บทที่ 5 คนขี้ฟ้อง
บทที่ 5 คนขี้ฟ้อง
การตอบโต้ของจินเยว่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยเพราะปกติ
จินเยว่แทบไม่เคยตอบโต้นางเลย แต่ก็ดีเหมือนกันมันจะได้สนุกขึ้นมาหน่อย คิดในใจพลางตอบกลับ “โถ่น้องสาวของพี่ จะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไรเล่า พี่สาวคนนี้เป็นห่วงเจ้าจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะ” จางลี่ยิ้มเยาะด้วยความลำพองใจ
“อย่ามาเสแสร้งหน่อยเลย หญิงหน้าหนาไร้ยางอายเช่นเจ้าไม่มีทางสงสารผู้อื่นอยู่แล้วกู้จางลี่” ข้าก็อยากจะเล่นด้วยต่ออยู่หรอกนะแต่ตอนนี้ข้าไม่ว่าง
“นี่เจ้า!” สำหรับจางลี่นั้นจินเยว่เป็นแค่คนที่อยู่ต่ำกว่านางหลายเท่า เมื่อโดนอีกฝ่ายด่าก็ทำให้อารมณ์โกรธปะทุขึ้นมา จนยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าอีกฝ่าย
“อะไร เจ้าชี้หน้าข้าทำไม” ส่งยิ้มพร้อมน้ำเสียงยียวนชวนให้จางลี่ยิ่งเลือดขึ้นหน้า
กู้จินเยว่นางคนชั้นต่ำกล้าพูดจากับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร “ข้าเป็นพี่สาวเจ้านะ ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรกับคนที่อาวุโสกว่าข้าก็จะสั่งสอนแทนแม่ชั้นต่ำของเจ้าเอง” พูดเสร็จก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าอีกฝ่าย
เพียะ!
เสียงตบไม่ดังมากนักเพราะจินเยว่เอี้ยวตัวหลบจึงโดนแค่ปลายนิ้วเท่านั้น
เจียวจิ้นที่เห็นว่าน้องสาวกำลังจะโดนทำร้ายก็รีบแทรกตัวมาบังจินเยว่ไว้แต่เขาขยับตัวช้าเกินไป น้องสาวของเขาโดนจางลี่ตบไปหนึ่งครั้ง ชายหนุ่มที่เงียบมาตลอดหันหน้ากลับมามองจางลี่ตาขวาง
“มันเกินไปแล้วนะจางลี่” เขาเค้นเสียงออกมาเสียงแข็ง
“เจ้าไม่ต้องมาพูดหรอกคนชั้นต่ำเช่นพวกเจ้าไม่มีสิทธิมาสั่งสอนข้า”
จินเยว่ที่เห็นว่าท่าจะไม่ดีเลยดันพี่ชายออก “ข้าจัดการเองเจ้าค่ะท่านพี่”
จินเยว่ไม่อยากเป็นคนเริ่มก่อนในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนเริ่มจินเยว่ก็กระตุกยิ้มมุมปากทันที จางลี่มีสีหน้างงเล็กน้อย นี่นางเป็นบ้าไปแล้วหรือโดนตบไปแค่ครั้งเดียวแต่เหมือนนางจะเสียสติไปแล้วใยถึงฉีกยิ้มขนาดนั้นกันเล่า
ผัวะ!
จินเยว่ยกกำปั้นขึ้นมาต่อยจางลี่ไปเต็มแรงและคิดในใจว่าหมัดนี้ถือว่าฉัน
ยกให้เธอนะจินเยว่
จางลี่ที่สติแตกไปแล้วตะคอกใส่สองพี่น้องว่า “เจ้า! พวกเจ้าสองพี่น้องรังแกข้า ข้าจะไปบอกท่านย่า คอยดูเถอะพวกเจ้าต้องโดนโบยแน่”
“เจ้ารีบไปเลย สู้ไม่ได้ก็ฟ้องคนโน้นทีคนนี้ทีเจ้านี่มันขี้ขลาดจริงๆ” พูดเสร็จก็กระตุกแขนพี่ชายวิ่งหนีไปที่แปลงผักทันทีระหว่างทางจินเยว่หัวเราะออกมาเสียงดัง
เมื่อมาถึงแปลงผักหนิงเทียนและสามีที่เห็นลูกสาวและลูกชายวิ่งมาทางนี้รีบทิ้งอุปกรณ์ในมือทันที ทั้งดีใจที่ลูกชายกลับบ้านทั้งตกใจที่ลูกสาวที่ป่วยอยู่วิ่งมาด้วยความเร็ว ยังป่วยอยู่ใช้แรงขนาดนั้นถ้าล้มป่วยลงไปอีกจะทำอย่างไร
“เจียวจิ้นกลับมาแล้วหรือลูก เป็นอย่างไรบ้าง เรียนสนุกหรือไม่” หนิงเทียนถามลูกชายคนโตด้วยความคิดถึง
“ข้าสบายดีขอรับท่านแม่ การเรียนก็ดีขอรับ”
“แล้วลูกสาวพ่อเล่าทำไมถึงวิ่งมาอย่างนี้ล่ะเกิดล้มป่วยไปอีกจะไม่แย่เอาหรือ”
“ข้าดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะข้าอยากช่วยพวกท่านทำงานเจ้าค่ะ”
หนิงเทียนแสดงสีหน้ากังวล “เดี๋ยวจะล้มป่วยลงไปอีกพ่อกับแม่ทำกันสองคนได้”
จินเยว่ยังดื้อรั้น “ให้ข้าช่วยเถอะนะเจ้าคะ” พูดช้าๆ พร้อมส่งสายตาออดอ้อนให้คนเป็นแม่
