพี่ชายหรือยังเจ้าคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น” จินเยว่ที่เงียบมานานพูดพร้อมจ้องหน้าผู้เป็นย่าตาเขม็ง
“เจ้า! เจ้าดูสายตาที่มันใช้มองย่ามันสิหนิงเทียนเจ้าสอนให้ลูกเจ้าประพฤติตัวเช่นนี้หรือ”
หนิงเทียนที่คุกเข่าอยู่ส่ายหน้าเป็นพัลวันไม่กล้าเถียงกลับ
“แล้วสรุปท่านย่าได้ถามข้ากับท่านพี่หรือยังเจ้าคะ พวกเราไม่ใช่หลานของท่านหรือ มีแค่จางลี่ที่เป็นหลานของท่านใช่หรือไม่” จินเยว่ย้อนถามเสียงเย็น
ในตอนแรกกู้ซีฮันคิดว่าเป็นเรื่องเด็กๆ ทะเลาะกันเขาจึงไม่อยากยุ่งกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ แต่ตอนนี้เขาเริ่มกังวลแล้วว่าเสียงที่ทะเลาะกันดังสนั่นของ
ย่าหลานคู่นี้จะเรียกเพื่อนบ้านให้เอาไปโพนทะนาไปทั่วหรือไม่
“พวกจ้าช่วยลดเสียงลงหน่อยได้หรือไม่ ที่จินเยว่พูดมามันก็ถูกเราเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องฟังความทั้งสองฝ่าย” กู้ซีฮันเอ่ยเสียงราบเรียบอย่างรำคาญ
“ท่านจะบอกว่าข้าลำเอียงหรือเจ้าคะ หลานสาวเราหน้าเขียวช้ำขนาดนี้ยังต้องฟังอะไรอีกเล่า” ฮุ่ยชิวตัดพ้อ
“นั่นสิเจ้าคะท่านพ่อหลักฐานก็ชัดขนาดนี้แล้ว ทุกคนก็รู้ว่าจินเยว่นางอิจฉา
ลี่เอ๋อร์ของข้าขนาดไหน” ซูฮวาพูดเสียงแข็ง
ผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านส่ายหน้าเอือมระอา “เจ้าว่าอย่างไรจินเยว่เกิดอะไรขึ้น”
หลังจากที่อีกฝ่ายให้โอกาสนางอธิบายจินเยว่ก็เล่าไปตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนถึงช่วงที่จินเยว่จะต่อยจางลี่นางก็ใส่สีตีไข่เพิ่มเข้าไป
“ข้าเห็นว่าจางลี่กำลังจะตบหน้าท่านพี่เจียวจิ้นข้าตกใจเลยเหวี่ยงมือออกไปหมายจะปัดมือนางเจ้าค่ะ” ร่างเล็กค่อยๆ อธิบายอย่างใจเย็น
“ไม่ใช่นะเจ้าคะท่านปู่ ท่านย่า พวกท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ” จางลี่แผดเสียงขึ้นมา
“ข้าไม่ได้ทำอะไรนางเลยนะเจ้าคะ อยู่ดีๆ นางก็เดินมาหาเรื่องข้าหาว่าข้าเป็นหญิงแพศยาแย่งคนรักของนาง พี่ชายของนางก็ช่วยจับตัวข้าไว้ด้วย” นางแกล้งบีบน้ำตาทำหน้าเศร้าพร้อมกับเอามือกุมแก้มข้างที่เขียวช้ำไว้
“เจ้าบังอาจโกหกพวกข้าหรือจินเยว่ เจ้าจงใจจะทำให้ลี่เอ๋อร์เสียโฉมจนออกเรือนไม่ได้แล้วยังจะมีหน้ามาพูดปดอีก วันนี้ข้าจะสั่งสอนคนชั้นต่ำเช่นเจ้า” หญิงชราพูดจบก็เดินดุ่มๆ ไปที่เตาและหยิบหม้อที่ยังมีน้ำร้อนๆ ขึ้นมา
ฟรึ่บ!
ทุกคนในห้องอยู่ในอาการตกตะลึงไม่คิดว่าฮุ่ยชิวจะทำถึงขนาดนี้ ยกเว้น
แม่ลูกที่ยืนยิ้มเยาะอยู่ จินเยว่ไม่คาดคิดว่าฮุ่ยชิวจะทำแบบนี้เพราะถึงยังไงนี่ก็คือหลานสาวนางจะทำรุนแรงขนาดนั้นได้อย่างไร หนิงเทียนที่ตั้งสติได้ผลักลูกสาวออกไปทันแต่ไหล่ด้านหลังของนางโดนน้ำร้อนลวกกินวงกว้างไปประมาณเกือบฝ่ามือ
“โอ๊ย!” หนิงเทียนที่โดนน้ำร้อนสาดใส่น้ำตาซึมนางทำได้แค่อดกลั้นไว้เห็นลูกสาวปลอดภัยดีก็โล่งใจ
“ท่านแม่ เป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ” จินเยว่รีบหันไปดูหนิงเทียนที่ก้มหน้างุด แววตาร่างเล็กฉายแวววาวโรจน์เต็มไปด้วยความโกรธแค้น หนิงเทียนยื่นมือมากำมือจินเยว่ไว้มองเข้าไปในตาลูกสาวและส่ายหน้าห้าม
