ตอนที่ ๔ เหลือเพียงเจ้า
.
.
“ จะ..เจ้าคือผู้ใดกัน?..”
“.....”
“ แลที่นี่ คือที่ใด?..”
“.....”
“ ไฉน ข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า..” เมื่อครุฑีสาวฟื้นขึ้นมาพร้อมกับแววตาที่หวาดกลัว ก่อนจะมีคำถามหลายคำถามตามมา
พระสุวรรณเมฆาถึงกับพระขนง(คิ้ว)ขมวดชนกันเมื่อไม่เพียงไม่ได้คำตอบจากครุฑีตัวน้อย แต่นางยังจะถามกลับเสียอีก ก่อนจะยกยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับความสงสัยใคร่รู้ของนาง ทั้งที่ยังหวาดกลัว
“ ที่นี่คือเมืองพนาราพณ์ เมืองแห่งยักษ์ แลเราคือกษัตริย์ของเมืองนี้ มีนามว่าพระสุวรรณเมฆา ”
“.....”
“ แลเราคือผู้ช่วยเหลือชีวิตของเจ้าเอาไว้ จากทหารครุฑาเหล่านั้น ” พระสุวรรณเมฆาตอบนิศามณีด้วยใบหน้านิ่ง
“.....”
“ แลครานี้เจ้าจักตอบคำถามของเรา ได้แล้วใช่หรือไม่?..” พระสุวรรณเมฆาจ้องมองดวงตากลมคู่สวยนิ่ง เพื่อรอคำตอบอีกครั้ง
“ ขะ..ข้าคือพระราชธิดาของกษัตริย์เมืองเวหาศ..”
“.....”
“ เมืองครุฑที่อยู่บนคีรีลอยฟ้า พระองค์เคยได้ยินหรือไม่ เจ้าคะ? ”
เมื่อรู้ว่าอสุราที่อยู่ตรงหน้าคือเชื้อสายกษัตริย์ นิศามณีจึงต้องใช้วาจาเฉกเช่นที่เคยพูดเอ่ยกับพระบิดาของตน กษัตริย์อสุรายิ้มอย่างพอใจกับวาจาของครุฑีน้อย
“ แล้วเจ้ามีชื่อว่าอย่างไร พระธิดาตัวน้อย? ” พระสุวรรณเมฆาเอ่ยถามชื่อของนางอีกครั้งก่อนจ้องมองดวงตาคู่สวยไม่ยอมละสายพระเนตร
“ ข้าชื่อนิศามณี เจ้าค่ะ พระสุวรรณเมฆา..” นิศามณีตอบ
“ นิศามณีงั้นหรือ..”
“ เจ้าค่ะ..”
“.....” กษัตริย์อสุรายิ้มให้กับกิริยาของครุฑีน้อยที่เอ่ยโต้ตอบตน แม้จะมีแววตาหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย
“ ข้า..ขอบพระคุณ เจ้าคะ ที่พระองค์ช่วยชีวิตข้าไว้ ”
“.....”
“ แล้วทหารองครักษ์ของข้าเล่า เจ้าคะ?..”
“.....”
“ พวกนางอยู่ที่ใดกัน?..” นิศามณีเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง
“ ...เหลือเพียงเจ้า ผู้เดียวเท่านั้น..”
“.....”
“ พวกเหล่าองครักษ์ของเจ้ามิมีผู้ใดรอดชีวิต ” พระสุวรรณเมฆาส่ายพระพักตร์ก่อนจะตอบนิศามณี
“.....”
“ ข้าช่วยทันเพียงเจ้าเท่านั้นหนา นิศามณี..” กษัตริย์อสุราตอบย้ำอีกครั้ง
“.....”
นิศามณีชะงักไปทันทีด้วยความตกใจ ดวงตาคู่สวยเริ่มมีม่านน้ำตาเอ่อขึ้น ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมา ภาพตอนที่พระอนันตะเวหารับสั่งให้หนีไปเมืองครุฑแดนทักษิณจะปรากฏขึ้นมาในหัวอีกครั้ง
‘ พ่อใคร่จักให้เจ้า บินไปเมืองครุฑแดนทักษิณ เมืองของพระมหิงส์เวหะพระคู่หมั้นของเจ้าบัดเดี๋ยวนี้...’
‘ บัดเดี๋ยวนี้! หรือเจ้าคะท่านพ่อ มีเรื่องอันใดกัน?..’
‘ พระสุบิน อาของเจ้ากำลังจักก่อกบฏ ’
‘ อะไรนะเจ้าคะ!! เหตุใด...’
‘ เจ้าอย่าได้ถามสิ่งใดในเพลานี้ลูกพ่อ เจ้าจักต้องเร่งรุดไป ’
‘ แล้วท่านพ่อท่านแม่ล่ะเจ้าคะ?..’
‘ เจ้ามิต้องห่วงพ่อแลแม่ดอกหนา ลูกพ่อ..’
