บทที่ 4 กู้เจียวจิ้น
บทที่ 4 กู้เจียวจิ้น
"ว่าแต่เจียวเจี้ย แล้วแม่จะออกไปจากมิตินี้ได้อย่างไรเล่า"
"ท่านแม่แค่พูดว่าออกหรือจะนึกในใจก็ได้ ท่านก็จะสามารถออกจากมิติ
แห่งนี้ได้แล้วขอรับ" เด็กน้อยตอบไปพลางทำหน้างอ
"ท่านจะไปแล้วหรือขอรับ" ดูทำหน้าตาเข้าน่าหยิกเสียจริง
"แม่คงต้องออกไปแล้ว สงสารพ่อแม่ของจินเยว่ป่านนี้คงเสียใจแย่แล้วที่นางหมดสติไป"
"ท่านต้องมาหาข้าบ่อยๆนะขอรับท่านแม่" ภูตน้อยพูดพร้อมทำหน้าตา
ออดอ้อนจินเยว่
"แม่สัญญาว่าแม่จะมาหาเจ้าบ่อยๆ" หลังจากกล่าวลาภูตน้อยร่างเล็กก็
หันหลังไปอีกฝั่ง
"ออก" พอพูดจบนางก็กลับมาโผล่ในห้องเดิมทันทีโชคดีที่พ่อแม่ของจินเยว่ไม่อยู่ก็เลยไม่มีใครสงสัยว่านางหายไปไหน
วันรุ่งขึ้นพี่ชายของจินเยว่ก็กลับมาจากสำนักศึกษาพร้อมกับพี่ชายของจางลี่ เจียวจิ้นเป็นเด็กหนุ่มอายุ18หนาวรูปร่างสูงใหญ่ เขาเป็นที่ชื่นชอบของอาจารย์หลายๆ คนด้วยความเฉลียวฉลาดและความอ่อนน้อมถ่อมตนของเขา
เมื่อเขามาถึงก็ต้องพบกับผู้เป็นย่าและคนอื่นๆ นั่งอยู่กลางห้องรับรอง "ปู่เจ้ากับลุงเจ้าก็อยู่ กลับมาแล้วคิดจะมาทำความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่บ้างหรือไม่ นิสัย
เลวทรามเหมือนแม่มันไม่มีผิด" จางฮุ่ยกล่าวน้ำเสียงประชดประชัน
เด็กหนุ่มลอบถอนหายใจด้วยความอึดอัด พึ่งจะกลับมาถึงก็โดนอีกแล้วแต่เขาก็ยอมกระทำตาม
"ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ" กล่าวเสร็จก็เดินไปที่บ้านของครอบครัวเขา
"จะไปไหนก็ไปเถิด อย่ามาขวางหูขวางตาผู้อื่น"
คล้อยหลังเจียวจิ้นก็มีพี่ชายของจางลี่ที่ตามมา "มาแล้วหรือหย่งเอ๋อร์ของย่า มาๆมาให้ย่าดูหน่อยว่าเจ้าโตขึ้นเยอะหรือไม่ ไม่เจอกันนานย่าเป็นห่วงเจ้าแทบแย่ แล้วการเรียนเป็นอย่างไรบ้างเล่า หลานย่าก็ต้องเก่งที่สุดอยู่แล้ว"
สีหน้าแม่เฒ่าเปลี่ยนทันทีที่ได้เห็นหน้าของหลานชายคนโต ใบหน้าเผยรอยยิ้มอบอุ่นต่างกับเมื่อครู่ยิ่งนัก
"เอ่อ ขอรับท่านย่า" เขาตอบได้อย่างไม่เต็มคำนัก จะให้บอกท่านย่า
ได้อย่างไรว่าผลการเรียนของเขาย่ำแย่จนต้องเรียนซ้ำชั้น ถ้าบอกไปแล้วท่านปู่ให้ลาออก เขาก็ต้องกลับมาทำงานเกษตรของครอบครัวแล้วจะทำอย่างไรเล่า
