บทที่ 2 ลักพาตัว
บทที่ 2 ลักพาตัว
ศศิธรหรือเดือนหญิงสาวอายุ24ปี เธอเป็นพนักงานออฟฟิศในบริษัท
แห่งหนึ่ง เธอทำงานที่นี่มาได้หลายปีแล้วส่งผลให้เงินเดือนของศศิธรสูงค่อนข้างที่จะสูง แต่ความฝันสูงสุดของเธอคือการได้กลับไปอยู่บ้านนอกและใช้ชีวิตกับแม่ที่ใกล้ชรา ทำสวนปลูกผักใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยสบายๆ ไม่ใช่ชีวิตที่ทุกอย่างคือการแข่งขันและต้องเร่งรีบไปเสียหมด
เธอกำลังอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว เนื่องจากโครงการที่เธอได้รับมอบหมายล่าสุดถูกส่งต่อให้กับฝ้ายคู่อริของเธอ ทั้งศศิธรและฝ้ายเป็นคนสวยทั้งคู่ เดือนเป็นคนสวย
ที่มองแล้วสบายตาเธอชอบแต่งตัวเรียบง่าย ส่วนฝ้ายเธอเป็นคนสวยที่หน้าตาเย้ายวนชอบแต่งตัวเซ็กซี่ฝ้ายมักจะมีหนุ่มๆ ในออฟฟิศมาตามจีบเสมอ
ในตอนแรกๆ ที่เข้ามาพร้อมกันทั้งคู่เคยสนิทกันมาก สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่มีปัญหากันเพราะฝ้ายเคยแย่งงานของเดือนไปโดยการขโมยไฟล์งานในคอมพิวเตอร์ของเดือนไปมันเป็นโครงการที่เดือนใช้เวลาหลายเดือนในการคิดค้น เดือนไม่มีหลักฐานอะไรในการเอาผิดอีกฝ่าย หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เริ่มมีปัญหากันเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ถนนxxx เวลา 08.30 น.
ศศิธรกำลังนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ วันนี้รถติดหนักกว่าทุกวัน “คุณผู้ชมคะ
เรากำลังอยู่หน้าโรงเรียนย่านxxxที่มีเหตุโครงสร้างอาคารถล่มลงมาในช่วงเย็นของ
เมื่อวานค่ะ จากรายงานพบว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น13คนคือผู้รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนที่กำลังเดินตรวจอาคารตอนเกิดเหตุ2ศพ เด็กนักเรียน9ศพและครูอีก2ศพ” เธอได้ยินข่าวจากเครื่องเล่นเสียงบนแท็กซี่ก็รู้ได้ถึงสาเหตุที่รถติดทันที
ในขณะนั้นเองเธอก็หันไปเห็นโรงเรียนที่เกิดเหตุถล่ม ได้แต่คิดในใจว่าน่าสงสารจริงๆ ยังเป็นเด็กกันอยู่แท้ๆ ต้องมาโชคร้ายแบบนี้ ชีวิตคนเรานี่มันไม่แน่ไม่นอนจริงๆ เราจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจะตายเมื่อไหร่ พอคิดมาถึงตรงนี้ก็ทำให้คิดถึงแม่ที่รออยู่ที่บ้านที่ต่างจังหวัดขึ้นมา เมื่อไหร่จะได้กลับไปอยู่กับแม่นะคิดถึงจะแย่อยู่แล้ว แม่
รอหนูก่อนนะอีกไม่นานเราจะได้ใช้ชีวิตที่วาดฝันไว้ด้วยกัน
เมื่อมาถึงบริษัทเธอก็นั่งพักจิบกาแฟที่โต๊ะทำงานเพื่อเรียกสติก่อน
เริ่มงาน ศศิธรเป็นคนขยันตั้งใจทำงานเธอมักจะมาถึงคนแรกและกลับคนสุดท้ายเสมอ
เมื่อเห็นว่ามีคนมาใหม่เป็นพี่ที่สนิทกันก็ยิ้มทักทายและถามว่า “พี่จิ๊บ เอกสารรายงานประชุมเมื่อวานอยู่กับพี่หรือเปล่าคะหนูจะเอามาทำสรุปไว้”
“อ๋อ อยู่ในห้องเก็บเอกสารนู่นแหละพี่พิมพ์เสร็จก็เอาไปเก็บตั้งแต่เมื่อเย็น”
“ขอบคุณค่ะ งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ” ศศิธรยิ้มขอบคุณ และลุกขึ้นเพื่อเดินไปที่ห้องเก็บเอกสารทันที
เมื่อมาถึงเธอก็เริ่มค้นหาแฟ้มรายงานประชุม “เอ๊ะ ปกติมันต้องอยู่ชั้นนี้สิใครย้ายไปไหนนะ” เธอพึมพำเบาๆ
ศศิธรค้นหาไปเรื่อยๆ จนมาเจอกับแฟ้มสีส้มเล่มหนึ่งเธอเปิดอ่านมัน
”เจอสักที” เธอกำลังหันหลังกลับเพื่อจะออกไปทางประตูแต่ก็มีเสียงคุ้นหูแว่วข้ามาจากประตูอีกฝั่งที่เชื่อมกับห้องของหัวหน้าของเธอ
เสียงของหญิงสาวกล่าวว่า “พี่นัท พี่สัญญากับฝ้ายแล้วนะว่าจะซื้อกระเป๋าใบนี้ให้อ่ะทำไมพี่ผิดสัญญาล่ะ”
“ฝ้ายก็ต้องเข้าใจพี่ด้วยเดือนนี้พี่ต้องจ่ายค่าเทอมลูก ฝ้ายรอเดือนหน้าไม่ได้หรอ” เมื่อรู้ว่าในห้องนั้นเป็นใครเดือนตกใจสุดขีดรีบเอามือกุมริมฝีปากทันที
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าพี่ไม่ซื้อให้ฝ้ายจะไปบอกเมียพี่เรื่องของเรา ฝ้ายไปละ” น้ำเสียงของเธอประชดประชันชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า ฝ้ายเดินหนีอีกฝ่ายมือของเธอเอื้อมไปจับลูกบิดประตู
เมื่อศศิธรรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเปิดประตูเข้ามาเธอก็รีบหันหลังกลับเพื่อจะรีบวิ่งออกจากห้องเอกสารแต่ด้วยความที่ห้องนี้ค่อนข้างอัดแน่นไปด้วยเอกสารทำให้เธอสะดุดล้มลงไปใส่ชั้นเอกสารทำให้ชั้นโอนไปเอนมาเครื่องเย็บเอกสารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนชั้นล่วงลงมาโดนศีรษะของเธอ
ตึง!
