บท
ตั้งค่า

ตอนที่ ๓ พนาราพณ์

.

.

ณ ผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่และงดงาม พระตำหนักต่างๆ ประดับประดาไปด้วยทองคำและเพชรพลอยอย่างวิจิตรตระการตา

สวนสวยที่มีดอกไม้นานาพรรณ ที่ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่ว เป็นอาณาจักรที่ซ่อนอยู่ในหุบเขาใหญ่ นั่นคือ เมืองพนาราพณ์ ถิ่นฐานของเหล่าอสุราและอสุรี

อาณาจักรของกษัตริย์อสุราที่มีนามว่าพระสุวรรณเมฆา อสุราหนุ่มรูปงามที่มีอิทธิฤทธิ์มากจนมิมีผู้ใดกล้าต่อกร กษัตริย์อสุราหนุ่มมีสนมงามที่เป็นอสุรีสาว 2 นาง และสนมที่เป็นธิดามนุษย์อีก 2 นางด้วยกัน

เมื่อกษัตริย์อสุรากลับมาถึงเมืองพนาราพณ์พร้อมกับโอบอุ้มร่างครุฑีสาวตนหนึ่งไว้ในอ้อมแขนมาด้วย เหล่าสนมที่มายืนรอต้อนรับต่างคับข้องใจกับภาพที่เห็นเป็นอย่างมาก เนื่องจากเหล่าสนมไม่เคยเห็นผู้เป็นสวามีของตนโอบอุ้มใครเฉกเช่นนี้มาก่อน แม้แต่กับตนเองก็ไม่เคยสักครั้ง

พระสุวรรณเมฆาโอบอุ้มครุฑีสาวมาจนถึงห้องบรรทมของตน ก่อนจะค่อยๆวางร่างครุฑีตัวน้อยลงบนพระแท่นบรรทมของตนอย่างเบามือไม่ให้บอบช้ำ

“ ให้กระหม่อมไปตามหมอหลวงดีหรือไม่พะยะค่ะ องค์เหนือหัว?...” อินสูรย์และมนทกที่เดินตามหลังมา นั่งหมอบลงกับพื้นก่อนจะเอ่ยถามพระสุวรรณเมฆา

อินสูรย์และมนทก หันมามองหน้ากัน เมื่อรู้สึกได้ ถึงความใส่ใจของพระสุวรรณเมฆาที่มีต่อครุฑีสาวตนนี้ เนื่องจากห้องบรรทมใหญ่นี้ ไม่เคยมีสนมนางใดได้ย่างกรายเข้ามาแม้แต่ตนเดียว

ครั้นเมื่อพระสุวรรณเมฆาจะเรียกใช้สนมนางไหน ก็จะใช้ห้องหับอีกห้องหนึ่งที่ไม่ใช่ห้องบรรทมใหญ่นี้

“ เราจักรักษานางเอง พวกเจ้าออกไปก่อน แลอย่าให้ใครเข้ามารบกวนเราเป็นอันขาด..” พระสุวรรณเมฆารับสั่งกับทหารอสุรา

“ พะยะค่ะ องค์เหนือหัว..” อินสูรย์และมนทกขานรับพระบัญชาของกษัตริย์อสุรา ก่อนจะหมอบกราบแล้วคลานถอยหลังออกจากห้องไป

ดวงตาสีนิลเพ่งพินิจดวงหน้าครุฑีสาว ก่อนสายตาจะเลื่อนมองไปที่ปีกสีมณีราค ที่มีร่องรอยบาดแผลที่เกิดจากพระแสงหอก

พระสุวรรณเมฆาขยับกายนั่งที่ตรงข้าง ๆ พระแท่นก่อนจะยกพระหัตถ์ขึ้นพนมแล้วร่ายคาถาก่อนจะก้มลงเป่าเข้าตรงปีกสีมณีราค

เพียงครู่เดียวรอยบาดแผลที่ปีกก็ค่อย ๆ จางลงทีละน้อยจนหายไป ก่อนที่พระสุวรรณเมฆาจะร่ายคาถาอีกครั้ง ปีกสีมณีราคนั้นก็หายไปจากเรือนร่างครุฑีสาวทันใด

ดวงตาสีนิลเอาแต่จับจ้องใบหน้านวลที่ยังคงหลับใหล ฝ่ามือใหญ่เอื้อมสัมผัสกับพวงแก้มเนียนอย่างห้ามใจไม่ได้

“ เรามิเคยเห็นนางใด งามเฉกเช่นเจ้ามาก่อนเลย ครุฑีน้อยเอ๋ย..”

“.....”

“ แลกลิ่นกายของเจ้า ช่างหอมหวลนัก..” พระสุวรรณเมฆาพึมพำออกมาเบาๆ ดวงตาคมไม่ยอมละออก จากใบหน้าเนียนของครุฑีสาว

.

.

.

.

ณ ศาลาใหญ่กลางบึงบัว

สนมกุสุมาลย์เดินไปเดินมาไม่หยุดใจกระวนกระวายว้าวุ่น จนอยู่นิ่งไม่ได้ สนมมาณวิกามองตามจนเกิดเวียนเศียรเกล้า

“ กุสุมาลย์เจ้ากังวลเรื่องอันใดกัน ถึงได้เดินไปมาเยี่ยงนี้ เจ้าหยุดเดินก่อนเถิดข้าเวียนหัว..” สนมมาณวิกาพูดขึ้นเมื่อกุสุมาลย์ยังไม่ยอมหยุดเดิน

“ เจ้าเห็นหรือไม่? มาณวิกา ท่านพี่โอบอุ้มครุฑีตนนั้น..”

