บทที่ 16 เปลี่ยนคำไปมา
“นับจากเด็กจนโต ยังไม่เคยมีใครสนใจห่วงใยข้าเช่นนี้มาก่อน แม้แต่ยายฝูมักต่อว่าข้าต่าง ๆ นานา เวลาที่ข้าเจ็บป่วยนางก็จะให้ข้าทำงานจนหมดแรงไปเอง ส่วนคุณชายท่านนี้..แม้เขาคิดส่งตัวข้าไปให้ทางการลงโทษ แต่เหตุใดข้าจึงสัมผัสได้ถึงความมีเมตตาของเขา อันที่จริงแล้วเขาดูมีความเป็นมนุษย์มากกว่าครอบครัวแท้ ๆ ของข้าเสียอีก”
“คิดอันใดอยู่ เจ้านั่งมองห่อยาเช่นนั้น แผลของเจ้าจะหายได้อย่างไร” น้ำเสียงอบอุ่นทำให้หญิงสาวเลื่อนสายตามองเขา แล้วหันไปหยิบน้ำ มาผสมกับยาสมุนไพร ก่อนจะแปะไว้ที่แผลตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
เสียงของรถม้าวิ่งผ่านลำธารมุ่งตรงไปยังทิศเหนือเรื่อย ๆ หลันฮวานั่งนิ่งเลื่อนสายตามองสองข้างทาง ก่อนจะใช้มือสะกิดไปที่ไหล่ของชายหนุ่มอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“คุณชาย...ข้ามาคิด ๆ ดูแล้ว ข้าไม่อยากติดคุกแล้วล่ะ” น้ำเสียงของนางทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจ แล้วเลื่อนสายตามองนาง
“เจ้าเป็นคนเช่นไรกันแน่..เมื่อครู่ยังต้องการติดคุกเพื่อจะมีอาหารกินครบทุกมื้อ เวลาผันเปลี่ยนไปได้ไม่ถึงสองชั่วยาม เหตุใดจึงเปลี่ยนใจเร็วเช่นนี้”
“หากข้าติดคุกเพราะความหิวโหยของตัวเอง ท่านคิดว่ามันยุติธรรมต่อข้าแล้วเช่นนั้นฤา ที่ข้าต้องขโมยของ ก็เพราะท้องของข้ามันหิว” หญิงสาวชี้ไปที่ท้องของตัวเอง พร้อมกับชายหนุ่มหวนนึกถึงความหิวโหยของนางเมื่อครู่จึงชะงักไม่ตอบโต้
“ธรรมชาติของมนุษย์ข้าเชื่อว่าไม่มีใครยอมหิวตาย ใครที่มาอยู่ในสภาพเดียวกับข้า ก็ต้องทำเช่นเดียวกับข้าทั้งนั้นเพื่อให้มีชีวิตรอด”
“เจ้าพูดเช่นนี้ พยายามจะให้ข้าเห็นใจ แล้วปล่อยเจ้าไปทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่นอีกใช่ฤาไม่”
“ข้าสัญญากับท่านก็ได้ ว่าข้าจะไม่ขโมยของผู้ใดอีก หากข้าหิว ข้าจะไปที่จวนของท่านแทน” ชายหนุ่มหันกลับมายังดวงตากลมแป๋วของนาง ที่แฝงด้วยความขี้เล่น ก่อนหญิงสาวจะนึกสนุกบางอย่าง
“ข้าเพียงแต่ล้อท่านเล่น ข้าไม่ทำเช่นนั้น หรอก อย่าได้ห่วงไป” หลันฮวานึกขำในสีหน้าของหวงซีเหริน จึงได้ฉีกยิ้มแล้วขยับไปใกล้ ๆ
“ข้ารับปากท่าน ว่าข้าจะไม่ออกอาละวาดให้ผู้อื่นเดือดร้อน ข้าก็จะรักษาสัจจะ หากข้าทำอีกเพียงครั้งเดียว ท่านก็พาทหารมาจับข้าได้เลย” หญิงสาวหาทางต่อรอง พร้อมใบหน้าแนบชิดเพียงลมหายใจกั้น ก่อนจะรู้สึกตัวแล้วรีบดึงตัวกลับมาในทันที พร้อมรอยยิ้มยากจะคาดเดาความหมายของชายหนุ่มค่อย ๆ เผยออกมา
