บทที่4
บทที่ 4
ซงอวี้หลินเดินเข้าไปในจวนหลี่พร้อมผู้ติดตามเมื่อได้พบกับคหบดีหลี่นางก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่ถึงกระนั้นก็แอบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาคาดคั้น
“ข้ามาเพื่อไต่ถามเรื่องเวลาตกฟากของบุตรสาวคนเล็กของท่านคหบดีหลี่ ข้าทราบมาว่านางเกิดปีกระต่าย เดือนเจีย เพียงแต่วันนั้นคหบดีหลี่พอจะบอกความจริงแก่ข้าได้หรือไม่”
คหบดีหลี่หายใจยาวเขาคิดอยู่แล้วว่าอาจจะมีวันนี้ ตั้งแต่ได้ยินข่าวคนตามหาเด็กสาวที่เกิดปีและเดือนเดียวกับลูกสาวของเขา
ตอนแรกไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นตามหาไปเพื่ออะไร และใครเป็นคนตามหาแต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร
เขาก็หวังว่าคงจะมีเด็กสักคนที่มีวันเดือนปีเกิดใกล้เคียงกับบุตรีของเขาแล้วเดี๋ยวเรื่องมันก็คงจะซาไปเอง
แต่ดูเหมือนตอนนี้จะไม่เป็นอย่างนั้นแล้วชายมีอายุหันไปมองภรรยาของเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทั้งคู่สบตากันอย่างจำยอมก่อนจะพยักหน้าเบาเพื่อตอบรับคำของฮูหยินของตระกูลโจว
“บุตรีคนเล็กของข้า เกิดปีเถาะ เดือนเจีย วันขึ้น 8 ค่ำ ยามเหม่าขอรับ”
ดวงตาของซงอวี้หลินสว่างวาบ นางยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “เช่นนั้นข้าขอทำการสู่ขอและหมั้นหมายบุตรีของท่านกับบุตรชายของข้าโจวอี้หลงจะได้หรือไม่ อีกไม่เกินชั่วยามข้าจะกลับมาพร้อมกับสินสอดและแม่สื่อพร้อมหนังสือหมั้นหมายและเวลาตกฟากของอี้หลง หากสินสอดไม่พอเอาไว้คุยกันวันหลังได้ แต่งานหมั้นต้องจัดวันนี้เท่านั้น”
คหบดีหลี่อึ้งไปชั่วครู่ เขาหันมามองภรรยาและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างจะลังเลถึงกระนั้นก็ไม่กล้าจะขัดตระกูลขุนนาง “เรื่องนี้...มิใช่ว่าควรคิดให้ดีเสียก่อน...”
“ข้าคิดดีแล้ว ต้องเป็นบุตรีของท่านเท่านั้น ข้าได้เตรียมสินสอดและหนังสือหมั้นหมายเอาไว้พร้อมแล้ว ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะจัดการทุกอย่างให้สมเกียรติอย่างแน่นอน ข้าขอตัวไปจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ก่อนเวลามีไม่มาก อีกชั่วยามข้าจะมาพร้อมกับขบวนของหมั้นและแม่สื่อหวังว่าท่านจะให้การต้อนรับ” ซงอวี้หลินกล่าวจบก็เดินกลับออกไป นางจัดการทุกอย่างรวดเร็วราวกับซื้อผักซื้อปลา
โจวอี้หลงที่กำลังแต่งตัวด้วยชุดทหารเต็มยศเตรียมจะเดินทางกับบิดาก็ต้องตกใจเมื่อแม่ของเขาบอกกับทุกคนว่าก่อนจะเดินทางออกนอกเมืองจะต้องแวะจัดการทำพิธีสู่ขอคุณหนูตระกูลหลี่เสียก่อน
“ท่านแม่แน่ใจนะว่าไม่ได้ถูกใครหลอกเอา” แม้จะไม่อยากขัดมารดาแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่านี่มันออกจะพอดิบพอดีไปหรือไม่ หากตระกูลคหบดีนั่นต้องการคนหนุนหลัง