ตอนที่จินเยว่กลับมาที่ห้องนอนนางรู้สึกปวดหัวอย่างหนักเหตุการณ์ต่างๆ มากมายแล่นเข้ามาในหัวจนนางต้องนอนกระสับกระส่าย ทั้งเหตุการณ์ที่จินเยว่โดนป้าสะใภ้ตบตี ตอนที่เห็นจางลี่พลอดรักกับคนรักของตน ตอนที่จางลี่แกล้งตบหน้าตัวเองแล้วโวยวายว่านางเป็นคนทำ ทุกอย่างไหลเข้ามาโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
เมื่อเจียวจิ้นมาถึงห้องนอนก็ไม่เห็นมีใครอยู่ในห้องนอกจากน้องสาวที่นอนอยู่บนเตียง เขาเดินเข้าไปเพื่อจะทักทายน้องสาวแต่เห็นว่าอีกฝ่ายหลับอยู่ก็คิดจะปลุก สายป่านนี้แล้วยังจะนอนทำอะไรอีก มือของเขากำลังขยับเข้าไปปลุกจินเยว่
พรึ่บ
"เฮ้ย"
"กรี๊ดดด"
จินเยว่ลืมตาขึ้นมาพอดีกับที่เจียวจิ้นยื่นมือเข้ามา ทั้งคู่ร้องตกใจ แต่เมื่อ
ตั้งสติได้ก็ระบายยิ้มให้กัน สำหรับจินเยว่แล้วเจียวจิ้นเป็นพี่ชายที่ดีของเธอ เขาคอยช่วยเหลือจินเยว่ตลอด เวลาที่นางโดนลงโทษจากความผิดที่นางไม่ได้ก่อก็เป็นเขาที่ร่วมรับบทลงโทษนั้นเพื่อให้นางโดนน้อยลง
ชายหนุ่มเป็นฝ่ายเอ่ยทักทายน้องสาวก่อน “เจ้าขี้เกียจถึงขนาดนี้เลยหรือน้องข้า สายป่านนี้แล้วไยเจ้ายังอยู่บนที่นอนอีก” เขาพูดแกมหยอกมากกว่าดุน้องสาว
“นี่ท่านไม่รู้หรือว่าท่านเกือบไม่ได้เห็นหน้าน้องสาวท่านแล้วนะ” จินเยว่พูดรอยยิ้มของนางไปไม่ถึงดวงตา
เมื่อได้ยินคำของน้องสาวเขาก็หุบยิ้มทันที “เจ้าพูดเรื่องอะไรกัน มิใช่เรื่องตลกนะกู้จินเยว่” ใบหน้าคมเคร่งเครียด ไม่ได้เห็นหน้ามันไม่ได้แปลว่าจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วหรือ
“ข้าไม่อยากพูดถึงมันแล้วท่านพี่ ปล่อยมันไปเถิด”
“เอาเถิด แล้วนี่พ่อกับแม่ยังทำงานอยู่ที่สวนใช่หรือไม่ข้าจะได้ไปช่วย
พวกเขา”
“เจ้าค่ะ ข้าขอไปด้วยนะเจ้าคะ”
“งั้นเราไปกันเถอะ”
สองพี่น้องพากันเดินไปยังแปลกผักแต่ก่อนที่จะออกจากบ้านก็มีเสียง
เหน็บแนมลอยมาจากมุมหนึ่งของบ้าน
“ไหนว่าใกล้ตายแล้วทำไมยังเสนอหน้าออกมาได้ หึ เสแสร้งล่ะสิไม่ว่า ท่านปู่ไม่น่าเสียเงินรักษาให้เปลืองเลย” จางลี่ที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องรับแขกพูดขึ้นมาเมื่อเห็นสองพี่น้องจับมือกันเดินผ่านไป
จินเยว่แกล้งบีบเสียงตอบ “แหมพี่สาว ข้าอุตส่าห์รอดตายมาได้ท่านจะแช่งให้ข้าตายไปจริงๆ หรือ ท่านพูดอย่างนี้น้องเสียใจนะเจ้าคะ”
เจียวจิ้นจุดยิ้มเบาๆ ที่มุมปาก เขาไม่อยู่แค่เกือบปีน้องสาวเขาสู้คนเป็นแล้วหรือนี่
