10
“เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือไง” ปองภพถามเสียงอ่อนขณะขับรถไปมหาวิทยาลัยด้วยกัน .....วันนี้เขาเห็นหล่อนหาวหลายรอบประกอบกับตาโรย ๆ เหมือนคนอดหลับอดนอนซ้ำยังดูหงอยหน้าจ๋อยสนิท ผิดกับคนเมื่อวานอย่างกับหน้ามือกับหลังเท้าอย่างนั้นแหละ
“ไม่ได้นอนเลยต่างหาก” เกรซบอกตามตรง…จะไม่ให้คิดมากได้ยังไง จู่ ๆ ก็หอบผ้าหอบผ่อนมาอยู่กับผู้ชายเฉยเลย อย่างกับโดนป้ายยาอย่างนั้นแหละ ถ้าคุณย่ารู้มีหวังโดนด่าเปิง
“ดีใจล่ะสิ ที่จะได้ลงจากคานกับผู้ชายแสนดีออฟชั่นครบ” ชายหนุ่มแกล้งยั่ว ไม่อยากเห็นหล่อนทำท่าราวกับหมาหงอย
“เฮอะ !.....คนอะไรหลงตัวเอง”
“ผมมีของดีจริง ๆ ทั้งภายนอกและภายในไม่ได้มั่ว”
“ภายนอกก็พอดูได้ แต่ภายในไม่แน่ใจ” เกรซเบ้ปากอย่างหมั่นไส้
มือหนาคว้าหมับที่ข้อมือเล็กก่อนจะเอาไปวางที่โคนขาในตำแหน่งน่าหวาดเสียว
“อร๊ายยยย.....อีตาบ้า...ไอ้โรคจิต” เกรซตกใจดึงมือออกพร้อมกับฟาดไปที่ไหล่หนาของชายหนุ่มอย่างแรง แต่แล้วก็ต้องสะบัดมือเร่า ๆ เมื่อเจอกับกล้ามเนื้อแข็ง ๆ จนเจ็บมือ
“อะไรกัน...... แค่นี้ทำเป็นตกใจไปได้ หรือว่าโดนมันกัดเข้าให้” พูดจบปองภพก็หัวเราะขบขันกับท่าทางค้อนปะหลับปะเหลือกพลางลูบมือตัวเองไปด้วย
กรรมของยัยเกรซจริง ๆ เล้ย !.....หนีจากพวกแอ๊บแมน มาเจอคนห่ามดูท่าว่าจะหื่นมาก ด้วยสิเนี่ย.....
ในห้องเรียนทุกอย่างก็ยังดำเนินไปตามปกติ ไม่มีใครรู้ว่าลูกศิษย์กับอาจารย์ตกลง แต่งงานกันแล้ว มื้อกลางวันเกรซไปกินข้าวกับกลุ่มเพื่อน ๆ หลากหลายวัยตามปกติ ยกเว้นโรสที่ยังป้วนเปี้ยนอยู่กับอาจารย์หนุ่ม ....เกรซเห็นแล้วก็มองเมินทั้งที่อยากเข้าไปกระชากผมแล้วตบ ๆ ๆ ที่เจ้าหล่อนบังอาจมายุ่งกับว่าที่สามี.....แต่เรื่องอะไรจะทำอย่างนั้นให้เสียคะแนน สู้เดินเชิดหน้าผ่านไปดุจนางพญาไม่ได้...หัวเราะทีหลังดังกว่าย่ะ.....
“เป็นอะไรของแกยัยเกรซวันนี้ถึงได้เดินคอแข็งเชียว นอนตกหมอนมาหรือไง” ครีมถามหลังจากเก็บความสงสัยเอาไว้ จนกระทั่งมีโอกาสได้อยู่กันสองคนเพราะเห็นเพื่อนแปลก ๆ ตั้งแต่เช้า ซ้ำยังเดินตามอาจารย์หนุ่มมาติด ๆ ดูเผิน ๆ ก็เหมือนความบังเอิญ แต่เพื่อนอย่างหล่อนไม่อยากจะเชื่อ...