“เวลาเพียงไม่กี่ชั่วยาม เจ้ายังเปลี่ยนคำไปมาเช่นนี้ แล้วจักให้ข้าเชื่อลมปากเจ้าได้อย่างไร”
“ท่านกำลังว่าข้าเป็นคนพูดจาเชื่อถือไม่ได้เช่นนั้นฤา”
“...” ชายหนุ่มไม่ตอบคำถาม ก่อนที่หลันฮวาจะมุ่ยหน้าแล้วกลับมานั่งยังที่เดิมของตัวเอง
“ดูท่าแล้ว ไม่ว่ายังไงข้าก็คงต้องเข้าไปอยู่ ในคุกหลวงสินะ” หญิงสาวเตรียมทำใจยอมรับความจริงจากบัดนี้ พลางนั่งคู้เข่าแล้วฟุบหน้าลงเพื่อหลับเอาแรง พร้อมกับเสียงของรถม้ายังคงวิ่งไปอย่างต่อเนื่อง
ณ ตลาดกวางผู เป็นหนึ่งในแปดตลาดของแคว้นเทียนกู่ที่ตั้งอยู่กลางหุบเขาเขียวขจี ที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง ถือเป็นแหล่งชุมชนนอกตัวเมืองที่ไม่ห่างไกลเกินไปนัก ซึ่งมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ยายฝูและคนของใต้เท้าตงซันเดินทางมายังตลาดแห่งนี้ เพื่อตามหาเฒ่าเกอไห่ด้วยความรีบร้อน
“เจ้าแน่ใจฤาไม่ ว่าตาเฒ่าเกอไห่อาศัยอยู่ที่นี่” ซีห่าวหนุ่มกลางคนในชุดคล้ายทหาร เอ่ยถามหญิงชราด้วยท่าทางไม่มั่นใจเท่าใดนัก ก่อนนางจะแย้มยิ้มเล็กน้อย แล้วเลื่อนสายตามองหาจุดหมายด้านหน้า
“ยิ่งกว่าแน่ใจเสียอีก..ข้าขายหลันฮวาให้กับเฒ่าเกอไห่ที่นี่ อย่างไรเสีย เขาก็ต้องอยู่ที่นี่” เมื่อได้รับการยืนยันจากยายฝูแล้วฉกรรจ์สามคนจึงคุมตัวยายฝู แล้วพานางเดินหาเฒ่าเกอไห่ไปพร้อมกัน
“เจ้าเห็นเฒ่าเกอไห่บ้างฤาไม่” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยถามแม่ค้าขายปลาแห้ง ก่อนที่แม่ค้าคนดังกล่าวจะยิ้มออกมา
“เมื่อวาน ข้าเห็นเขามาวางขายเครื่องสานตรงนั้น แต่วันนี้อาจจะไม่มา เพราะไม่เห็น” หญิงกลางคนชี้มือไปยังด้านหน้าของตัวเอง พลันหยิบจับข้าวของเพื่อจัดวางให้เป็นระเบียบ
“ไม่ทราบว่า เฒ่าเกอไห่มากับผู้ใด มีหญิงสาวอายุประมาณสิบเจ็ดปีมาด้วยฤาไม่” ซีห่าวเอ่ยถามขึ้น ด้วยความอยากรู้ ก่อนแม่ค้าปลาจะขมวดคิ้วนึกคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง พลางส่ายศีรษะ
“ข้าไม่เห็นผู้ใดมากับเขา ข้าเห็นเฒ่าเกอไห่เพียงผู้เดียวเท่านั้น” สิ้นคำพูดของแม่ค้าขายปลาเท่านั้น ซีห่าวก็หันกลับมายังยายฝูด้วยสายตากังวลอย่างถึงที่สุด
“หากคุณหนูหลันฮวาเป็นอะไรไป ข้าจะเอาเรื่องเจ้าอย่างถึงที่สุด”
“ใจเย็น ๆ กันก่อนพ่อหนุ่ม ข้ายอมทุกอย่างแล้ว อย่างไรเสียก็ต้องตามหาเฒ่าเกอไห่ให้พบโดยเร็วที่สุด จะได้เอาลูกสาวเขาไปคืน ข้าเองก็กลัวตายอยู่เช่นกัน” เมื่อพูดจบ หญิงชราก็รีบเร่งหันตัวเดินออกเพื่อตามหาเฒ่าเกอไห่ทันที พร้อมด้วยชายฉกรรจ์สามคนวิ่งวุ่นไปตามตรอกซอกซอยของชุมชนแห่งนั้น
