ผิดหวัง | Ep.12 |
ผิดหวัง | Ep.12 |
"ว่าแต่...สงสัยใครไหมเรื่องรถ?" เสียงเรียบถามขึ้นหลังจากที่กลับไปนั่งลงบนโซฟาดังเดิม ขณะที่สายตายังมองหน้าหนังสือนิตยสารข่าวบันเทิงไม่ได้มองหน้าคู่สนทนาที่ชอบลวนลามทีเผลอแต่อย่างใด
ทว่าชายหนุ่มทำเพียงแค่เปิดดูผ่านๆ ไม่ถึงกับจดจ่อตั้งหน้าอ่านสิ่งที่อยู่ในมือขนาดนั้น
ดวงตาคู่สวยจ้องหน้าคนถามเพราะยังไม่ได้ละไปจากร่างสูงใหญ่ตั้งแต่เขาเดินกลับไป ก่อนจะเบ้ปากให้กับท่าทีเล่นตัวของเขา แล้วคลายท่อนแขนออกจากอกก้มหน้าดูเอกสารต่ออย่างไม่คิดจะใส่ใจ แต่ก็ยอมตอบคำถามอีกฝ่ายไปตรงๆ "ไม่นะคะ"
"แล้วลุงจักรกับป้าตรีล่ะ?" คราวนี้ภูผาปิดหนังสือนิตยสารแล้วเท้าแขนไว้บนหัวเข่ามองหญิงสาวที่ไม่มีทีท่าว่าจะเงยหน้ามาสบตากับเขา
แพรพลอยชะงักไปแล้วขยับสายตาเลยตัวหนังสือขึ้นไปมองขอบโต๊ะด้านหน้าอย่างครุ่นคิด "ลุงจักรก็ปกติดี ส่วนป้าตรี...เธอก็เป็นเหมือนเดิมอย่างที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว แพรคิดว่าถึงเธอจะไม่ชอบแพร ก็คงไม่ทำถึงขั้นจะเอาชีวิตกันหรอกมั้งคะ"
ได้ยินแพรพลอยพูดแบบนั้นแล้ว ภูผาก็ไม่มีอะไรจะพูดต่อ หมายถึงไม่อยากจะพูดในสิ่งที่ตัวเองกำลังคิด เพราะความรู้สึกที่มีต่อสองผัวเมียคู่นั้นของเขาและเธอมันต่างกัน
อีกด้าน
"มีคนเกลียดนังเด็กนั่นเหมือนฉันด้วยเหรอ เหอะ! น่าจะตายๆ ไปซะก็สิ้นเรื่อง!" หลังจากตามสามีเข้าห้องทำงานมา ตรีสมรก็โยนกระเป๋าหรูลงบนโต๊ะอย่างไม่ให้เกียรติในราคาของมัน ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีน้ำตาลตัวใหญ่วางท่าดุจนางพญา
"ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ เราจะได้ไม่เปลืองแรงจัดการมันไง" จักราชทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้บ้าง มือหนาที่เริ่มมีริ้วรอยลูบบนโต๊ะทำงานช้าๆ นึกอยากจะร่ำลาตำแหน่งรองประธานอันเส็งเคร็งนี้สักที
"แล้วคุณจะเอายังไงต่อ?"
"ให้คนเอาของที่ไม่ได้คุณภาพส่งให้ลูกค้ารายใหญ่ที่อยู่ในเยอรมันต่อไป ไอ้เอกมันจะได้วิ่งวุ่นอยู่ที่นั่น ทางเราจะได้เกลี้ยกล่อมผู้ถือหุ้นให้ปลดมันออก แล้วผมก็จะสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนใหม่ ว่าผมนี่แหละสามารถกอบกู้และดูแลนิวเคได้ดีที่สุด!"
จักราชและตรีสมรพากันนั่งยิ้มให้กับชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม ที่ผ่านมาเขาเป็นได้แค่ที่ปรึกษาของอดิพัชรเพราะไม่ใช่ลูกแท้ๆ จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะครอบครองนิวเค แต่อีกไม่นานหรอก เขาจะพาตัวเองไปยืนบนจุดสูงสุดให้ได้!
20:00 น.