นิศามณีนั่งนิ่ง นั่นอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พูดเอ่ยกับพระบิดาก็เป็นได้ ในเมื่อพระปิตุลาบัญชาให้เหล่าทหารครุฑาสังหารตน แล้วพระบิดาและพระมารดาเล่า ท่านจักไว้ชีวิตหรือไม่ ก่อนม่านตาจะกักเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ น้ำตาจึงเอ่อล้นออกมา
“ ท่านพ่อ ท่านแม่..” นิศามณีเรียกบิดามารดาของตนขึ้นมาเบาๆ พลันน้ำตาเอ่อไหลออกมาไม่หยุด
เมื่อเห็นครุฑีน้อยร้องไห้สะอื้นออกมา ทำให้พระสุวรรณเมฆารู้สึกเห็นใจและคิดสงสารแต่ก็ทำอันใดไม่ได้
“ เจ้าพักพิงที่นี่ก่อนเถิดหนา จักมิมีผู้ใดกล้ามาทำร้ายเจ้าได้ หากเจ้ายังอยู่ในเมืองยักษ์แห่งนี้..” กษัตริย์อสุราพูดขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องไปเพื่อปล่อยให้นางได้อยู่ตามลำพัง
นิศามณีชะงักไปเล็กน้อย เมื่อลืมไปว่ากษัตริย์อสุรายังอยู่ในห้องหับก่อนจะหันมองตามหลังพระสุวรรณเมฆาที่เดินออกประตูไป
.
.
.
“ มนทก เจ้าไปตามพนาลี เมียของเจ้ามาบัดเดี๋ยวนี้..” เมื่อออกจากห้องมา กษัตริย์อสุรารับสั่งกับมนทกทันที
“.....” มนทกยังไม่ทันจะขานรับ ก่อนจะทำหน้างุนงงเล็กน้อย
“ ไปตามเมียของเจ้ามาบัดเดี๋ยวนี้ ข้าจักให้เมียของเจ้ามารับใช้ นิศามณี ครุฑีน้อยตนนี้ ” กษัตริย์อสุรารับสั่งย้ำอีกครั้งก่อนจะบอกเหตุผล
“ พะยะค่ะ องค์เหนือหัว..” เมื่อได้ความกระจ่างมนทกก็รีบขานรับพระบัญชาทันทีก่อนจะรีบไปตามผู้เป็นเมียของตน
พระสุวรรณเมฆาหันไปทางอินสูรย์ทหารอสุราตนสนิท ที่กำลังทำหน้าตาสงสัยใคร่รู้ใคร่เห็นก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก
“ หึ..เจ้าสงสัยใคร่รู้ ว่าครุฑีตนนี้คือผู้ใด แลมาจากไหน ใช่หรือไม่อินสูรย์..” กษัตริย์อสุราแค่นหัวเราะออกมาก่อนเอ่ยถามอินสูรย์อย่างรู้ทัน
“ เอ่อ.....พะยะค่ะ..” อินสูรย์ขานรับตามตรงก่อนจะยิ้มเจื่อนเล็กน้อย
“ ครุฑีน้อยตนนี้มิใช่ครุฑีธรรมดา ธรรมดา อย่างที่เจ้าว่าจริง ๆ หนา อินสูรย์ ”
“.....”
“ นางคือพระราชธิดาของกษัตริย์เมืองเวหาศ เมืองครุฑที่อยู่บนคีรีลอยฟ้า ที่เจ้าว่ากำลังเกิดศึกภายใน อย่างไรเล่า..” พระสุวรรณเมฆาบอกกับทหารอสุราตนสนิทที่ใคร่อยากรู้
“ เพลานี้นางคงมิเหลือผู้ใดแล้ว..” กษัติรย์อสุราพูดขึ้น พลันในใจก็คิด หากนางไม่เหลือผู้ใดแล้ว พระองค์จะขอเป็นที่พึ่งแก่ครุฑีน้อยตนนี้เอง
“ เอ่อ...แล้วคู่หมายพระธิดาล่ะ?พะยะค่ะ เท่าที่กระหม่อมได้ยินมา พระราชธิดามีพระคู่หมั้น ”
“.....”
“ แลเพลานี้อาจจักรู้แล้วก็เป็นได้พะยะค่ะ.. ว่าเมืองเวหาศเกิดการกบฏ ” เมื่อได้ยินที่อินสูรย์พูดขึ้น พระสุวรรณเมฆาถึงกับชะงักไป ก่อนจะรู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมา
“ในเมื่อเราเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้... ชีวิตนางก็ควรจักเป็นของเรา มิใช่หรือ? ” กษัตริย์อสุราเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบ
“......” อินสูรย์ไม่ได้ตอบอันใดออกไป
“อินสูรย์!”
“พะยะค่ะ” จะให้ตอบอย่างไรได้อีก
พระสุวรรณเมฆาเดินจากตรงนั้นไปด้วยความหงุดหงิดใจ อินสูรย์มองตามแผ่นหลังกษัตริย์ของตน ก่อนจะถอนหายใจออกมา
เมื่อพระสุวรรณเมฆาเอ่ยออกมาเช่นนั้น อินสูรย์ก็รับรู้ได้ในทันที ว่ากษัตริย์อสุราของตนได้ต้องตาต้องใจครุฑีสาวตนนั้นเข้าแล้วจริง ๆ ก่อนที่อินสูรย์จะรีบเดินตามหลังพระสุวรรณเมฆาไปโดยเร็ว
.
.
.
.
.
ณ เมืองเวหาศ
“ เจ้าว่ากระไรนะ? ทหารครุฑาของข้า มิเหลือชีวิตรอดแม้แต่ตนเดียวกระนั้นหรือ? ” พระสุบินเอ่ยถามขึ้นด้วยความแปลกใจพร้อมกับสีหน้าที่ฉงน
เมื่อทหารครุฑากลับมา หลังจากที่ส่งไปตามทหารครุฑา ที่ตามล่านิศามณี เนื่องจากหายไปนานหลายเพลา
“ พะยะค่ะ..” ทหารครุฑาขานตอบ
๐๐๐๐๐๐๐๐
