บทที่5
บทที่ 5
คหบดีหลี่และฮูหยินที่ยืนอยู่ข้างในจวนหันมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจออกมา แม้จะพยายามยิ้มแย้มแต่ใบหน้าพวกเขากลับเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ
“เราควรทำอย่างไรดี” ฮูหยินหลี่ถามเสียงเบา สายตาจับจ้องไปยังขบวนสินสอดที่กำลังขนเข้ามาอย่างไม่ขาดสายพวกเขาไม่ได้ตื่นเต้นกับมูลค่าของมันเลยแม้แต่นิด
เพราะตระกูลหลี่ก็เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวย พวกเขาค้าขายได้ดีมีเงินทองมากมาย ร้านขายข้าวของพวกเขาก็เรียกได้ว่าเป็นร้านที่ขายได้ดีที่สุดในเมืองร้านหนึ่งแต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงพ่อค้า
คหบดีหลี่ถอนหายใจหนักอีกครั้งก่อนจะตอบกลับไปอย่างไร้หนทาง
“เราไม่มีทางเลือกอื่น ขุนนางใหญ่โตอย่างตระกูลโจวจะทำอะไรใครจะสามารถขัดขวางได้ ถ้าเราปฏิเสธ... พ่อค้าทุกคนในเมืองคงจะหันหน้าหนีไม่ทำการค้ากับพวกเรา ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องเป็นเรื่องแน่ ๆ เรื่องนี้ค่อยหาวิธีแก้ไขกันภายหลังก็แล้วกัน”
ทั้งคู่ตกลงจะตามน้ำไปก่อนเพราะรู้ดีว่าพวกเขาไม่มีอำนาจมากพอที่จะต่อต้านตระกูลโจว ตระกูลแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ แม้ในใจจะไม่เต็มใจแต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมจำนน
โดยมิได้รู้เลยว่าไม่ได้มีแต่พวกเขาที่ไม่ต้องการให้งานหมั้นหมายครั้งนี้เกิดขึ้น
โจวอี้หลงที่เดินตามพ่อแม่เข้ามาในตระกูลหลี่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ เขาเองก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าคนตระกูลนี้ไม่ได้ต้องการมาหลอกลวงอะไรแม่ของเขาก็ตอนที่ได้เจอกับทั้งคู่
ไม่รู้ว่ามารดาเขาไปทำอย่างไรเข้าแต่สุดท้ายตระกูลหลี่ยอมรับหมั้นแม้แต่ว่าที่คู่หมั้นเขาก็ไม่รู้ว่านางอยู่ที่ไหนหรือหน้าตาเป็นอย่างไรเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้ทั้งเขาและตระกูลหลี่ก็ไม่ต่างกัน ต่างต้องทำตามคำของมารดาของเขาเช่นเดียวกัน โจวอี้หลงส่ายหน้า ว่าจะหลุดพ้นจากเรื่องนี้แล้วแท้ ๆ แต่แม่ของเขาก็จัดการหาคนตามคำทำนายมาจนได้
ถึงเป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาวิตกกังวลอะไรวันข้างหน้าไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น วันนี้เขาก็แค่ทำตามคำขอของแม่ให้จบ ๆ ไป ส่วนวันข้างหน้าก็แค่หาทางยกเลิกมันก็เท่านั้น
พี่ชายทั้งสองตบบ่าน้องชายคนเล็กราวกับจะให้กำลังใจ และในทันทีที่พิธีเสร็จสิ้นพวกเขาก็เร่งเดินทางออกไปยังค่ายนอกเมืองในทันที
โจวอี้หลงรีบเดินออกจากจวนหลี่จนไม่เห็นเด็กน้อยที่ในวันข้างหน้าจะต้องมาเป็นคู่ชีวิตของเขา
ทุกอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครทันตั้งตัว แม้แต่คนที่จัดการอย่างซ่งอวี้หลินเอง หลังจากเสร็จเรื่องนางจึงยังรั้งรออยู่ที่จวนตระกูลหลี่เพื่อดูตัวคนที่นางตามหามาเพื่อบุตรชายของตน