ชายหนุ่มกดออกจากเกมในมือถือแล้วดับหน้าจอลง ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเอ่ยเรียกหญิงสาวที่ตั้งหน้าตั้งตาเปิดอ่านเอกสารรายงานบริษัท
"กลับกันเถอะ ดึกแล้ว รีบไปพักผ่อน"
"เฮ้อ~" เมื่อได้ยินเสียงเรียบที่เป็นดั่งนาฬิกาปลุก แพรพลอยก็เหมือนได้แหวกว่ายขึ้นมาจากตัวเลขและตัวหนังสือนับพันตัว ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้าแล้วเก็บเอกสารลงเก๊ะใต้โต๊ะ
"อยากแวะกินอะไรไหม?" ภูผาถามขณะที่ก้มหยิบเสื้อสูทจากโซฟาขึ้นมาสวมใส่
"ไม่ค่ะแพรไม่ค่อยหิว..." ขณะที่ปากกำลังปฏิเสธ เนื่องด้วยความโกรธที่ยังสุมอยู่ในอก สายตาซุกซนก็ดันเหลือบไปเห็นเจ้าของคำถามกำลังติดกระดุมเสื้อตัวในอยู่พอดี
...What!!! นี่เขาปลดกระดุมเสื้อตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเธอไม่เห็น นี่เธอพลาดจุดที่เป็นแรงบันดาลใจให้สู้ต่อไปได้ยังไงกัน!
"มีอะไร?"
"อะ..เอ่อ...เปล่าค่ะ!" ใบหน้าสวยส่ายเนิบนาบ แล้วรีบก้มหน้าเก็บของต่อ
ชายหนุ่มตรงหน้าเมื่อก่อนเป็นคนยิ้มง่ายมาก แต่ตอนนี้กลับหารอยยิ้มสดใสจริงใจนั่นแทบไม่เจอ และแพรพลอยเองก็จำการเปลี่ยนไปของเขาได้ดี
ก็ตั้งแต่เขาเสียพ่อแม่ไป ภูผาก็กลายเป็นคนนิ่งขรึม แต่แพรพลอยก็ไม่อาจจำเรื่องราวในอดีตได้ว่าพ่อแม่ของชายหนุ่มเสียชีวิตเพราะอะไร และเธอก็ไม่เชื่อว่ารอยยิ้มสดใสใจดีของเขาจะหายไปตลอดกาลจริงๆ มันอาจถูกซุกซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจส่วนลึก ไม่ว่ายังไงเธอก็จะดึงรอยยิ้มนั้นกลับขึ้นมาให้ได้
ในที่สุดแพรพลอยก็ตัดสินใจลดละความโกรธที่มีอยู่ทั้งหมดในตอนนี้ เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังจะเดินผ่านโต๊ะทำงาน ร่างบางอรชรก็รีบก้าวสไลด์เข้าไปขวางหน้าทันที ทำเอาคนที่ถูกตัดหน้าต้องหยุดชะงักแล้วเลิกคิ้วใส่
"ตั้งแต่แพรกลับมาเจอพี่ผา แพรยังไม่เคยเห็นพี่ผายิ้มหวานๆ ให้แพรเลยนะคะ พี่ทั้งเย็นชาแล้วก็ใจร้าย"
"แล้วทำไมพี่ต้องยิ้มให้เราด้วย?" ดวงตาคมปรายมองใบหน้าสวยแล้วเอานิ้วชี้ดันหน้าผากมนเบาๆ หมั่นเขี้ยวแววตาใสซื่อขี้ดื้อของคนตรงหน้าจนอยากจะจับมาฟาดก้นเสียให้เข็ด
"วันนี้แพรจะประกาศให้พี่ผารู้ตัวไปเลยว่าแพรจะจีบพี่ผา เตรียมตัว..." ขณะพูดร่างบางก็ก้าวไปข้างหน้า ต้อนคนตัวสูงให้ค่อยๆ ถอยหลังไปชิดฝาผนัง "...เตรียมใจไว้ให้ดีนะคะ"
ภูผายังคงสบตาหญิงสาวนิ่งไม่ไหวติงใดๆ ให้กับคำประกาศกร้าวแม้ตัวเองจะหมดหนทางไปเพราะว่าแผ่นหลังชิดฝาผนังแล้ว แม้แต่ตอนที่คนตัวเล็กเขย่งปลายเท้าขึ้นเอียงหน้าเข้ามาใกล้เหมือนจะหอมแก้ม เขาก็ไม่ได้หลบเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
...คิดว่าเหนือกว่าเขาอย่างนั้นเหรอยัยตัวแสบ
หมับ!
พรึบ!