“เชื่อแม่เถอะว่าเขาไม่ได้หลอกเราหรอก” ซ่งอวี้หลินพูดอย่างพอใจเพราะเป็นนางที่เรียกได้ว่าบังคับตระกูลหลี่ให้ทำตาม
โจวอี้หลงมองสีหน้าแปลก ๆ ของแม่แล้วก็ได้แต่สงสัย แต่เมื่อพ่อของเขาไม่พูดอะไรอีกเพราะนี่ถือว่าแม่ของเขาได้ทำตามเงื่อนไขที่พ่อของเขาบอกแล้ว ตัวเขาเองก็คงจะปฏิเสธอะไรไม่ได้
ขบวนสินสอดจากตระกูลโจวเดินทางมาถึงจวนหลี่อย่างรวดเร็วในเช้าวันนั้น ชาวบ้านที่เห็นต่างพากันหยุดมองและกระซิบไต่ถามกันไปมาอย่างไม่คิดจะปิดบังเพราะเรื่องนี้ดูไม่มีที่มาที่ไปและก็ไม่เคยได้ยินข่าวว่าสองตระกูลนี้คิดจะดองกันเลยแม้แต่นิด
“ได้ยินมาว่าแม่ทัพโจวจะมาหมั้นหมายกับบุตรีของตระกูลหลี่ให้บุตรชายจริง ๆ น่ะหรือ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างทางขบวนสินสอดเพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อทุกคนก็เอาแต่พูดถึงเรื่องนี้กันแล้ว
“คงจะจริงเห็นพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปจวนตระกูลหลี่ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะดูเร่งรีบอย่างไรไม่รู้ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้เห็นขบวนสินสอดใหญ่ขนาดนี้มานานแล้ว” อีกเสียงทักขึ้นซึ่งก็ดูจะสงสัยไม่ต่างจากคนแรก
“แปลกจริง ๆ ทำไมถึงรีบกันขนาดนี้ แล้ววันนี้ไม่ใช่ว่าแม่ทัพโจวกับบุตรชายทั้งสามจะเดินทางออกนอกเมืองไปค่ายทหารหรอกหรือ ลูกข้าก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารจะต้องไปรอบนี้ด้วยเหมือนกัน วันนี้เขาก็ให้ไปรวมตัวที่ค่ายนอกเมืองแล้ว”
ต่างคนต่างมองหน้ากันไปมา ยิ่งพูดคุยก็ยิ่งเกิดความสงสัย แต่เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนใหญ่คนโตสุดท้ายจึงได้แต่ออกความเห็นกันเพียงเล็กน้อยแล้วก็แยกย้ายไม่มีใครกล้าพูดอะไรมากไปกว่านั้น
เพราะเอาเข้าจริงแม้แต่คนที่อยู่ในเนื้อเรื่องที่ทุกคนพูดคุยกันอยู่อย่างคหบดีหลี่และภรรยาก็ยังไม่กล้าที่จะพูดมากในเรื่องนี้เลย
ทั้งสองยืนรอขบวนสินสอดที่ฮูหยินโจวบอกว่าจะส่งมา แต่ผ่านมาเกือบชั่วยามแล้วก็ยังไม่มีวี่แวว มิใช่ทั้งคู่อยากให้ขบวบสินสอดมา พวกเขาอยากให้ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดและล้อเล่นมากกว่า แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นเมื่อคนตระกูลโจวมาหยุดลงที่หน้าจวนหลี่
ในขณะที่ทุกคนในจวนหลี่กำลังเร่งรีบเตรียมการเพื่อทำพิธีหมั้นอย่างเร่งด่วน หลี่หว่านเอ๋อร์ที่ออกมาดูดอกไม้ในสวนข้างโถงใหญ่ทุกเช้าก็ยืนมองความวุ่นวายนั้นด้วยแววตาสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ” แม้สาวใช้คนสนิทจะรู้แต่ก็ไม่กล้าบอกกับเด็กน้อยว่าหนึ่งในคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือว่าที่สามีในวันข้างหน้าของคุณหนูตัวน้อย