“งั้นก็ตกลง แต่เจ้าไม่ควรทำงานหนักช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ ก็พอ”
จินเยว่พยักหน้ารับ “เจ้าค่ะ” พูดจบก็เดินไปทางที่มีหญ้ารกชัฏ นางเริ่มลงมือถอนหญ้าไปเรื่อยๆ ส่วนพี่ชายก็ช่วยพ่อแม่ทำส่วนอื่นๆ พวกเขาทำงานกันอย่างมีความสุข นานแล้วที่ครอบครัวไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อก่อน
จินเยว่เอาแต่วิ่งไล่ตามเฟยหรงไม่เคยมาช่วยงานที่สวนเลย เมื่อลูกสาวเสนอตัวช่วยทำงานส่งผลให้พ่อแม่อุ่นใจยิ่งนักที่ลูกสาวของพวกเขาเริ่มที่จะทำใจได้แล้ว
จินเยว่นึกอะไรขึ้นมาได้เลยหันไปบอกกับหนิงเทียน “ข้าขอตัวสักครู่
นะเจ้าคะท่านแม่” หนิงเทียนที่คิดว่าลูกอาจจะเหนื่อยเลยอยากพักจึงพยักหน้ารับ เมื่ออีกฝ่ายอนุญาตจินเยว่จึงเดินหลบไปหลังต้นไม้ขนาดใหญ่เพื่อเข้าไปในมิติวิเศษ
“เจียวเจี้ย แม่มาแล้ว” หญิงสาวเอ่ยทักทายภูตตัวน้อย
เมื่อได้ยินเสียงจินเยว่ภูตน้อยก็รีบวิ่งมาหาทันที “ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านมากเลยขอรับ” เด็กตัวน้อยโผเข้ากอดจินเยว่เต็มรัก
จินเยว่กอดตอบและส่งมือไปหยิกแก้มน่ารักพลางถามเด็กน้อยว่า “เจ้าเคยบอกแม่ว่าถ้านำน้ำจากน้ำตกผิงอานนี้ไปรดน้ำต้นไม้มันจะเจริญเติบโตอย่างอุดมสมบูรณ์ใช่หรือไม่”
“ขอรับท่านแม่”
“แม่จะเอาไปทดลองดูข้างนอกได้หรือไม่”
“ได้ขอรับท่านแม่ น้ำจากน้ำตกนี้สามารถนำไปใช้นอกมิติได้ขอรับ”
พอได้ฟังแบบนั้นจินเยว่ก็นำกระบอกใส่น้ำที่พกติดตัวมากรอกน้ำจากลำธาร
เข้าไปเต็มกระบอก
เมื่อรู้สึกว่าเข้ามานานแล้วเดี๋ยวคนข้างนอกจะสงสัยหญิงสาวก็ล่ำลาภูตน้อยและออกจากมิติโดยไม่ทันมองแววตาอาลัยอาวรณ์ของเด็กน้อยที่นางหันหลังให้
เมื่อออกมาจากมิติจินเยว่ก็เดินไปที่แปลงนาที่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวซึ่งต้นข้าวในแปลงนี้ใกล้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว เธอลองเอาน้ำจากน้ำตกผิงอานในกระบอกน้ำตัวเองเทลงไปจากนั้นก็นำน้ำที่เหลือไปให้สมาชิกในครอบครัวดื่มกัน
เมื่อเจียวจิ้นได้ดื่มเข้าไปก็รู้สึกประหลาดใจ “เจ้าเอาน้ำนี่มาจากไหนจินเยว่ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นยิ่งนัก” ความเมื่อยล้าที่มีก่อนหน้าปลิวหายไปทันที
จินเยว่ส่งยิ้มไปให้พี่ชาย “ท่านก็พูดเกินไปท่านพี่ ข้าก็ตักมาจากที่บ้าน
นั่นแหละเจ้าค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ สงสัยพวกเราจะทำงานตากแดดนานไป” เขาพยักหน้าส่งๆ และหันไปทำงานต่อ
เมื่อถึงเวลาบ่ายแล้วเจียวจิ้นก็เอ่ยกับครอบครัวว่า “ท่านพ่อนี่มันบ่ายแล้วกลับบ้านกันเถิดขอรับ”
“พวกเจ้ากลับไปก่อนเถิดพ่อกับแม่ยังต้องอยู่ทำต่อ” คำตอบของเขาสร้างความประหลาดใจให้กับเจียวจิ้นเป็นอย่างยิ่ง
“แต่นี่ไม่ใช่เวลาเลิกงานของเราหรือขอรับก่อนหน้านี้ก็เลิกเวลานี้
มาตลอด”
ซีห่าวทำหน้าลำบากใจ “ก่อนหน้านี้น้องสาวเจ้าป่วยหนัก พ่อกับแม่เลยไปขอร้องให้ปู่ของเจ้าตามหมอมารักษา ท่านย่าของเจ้าจึงให้พวกเราทำงานเพิ่มเพื่อแลกกับเงินที่พวกเขาใช้รักษาจินเยว่”
เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กทั้งสองรู้สึกสลดใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจินเยว่ถึงคนที่เลือกจะกินยาพิษไม่ใช่เธอแต่มันก็สร้างความรู้สึกผิดให้กับเธออย่างมาก พวกเขาช่วยกันทำงานจดถึงยามอิ่ว (17:00น.-18:59น.) ก็พากันกลับบ้านพักผ่อน