มือหนาจับเข้าที่ต้นแขนขวาส่วนอีกมือจับหัวไหล่มน แล้วออกแรงสลับตัวหญิงสาวให้หันหลังชิดกำแพงแทน และดูเหมือนสาวเจ้าจะตกใจเล็กน้อยที่โดนจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว
"พะ..พี่ผา!"
"ทำไม กลัว?" มุมปากหนาแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าสวยหวานก่อนจะหลุบตาลงมองริมฝีปากอวบอิ่มที่ใครเห็นก็ต้องอยากสัมผัส เพื่อให้หญิงสาวคิดว่าเขากำลังจะจูบ
เขาแค่คิดว่าแพรพลอยจะกลัวขึ้นมาบ้างเวลาเขาเอาจริง แต่เขาดันคิดผิด!
จุ๊บ!
เพราะหญิงสาวได้ยื่นปากเข้ามาจุ๊บแล้วยืนยิ้มเอียงหัวไปมาอย่างล้อเลียนแกมได้ใจ "ใครกลัวคะ แพรชอบซะอีก"
ภูผาถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วปล่อยร่างเล็กให้เป็นอิสระ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ตอนนี้น้องแพรกำลังตกอยู่ในอันตราย พี่พูดแบบนี้เรายังจะคิดเลอะเทอะอยู่อีกไหม?"
"ตกอยู่ในอันตราย...แพรเนี่ยนะ?" หญิงสาวชี้นิ้วใส่หน้าตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ภูผาเลิกคิ้วพยักหน้าให้คำตอบหนึ่งครั้ง "คิดว่าโดนตัดสายเบรคเป็นเรื่องบังเอิญเหรอ?"
"แต่แพรไม่เคยทำร้ายใครนะคะ!" แพรพลอยเริ่มโกรธเมื่อรู้ว่ามีใครบางคนอยากทำร้ายเธอทั้งๆ ที่เธอไม่เคยไปหาเรื่องใคร
"คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ แค่เรามีผลประโยชน์ที่อีกฝ่ายอยากได้ แค่นั้นก็เป็นเหตุผลในการทำร้ายได้แล้ว"
"พี่ผาพูดจริงเหรอคะ มีคนอยากฆ่าแพรจริงๆ เหรอ เขาทำทำไมคะ แพรมีอะไรที่เขาอยากได้?" แพรพลอยเริ่มซีเรียส เพราะมั่นใจว่าตัวเองไม่เคยไปหาเรื่องใครมาก่อน หรือนี่จะเป็นข้ออ้างของเขาที่ไม่อยากให้เธอจีบ
"แล้วคิดไหมว่าทำไมคุณลุงถึงให้พี่มาดูแลตามติดน้องแพรขนาดนี้?" นั่นมันก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เขาใช้เป็นข้ออ้าง อีกส่วนใหญ่ๆ เลยคือมาด้วยใจล้วนๆ
ใจที่ไม่มีใครรู้ว่าคิดอะไรอยู่ข้างใน
และความรู้สึกที่ไม่มีใครหยั่งรู้นอกจากตัวเขาคนเดียว
แพรพลอยยืนเงียบ ที่ผ่านมาเธอคิดว่าความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันมาก่อนเป็นเหตุให้ชายหนุ่มมายืนอยู่ตรงหน้า ที่แท้ก็แค่ทำตามคำขอร้องของบิดาเธอจริงๆ ตอนแรกก็หลงคิดไปว่าเขาแค่ปากแข็งเลยหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้าง
"พี่ผา...ทำเพราะคุณพ่อขอร้องจริงๆ เหรอคะ พี่ไม่ได้อยากดูแลแพรเพราะเราเคยสนิทกันใช่ไหมคะ?"
ภูผาแทบอยากจะถอนหายใจออกมาแรงๆ สักสิบรอบ นี่ขนาดเขาบอกเรื่องคอขาดบาดตายที่มันเกี่ยวกับชีวิตเธอ แพรพลอยยังไม่คิดเป็นกังวลอะไรเลย แต่ดันมาซีเรียสเรื่องที่เขามาดูแลเธอเพราะอะไร
"น้องแพร เข้าใจที่พี่พูด!..."
"ไปกันเถอะค่ะแพรอยากกลับบ้าน" แพรพลอยตัดบทแล้วเดินเบียดคนใจร้ายออกไป นั่นทำให้ภูผาต้องกลอกตาใส่ให้กับความขี้งอแงของหญิงสาว ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตามแพรพลอยออกไปจากห้องทำงาน