“เปล่า.....หมั่นไส้ยัยโรส”
“หืม...แกไปเป็นเจ้าของอาจารย์ปองภพตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...ถ้าชอบก็ลงสนามแข่งกับยัยโรสดิ....มัวมานั่งอารมณ์เสียเมื่อไหร่จะได้พ่อเทพบุตรสุดหล่อมาครอบครองล่ะแก”
“ไม่ต้องข่งต้องแข่งแล้ว นั่นน่ะว่าที่สามีของฉันย่ะ”
“เฮ้ย...ยัยเกรซ เป็นอะไรของแก.....เป็นเอามากนะเราเนี่ย” ครีมคิดว่าเพื่อนเพ้อเจ้อเป็นตุเป็นตะ อาจจะเป็นอาการข้างเคียงของคนอกหักก็เป็นได้
“จริง ๆ ด็อกเตอร์ปองภพคือว่าที่สามีของฉัน แกคอยดูก็แล้วกัน”
ครีมได้แต่ส่ายหน้าระอาใจ คร้านจะเถียงด้วยปล่อยให้เจ้าหล่อนละเมอเพ้อพกตามสบาย เผื่อจะช่วยเยียวยาจิตใจของเพื่อนสาวได้บ้าง
ช่วงบ่ายอาจารย์หนุ่มไม่มีสอน แต่เขาก็รอจนหล่อนเลิกเรียน และขับรถตามกันกลับไปที่คอนโดราวกับกลัวสาวเจ้าจะเปลี่ยนใจ
“คุณจะทำกับข้าวเหรอ” เกรซเดินเข้าไปยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยเมื่อเห็นอาจารย์หนุ่มยืนอยู่ในครัวมีวัตถุดิบหลายอย่างวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะเตรียมของ
“เปล่า...คุณต่างหากเกรซที่ต้องทำ” ชายหนุ่มตัดความหวังฉับทำเอารอยยิ้มอีกฝ่ายหายวับ
“แต่เกรซทำไม่เป็นอ่ะ...ขอเวลาศึกษาก่อนนะคะ.....ตอนนี้หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว คุณทำเถอะนะ...นะคะ....” หญิงสาวทำตาปริบ ๆ อ้อนขอความเห็นใจ
“เอาต้นหอมไปล้าง” ชายหนุ่มสั่ง ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้หล่อนนั่งรอสบาย ๆ
“ขอหอมหน่อยจิ...” หญิงสาวยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ส่งยิ้มดวงตาเป็นประกาย แต่กลับโดนดีดหน้าผากกลับมา
“เป็นสาวเป็นนาง.....หัดพูดจาสองแง่สองง่าม”
“รับทราบค่ะ อาจารย์ขา” คนบ้านี่ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย
“อย่าประชด” ดวงตาคมดุเหลือบมองอย่างไม่พอใจ
“เฮ้อ...สงสัยโมโหหิว” เกรซคว้าต้นหอมไปล้างอย่างเซ็ง ๆ
บนโต๊ะอาหารมีปลากะพงนึ่งซีอิ๊วหน้าตาดีเชียวกับกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา แค่นี้ก็ว้าวแล้วสำหรับหญิงสาวที่ทำกับข้าวไม่เป็นเอาซะเลย
“หูย....เก่งอ่ะ” หญิงสาว..... ทึ่งกับความสามารถของว่าที่สามี
“ไม่ต้องมาประจบ ต่อไปคุณต้องเป็นคนทำ”
“นั่นมันของแน่อยู่แล้ว คอยดูฝีมือเกรซกระทะเหล็กก็แล้วกัน” เกรซยิ้มอย่างมั่นใจ
“อย่าเพิ่งโม้ ทำให้ได้ก่อนเถอะ” ชายหนุ่มมองคนขี้โม้แล้วนึกขำ แต่ก็เก็บงำอาการเอาไว้มิดชิด
“ให้กำลังใจคนน่ะ เคยทำหรือเปล่าคะอาจารย์ขา” หญิงสาวอดไม่ไหว คนอะไรทับถมกันอยู่ได้ ชีวิตไม่ได้มีแต่เรื่องทำกับข้าวเสียหน่อย มีอีกตั้งหลายอย่างที่ฉันเก่ง...เชอะ...
“ไร้สาระ...จะทำได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพยายามของตัวเอง ไม่ใช่หลอกกันไปมาแล้วก็เพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ” คนที่ถนัดอยู่กับความจริงให้ความเห็น
“คนไม่มีหัวใจอย่างคุณไม่เข้าใจหรอก” เกรซเผลอพูดเสียงสะบัด การให้ความหวังและกำลังใจบางทีก็ทำให้คนล้มสามารถลุกขึ้นก้าวเดินต่อไปได้ หาใช่เรื่องโกหกกันซะที่ไหน
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่มีหัวใจ”
“ถ้าคุณมีหัวใจรักใครสักคนคงไม่เบื่อง่าย ๆ หรอกจริงไหมคะ”
“วิเคราะห์ได้ห่วยแตกมาก” ชายหนุ่มพูดตรงไปตรงมาแบบขวานผ่าซาก
