13
“ทำยังไงได้ล่ะก็คนมันยังต้องกินต้องใช้” หญิงชราพูดเหมือนชาวประชาที่ปากกัดตีนถีบทั่ว ๆ ไป...เรื่องที่ทำงานแบบไม่มีวันเกษียณเป็นเรื่องธรรมดามาก
“คุณยายทำงานที่นี่มานานแล้วหรือคะ หรือว่าเจ้านายบ้านนี้เขาไม่ให้หยุด...ไม่เป็นไรนะคะ... หนูเป็นว่าที่หลานสะใภ้ แล้วหนูจะบอกเจ้านายให้ค่ะ” เกรซแสดงน้ำใจไม่ได้คิดโอ้อวด
“ทำไงได้ล่ะหนู....ลูกหลานเขาก็ทำตามความฝันของตัวเองยายถึงยังต้องทำงานเลี้ยงตัวเองอยู่แบบนี้ไง คงหยุดไม่ได้จนกว่าเขาจะกลับมาอยู่กับยายนั่นแหละ”
“ทำไมถึงได้ทำตัวแย่อย่างนี้นะ...อุ้ยขอโทษค่ะ เกรซไม่ควรวิจารณ์ลูกหลานคุณยาย” หญิงสาวเผลอมีอารมณ์หงุดหงิดลูกหลานของคุณยายท่านนี้ที่อายุน่าจะเลยเจ็ดสิบไปไกลแล้วล่ะ...สมควรที่จะได้หยุดอยู่สบาย ๆ ให้ลูกหลานดูแลถึงจะถูก
“ไม่เป็นไรหรอกจ่ะ... แล้วหนูล่ะมาทำอะไรที่นี่” ผู้สูงวัยถามด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
“คุณภพพาหนูมาหาคุณย่าของเขาค่ะ...ว่าแต่คุณย่าของคุณปองภพดุไหมคะ” หญิง สาวมีสีหน้ากังวลขึ้นมาอีก ดูท่าทางคุณย่าของคุณภพคงจะเข้มงวดน่าดู
“กลัวเหรอ...ฉันคิดว่าเก่ง ๆ แบบหนู จะไม่กลัวใครเสียอีก” หญิงชรายิ้มออกมานิด หนึ่งแต่เจือด้วยความเอ็นดู
“ใครว่าล่ะคะ......หนูเกร็งจะแย่อยู่แล้วล่ะค่ะ...”
“คุณย่า......” เสียงทุ้มอันคุ้นเคยดังขึ้นด้านหลังอย่าบอกนะว่า.......
“คุณย่า !..” เกรซหันไปมองชายหนุ่มสลับกับหันมามองหน้าหญิงชราตรงหน้า จู่ ๆ ลำคอก็ตีบตันพูดไม่ออก บอกไม่ถูก.....อยากจะมุดดินลงไปคุยกับรากกุหลาบซะเดี๋ยวนั้น…..
บทที่ 4
สาวเกรซคนเก่ง ว่าที่หลานสะใภ้ของประมุขตระกูลเลิศมงคลกุล นั่งบีบเนื้อบีบตัวหน้าตาเจี่ยมเจี้ยมอยู่ข้าง ๆ ร่างสูงสง่าของด็อกเตอร์ปองภพอย่างต้องการยึดเป็นเกราะกำบังจากภยันตรายร้ายที่แฝงตัวอยู่ ณ มุมใดมุมหนึ่งของคฤหาสน์หลังนี้....โอ้ย...ไม่อยากจะคิด พูดอะไรออกไปมั่งวะเนี่ย…..เกรซพยายามนึกทบทวนว่าตัวเองได้พูดอะไรไม่เหมาะสมออกไปบ้างตอนอยู่ที่แปลงกุหลาบ แต่ที่แน่ ๆ ดันคิดเข้าไปได้อย่างไรว่าสตรีสูงอายุที่คงความสง่าน่าเกรงขามเป็นคนรับใช้เก่าแก่ของบ้านหลังนี้...เวรกรรมจริง ๆ จะรอดไหนเนี่ย ยัยเกรซเอ้ย.....มีตาแต่หามีแววไม่...ตาต่ำเป็นตาตุ่ม...ด่าตัวเองเท่าไหร่ก็แก้ไขอะไรไม่ทันแล้ว...เฮ้อ....กำไม่แบล่ะทีนี้
“ว่าไงจ๊ะหนูเกรซ รู้จักกับหลานชายที่ทำตัวแย่ ๆ ของย่าหรือยัง” ประมุขของบ้านถามยิ้ม ๆ นึกถูกชะตาว่าที่หลานสะใภ้คนนี้ขึ้นมาตั้งแต่แรกเห็น หล่อนดูจริงใจไม่ประดิษฐ์เหมือนผู้หญิงหลายคนที่ท่านเคยคิดจะทาบทามให้หลานชายจนคิดว่ายุคสมัยนี้จะหาของแท้แบบนี้ไม่ได้เสียแล้ว
“เอ่อ...หนูขอโทษค่ะคุณย่าที่มีตาหามีแววไม่...แฮ่...” หญิงสาวบอกเสียงอ่อยทำหน้าปูเลี่ยน ๆ มองอย่างขอลุแก่โทษ
“สร้างเรื่องอะไรไว้อีกล่ะ” ปองภพได้ยินแค่นั้นก็พอเดาได้ไม่ยาก
“หนูเกรซเขาพยายามจะช่วยย่าต่างหาก ที่ลูกหลานไม่ดูแล ปล่อยให้คนแก่ต้องทำงานงก ๆ” ผู้สูงวัยสยายปีกปกป้อง
รอดแล้วยัยเกรซเอ้ย......