ก่อนหน้านี้เพราะความรีบร้อนจึงเผลอลืมไปเสียสนิทว่าหากบุตรสาวของคหบดีหลี่คนนี้ขี้ริ้วขึ้นมาเล่า แม้จะเอาแต่ใจเรื่องที่ซินแสว่าแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงบุตรชาย และตอนนี้ถึงได้ย้อนกลับมานึกกังวลเรื่องเล็กน้อยเข้าเสียได้
“ข้าขอพบบุตรีของท่านได้หรือไม่ ข้าอยากเห็นว่าผู้ที่มีวาสนาเกี่ยวข้องกับบุตรชายของข้าเป็นเช่นไร”
คหบดีหลี่ทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับแม้จะมีฮูหยินของเขากระตุกชายเสื้อของอีกฝ่ายเบา ๆ คล้ายจะไม่ต้องการให้บุตรสาวออกมาเจอกับคนตระกูลโจวก็ตาม
“อย่างไรสักวันก็ต้องได้เจอ” คหบดีกระซิบบอกกับภรรยา และเพราะคำนั้นจึงยอมสั่งสาวใช้ให้ไปตามหลี่หว่านเอ๋อร์บุตรสาวคนเล็กออกมาพบกับคนตรงหน้า
ไม่นานนักเด็กหญิงในชุดสีชมพูอ่อนก็เดินเข้ามาพร้อมกับกิริยาที่ดูเรียบร้อย
“ท่านแม่ให้คนไปตามลูกมีอะไรหรือเจ้าคะ” ระหว่างที่สามแม่ลูกกับอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้เด็กน้อยพอเข้าใจ
ซงอวี้หลินก็แอบลอบมองเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความประทับใจ แม้จะยังเยาว์วัยแต่กลับมีท่าทางที่ดูงดงามแฝงอยู่ ใบหน้าก็ชวนให้เอ็นดู “หลี่หว่านเอ๋อร์สินะ” นางเอ่ยพลางส่งยิ้มอบอุ่น
“เจ้าค่ะ” เสียงของหลี่หว่านเอ๋อร์นุ่มนวลกิริยามารยาทที่แสดงออกมาก็ทำให้คนมองยิ่งรู้สึกชื่นชอบ “อ่านเขียนอักษรได้หรือไม่”
“ได้เจ้าค่ะ แต่ยังไม่เก่ง ช่วงนี้ข้าจึงชอบอ่านตำราต่าง ๆ มากกว่า แต่ก็กำลังฝึกเขียนอักษรเจ้าค่ะ ท่านพ่อบอกว่าอักษรข้าเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว” เด็กน้อยตอบพร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“เช่นนั้นหรือ” สองสามีภรรยาเห็นอีกฝ่ายหัวเราะเอ็นดูบุตรสาวก็รู้สึกเบาใจอยู่บ้าง “เจ้าเขียนอักษรได้ดีตั้งแต่ยังเด็กเช่นนี้ ช่างน่าภูมิใจยิ่งนัก คหบดีหลี่กับฮูหยินคงจะดูแลเจ้ามาอย่างดีสินะ”
“ท่านพ่อท่านแม่ดูแลข้าอย่างดีเจ้าคะ แต่ถึงอย่างนั้นข้าเองก็ยังมีเรื่องที่ต้องเรียนรู้อีกมาก” หลี่หว่านเอ๋อร์กล่าวอย่างถ่อมตัว
ยิ่งได้มาเจอตัวซ่งอวี้หลินก็ยิ่งมั่นใจว่าเด็กคนนี้เหมาะสมกับอี้หลงอย่างแท้จริง นางไม่เพียงแต่น่ารัก แต่ยังฉลาดและมีกิริยามารยาทงดงาม
“ข้ารู้สึกโล่งใจนักที่บุตรชายข้าจะได้คู่หมั้นที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้” สองสามีภรรยาหลี่ได้แต่ยิ้มรับอย่างเก ๆ กัง ๆ ตอนนี้เป็นพวกเขาต่างหากที่ต้องคิดมากเรื่องว่าที่ลูกเขยในวันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร
“วันนี้รบกวนมากแล้วเรื่องสินสอดหากต้องการเพิ่ม...”
“พวกเรามีมากพอมิได้ต้องการอะไร เพียงแค่อยากให้ทางตระกูลโจวทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนเพื่อไม่ให้เป็นข่าวลือไม่ดี อย่างไรบุตรสาวของข้าก็ยังเด็กนัก”
“มิต้องห่วงทางเราจะบอกว่ามีการพูดคุยเรื่องนี้เอาไว้แล้วแต่เพราะเรื่องบ้านเมืองจึงเร่งรีบเช่นนี้”
