ตอนที่2. พนักงานต้อนรับ
งานพนักงานต้อนรับหรือ Receptionist ในโรงแรมถือว่าเป็นพนักงานที่ได้รับการอบรมเกรดดีกว่าพนักงานสาขาอื่นๆ ด้วยมารยาทและกิริยากับวิธีการปฏิบัติต่อแขกผู้ใช้บริการ สังเกตว่าทางโรงแรมได้ยกระดับการต้อนรับได้ดีตามสถานภาพของโรงแรมด้วย เพื่อสร้างความประทับใจสำหรับผู้ใช้บริการทุกระดับ แม้เงินเดือนไม่มากแต่ก็มีเบี้ยเลี้ยงพิเศษในแต่ละเดือนหลายพันถึงหลักหมื่น บางคนมองว่าเป็นงานสบายแต่พนักงานด้วยกันมักรู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากกระโถน
“อะไรไม่ดีก็ลงที่เราหมดนั้นแหละ” ปาจรีย์แอบบ่นหลังเลิกแล้วบ่อยๆ
พิชญยนรีเองก็เข้าใจแต่เธอไม่ได้สนใจนัก เพราะมันเป็นงาน เมื่อเลือกทำแล้วก็ต้องอดทน ถ้าทนไม่ไหวก็ต้องลาออก หญิงสาวมีภาระที่ไม่อาจจะตกงานหรือทำตัวเลือกงานได้ เธอจึงตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่
หญิงสาวทำงานด้วยรอยยิ้ม และเก็บซ่อนความทุกข์ระทมไว้ภายใน พ่อของเธอจากไปตั้งแต่สิบปีที่แล้ว ตอนนั้นเธออายุสิบห้า แม่ทำงานรัฐวิสหกิจแห่งหนึ่ง เงินเดือนไม่มาก ในช่วงที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย มีเพียงเงินประกันที่พ่อทำทิ้งไว้ให้กับทรัพย์สินคือบ้านที่เธออยู่กับแม่ในช่วงเวลานั้น เธอเห็นแม่แอบร้องไห้อยู่คนเดียวบ่อยๆ เธอเองก็คิดถึงพ่อแต่ไม่อยากให้แม่ทุกข์ใจ เธอต้องร่าเริงและเข้มแข็งเพื่อดูแลแม่แทนพ่อที่จากไป แม่ไปทำงานทุกวันแต่เหมือนร่างไร้วิญญาณ ผ่านมานับปีกว่าแม่จะดีขึ้น เธอพยายามตั้งใจเรียนเพื่อไม่ให้แม่เป็นกังวล แม่เองก็เป็นห่วงกลัวว่าลูกจะลำบากเพราะยังอยู่ในวัยเรียน แม่หารายได้เสริมรายอย่าง ลองผิดลองถูกไปเรื่อย ทั้งขายประกัน ขายสินค้าขายตรง ถ้าเป็นหลังเลิกเรียนหรือเสาร์อาทิตย์เธอก็จะตระเวนตามไปกับแม่เสมอ
พิชญ์นรีในวัยรุ่นเคยบอกให้แม่พักผ่อน ลำพังรายได้จากเงินเดือนแม่และเงินประกันของพ่อยังพอเป็นค่าเล่าเรียนให้เธอจนจบมหาวิทยาลัย และเธอเองก็ตั้งใจจะหางานพิเศษทำช่วงปิดเทอมใหญ่อยู่แล้ว
“ให้แม่ได้ออกไปเจอผู้คนบ้างเถอะลูก การได้เจอคนแปลกหน้าบ้างทีมันก็ช่วยเยียวยาจิตใจของเราด้วย บางทีก็ได้เจอคนที่เค้าทุกข์กว่าเรานะ แม่ยังโชคดีที่พ่อทิ้งบ้าน เงินประกันไว้ให้และที่สำคัญ แม่มีพั้นซ์อยู่กับแม่ด้วย”
“พั้นซ์รักแม่นะคะ”
“แม่ก็รักลูกจ๊ะ”
หญิงสาวตั้งใจว่าเมื่อเรียนจบ ได้งานทำแล้วก็จะไม่ให้แม่ต้องลำบาก ช่วงที่ผ่านมามีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาตามจีบแม่อยู่หลายคน แม่เป็นคนสวย หลายคนก็ว่าเธอสวยเหมือนแม่ แต่แม่ก็ไม่มีใครจนเมื่อสองปีที่แล้ว แม่พาผู้ชายคนหนึ่งมาให้เธอรู้จัก
“พั้นซ์จ๊ะ นี่คุณนิรุจน์จ๊ะ”
พิชญนรีจำได้ว่าเธอยกมือไหว้ผู้ชายอายุสี่สิบห้าอย่างงุนงง ข้างกายมีชายหนุ่มประเมินจากหน้าตาอายุคงพอๆกับเธอ
“คือ...แม่ควรจะบอกพั้นซ์นานแล้ว แต่แม่ไม่แน่ใจ” สีหน้าแม่ดูเขินอายราวกับเด็กสาว “แต่แม่ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ชีวิตกับคุณนิรุจน์จ๊ะ”
“อะไรนะคะแม่”
หญิงสาวร้องเสียงหลง เธอไม่เห็นวี่แววว่าแม่จะมีแฟนใหม่เลยสักนิด แม่เองก็เพิ่งจะสี่สิบสี่ปี ยังสาวและสวย ถ้าแม่จะแต่งงานใหม่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทว่า เธอไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อน ไม่เคยเห็นหน้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร จู่ๆก็โผล่เข้ามาในชีวิตของเธอ
“จริงๆเราสองคนรู้จักกันมานานแล้ว แต่เป็นห่วงความรู้สึกของหนูพั้นซ์” นิรุจน์พูดขึ้นด้วยท่าทีเกรงอกเกรงใจ แล้วแนะนำชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ
“อ้อ! นี่ลูกชายอาเอง ชื่อนิพัฒน์ รู้จักกันไว้ซิ”
“สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้ตามมารยาท
“สวัสดีครับเรียกพี่แพทก็ได้ เราชื่อน้ำพั้นซ์ใช่ไหม บังเอิญชื่อขึ้นด้วยพ.พานเหมือนกันเลยนะ”
ชายหนุ่มผอมบาง หน้าตามีรอยยิ้มแต่ดูเป็นรอยยิ้มที่พิชญ์นรีรู้สึกไม่เป็นมิตร แต่แม่ของเธอกลับยิ้มอย่างมีความสุขจนเธอพูดอะไรไม่ออก โดยเฉพาะเมื่อแม่บอกว่า
“บ้านเราก็มีห้องว่างเยอะ แม่ว่าจะให้คุณนิรุจน์กับแพทมาอยู่ด้วยกันกับเราที่นี่”
“อะไรนะคะแม่”