ปองภพหันมามองหน้ายัยตัวแสบที่พยักหน้าหงึก ๆ พลางยิ้มแหย ๆ....มันน่านักเชียว แบบนี้ก็เข้าทางคุณย่าพอดี หมดกันอาชีพที่ใฝ่ฝันคงจะได้สอนเป็นเทอมสุดท้ายแล้วจริง ๆ
“ตาภพ อย่าทำหน้าดุข่มขู่หนูเกรซนักเลยน่า นี่ขนาดต่อหน้าย่าแกยังกล้าข่มเขาอีกหรือไง เขาจะมาเป็นเมียนะไม่ใช่ทาสของแก” คนเป็นย่าสร้างปราการปกป้องหลานสะใภ้ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า หนูเริ่มจะชินแล้วค่ะ” เกรซกระหยิ่มยิ้มย่องขึ้นมาทันใด เมื่อรู้ว่าท่านไม่ได้ถือโกรธ ซ้ำยังให้ความยุติธรรมกับหล่อนสุด ๆ
“นี่แสดงว่าตาภพมันทำบ่อยเหรอ...ไม่เอาไหนเลยหลานคนนี้วันหลังถ้าหนูเกรซโดนข่มขู่อีกล่ะก็ มาบอกย่า”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า” เกรซพูดพลางเอาศอกกระทุ้งชายหนุ่มข้างกายเป็นเชิงบอกให้ฟังคุณย่าไว้พร้อมกับยิ้มอย่างเป็นต่อ
“คุณย่าครับผมเป็นหลานแท้ ๆ นะครับ ไม่ใช่หลานเขย” ปองภพโอดครวญ
“ย่ะ ฉันจำได้ยังไม่เลอะเลือน แล้วนี่เจ้าปพนมันหายหัวไปไหน ไม่เห็นนานแล้วสงสัยจะโกรธย่า”
“เรื่องอะไรเหรอครับคุณย่า” ปองภพทำเหมือนไม่รู้เรื่อง
“ก็เรื่องที่ย่าไม่อนุญาตให้มันแต่งงานก่อนแกน่ะสิ”
“อ๋อ...ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตแต่งงานกับเกรซเร็ว ๆ นี้นะครับคุณย่า ปพนมันจะได้แต่งงานสมใจซะที” ปองภพปูทางให้น้องชายเสร็จสรรพ
“ว่าแต่แกไม่ได้หลอกย่าใช่ไหม...หนูเกรซจะมาเป็นหลานสะใภ้ของย่าจริง ๆ นะไม่ใช่ว่าถูกจ้างมาตบตาย่า เพื่อช่วยน้องชายเท่านั้นน่ะ” คุณย่าปรางทิพย์ดักคอหลานชาย เพราะความที่เคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มาไม่ใช่น้อยจึงต้องป้องกันไว้ก่อน
“เกรซสาบานได้ค่ะคุณย่า ว่าตั้งใจมาเป็นภรรยาของคุณปองภพจริง ๆ” หญิงสาวรีบบอกอย่างคล่องปากเพราะหล่อนรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ไม่ได้โกหกสักคำ
“แล้วแกล่ะตาภพ” คนเป็นย่าจ้องตาหลานชาย
“ผมก็เหมือนกันครับ” ชายหนุ่มตอบสั้น ๆ ไม่ได้หลบสายตาท่านแต่อย่างใด