ศศิธรหมดสติทันที “กรี๊ดดด เดือน!เป็นอะไรไหม เดี๋ยวฉันจะไปตามคน
มาช่วยนะ” ฝ้ายที่เข้ามาเห็นก็รีบไปดูอาการเดือนทันทีถึงจะไม่ถูกกันแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเจ็บตัวเธอก็ไม่อาจเมินเฉยได้ แต่มันสายไปเสียแล้วร่างของศศิธรกลายเป็น
ร่างไร้ลมหายใจไปแล้ว
ณ บ้านสกุลกู้
ศศิธรรู้สึกตัวมาได้สักพักแล้วแต่เธอยังไม่สามารถปรับม่านตาให้รับแสงได้ หญิงสาวรู้สึกได้ว่ามือทั้งสองข้างของเธอโดนฝ่ามืออุ่นของบางคนจับไว้เบาๆ
“แม่หรอ แม่” เธอพยายามเปล่งเสียงออกมาแต่มันช่างแหบแห้งเหลือเกิน
“เยว่เอ๋อร์ แม่อยู่นี่ลูก พ่อกับแม่อยู่นี่แล้วนะ” ใครคือเยว่เอ๋อร์ ไม่เห็นรู้จัก เปลือกตาของเธอเริ่มเปิดออกได้ครึ่งหนึ่งแล้ว หางตาเห็นเงาของคนสองคน ในหัวเริ่มประมวลผล เอ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อนนะนี่มันภาษาจีนไม่ใช่เหรอ ศศิธรพูดภาษาจีนได้เพราะเธอต้องคุยกับลูกค้าที่เป็นคนจีนบ่อยๆ จึงต้องไปเรียนภาษาเอาไว้
เมื่อเธอลืมตาทั้งสองข้างขึ้นก็ต้องตกใจสุดขีด คนพวกนี้เป็นใครกัน แล้วนี่เราอยู่ที่ไหน ทำไมมันเหมือนในหนังย้อนยุคเลย โอเคยัยเดือนเมื่อกี้เธอโดนของแข็งหล่นใส่แล้วก็หมดสติไป แล้วพอลืมตาขึ้นมาเธอก็มาโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้คิดสิคิด เอาล่ะมันต้องใช่แน่ๆ
ศศิธรในร่างจินเยว่พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งโดยมีพ่อแม่ของเยว่จิช่วยประคอง “พวกคุณจับตัวฉันมาทำไม ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ ไม่งั้นฉันจะโทรเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้เลย” พูดแล้วก็พยายามควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า เอ๊ะ! แล้วกระเป๋าไปไหน
เธอยังคงพยายามหาต่อไป
“เยว่เอ๋อร์ ลูกพูดเรื่องอะไรกัน แม่ไม่เข้าใจ” หนิงเทียนทำหน้าฉงน เมื่อครู่
เยว่เอ๋อร์ของนางยังนอนซมอยู่เลยแล้วนี่ลุกขึ้นมานั่งได้อย่างไร
พอหาไปสักพักศศิธรเริ่มหอบหายใจแรงขึ้น เธอรู้สึกเหนื่อยจนหายใจไม่ทันท้ายที่สุดก็สลบไปอีกครั้ง
“ไม่นะเยว่เอ๋อร์ ท่านพี่ทำอย่างไรดีเจ้าคะ” หนิงเทียนถามเสียงสั่น
“ให้ลูกนอนพักก่อนเถอะ นางไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว” เขาเลือกที่จะตอบ
หนิงเทียนไปแบบนั้นเพราะไม่อยากให้ภรรยาทุกข์ใจไปมากกว่านี้
“เจ้าค่ะ” หนิงเทียนจำใจยอม แต่มือก็กุมมือของบุตรสาวไว้ไม่ปล่อย