“.....”

“ แล้วพระองค์ ยังพาเข้าไปในห้องบรรทมใหญ่อีก เจ้ามิรู้สึกอันใดบ้าง หรืออย่างไรเล่ามาณวิกา?..”

“ ข้าเห็น แล้วเจ้าจักให้ข้ารู้สึกอย่างไรเล่า? กุสุมาลย์ ” สนมมาณวิกาตอบ

“ ท่านพี่มิเคยโอบอุ้มสนมนางใด แลสายพระเนตรท่านพี่ ที่จ้องมองครุฑีตนนั้น ข้ามิเคยเห็นมาก่อน ท่านพี่ทรงดูห่วงใยครุฑีตนนั้น..” กุสุมาลย์ยังคงพร่ำบ่นไม่หยุดปาก

“ หากท่านพี่จักมีสนมเพิ่มมาอีกตนนึง แล้วเจ้าจักทำกระไรได้เล่ากุสุมาลย์...” มาณวิกาพูดออกมา เมื่อไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เนื่องจากตนเป็นสนมตนแรก และพระสุวรรณเมฆาก็มีสนมเพิ่มตามมาเรื่อยๆอีก 3 ตน

“.....”

“ แลข้าเห็นว่าครุฑีตนนั้นบาดเจ็บ ท่านพี่อาจจักแค่เพียงช่วยเหลือนางไว้ก็เป็นได้..”

“.....”

“ แต่ข้ามิคิดเช่นนั้นมาณวิกา..” ทันใดนั้น เสียงของวัจณาก็ดังแทรกขึ้นมา

“.....”

วัจณาและจัณฑีก้าวเดินเข้ามาในศาลา เมื่อจู่ๆเหล่าบรรดาสนมต่างมาเจอกันโดยไม่ได้นัดหมาย แม้จัณฑีไม่อยากจะมาแต่ก็ขัดใจวัจณาไม่ได้

“ เฮ่อ..พวกเจ้าจักคิดเช่นไร ก็เรื่องของพวกเจ้าเถิดหนา ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็ขัดพระหทัยท่านพี่มิได้ จริงหรือไม่? ข้าขอกลับตำหนักก่อนจักดีกว่า..” มาณวิกาพูดออกมาอย่างเบื่อหน่าย

“.....”

“ พวกเจ้าอย่าลืม...ว่าเราเป็นเครื่องบรรณาการจากท่านพ่อท่านแม่ แลมิใช่เป็นเมียตบเมียแต่งหนา ”

“.....”

“ เจ้าจักกลับตำหนักหรือเจ้าจักอยู่ จัณฑี?..” มาณวิกาพูดเตือนสติกุสุมาลย์กับวัจณาก่อนจะเอ่ยถามจัณฑี

เนื่องจากที่ผ่านมากุสุมาลย์และวัจณาไม่เคยมีใครยอมใคร จะมีก็แต่จัณฑีที่ไม่มีปากเสียงกับผู้ใด

“ ข้าว่ามาณวิกาพูดถูก พวกเจ้าขัดพระหทัยท่านพี่มิได้ดอกหนา ข้าจักกลับตำหนักเช่นกัน..” จัณฑีพูดออกมาก่อนจะเดินออกจากศาลากลางน้ำไป เมื่อใจอยากกลับอยู่แล้ว

กุสุมาลย์และวัจณาหันมาจ้องมองกัน ก่อนจะสบัดหน้าใส่กัน สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องแยกย้ายกันกลับตำหนักอย่างไม่สบอารมณ์

.

.

.

ดวงตากลมคู่สวยค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนที่ดวงตานั้นจะเบิกกว้าง แล้วรีบหยัดกายลุกขึ้นทันทีด้วยความตกใจ เมื่อจำได้ว่า ตนและเหล่าทหารองครักษ์ถูกตามล่าหมายเอาชีวิต และตนถูกอาวุธซัดเข้าที่ปีกก่อนที่จะหมดสติไปกลางอากาศ

“ เจ้าตื่นแล้วหรือ ครุฑีน้อย?...” นิศามณียังไม่ทันได้สำรวจตัวเอง ก็ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยถามดังขึ้น

“.....”

“ เจ้ามีชื่อว่าอย่างไร?..”

“.....”

“ แลเจ้าคือผู้ใดกัน เหตุใดเหล่าทหารครุฑาถึงตามล่าเอาชีวิตเจ้าเฉกเช่นนี้?..” พระสุวรรณเมฆาถามพร้อมกับโน้มกายเข้าใกล้นิศามณี ดวงตาสีนิลจ้องมองครุฑีน้อยนิ่งเพื่อรอคำตอบ

“.....” ไม่มีคำตอบใดจากครุฑีน้อยตรงหน้า

นิศามณีขยับกายกระถดถอยหนีไปจนสุดพระแท่น ดวงตากลมคู่สวยกวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนจะหันมาจ้องมองสบสายตากับพระสุวรรณเมฆากษัตริย์อสุราหนุ่มรูปงามด้วยท่าทีตื่นตระหนกและหวาดกลัว

“ !! จะ..เจ้าคือผู้ใดกัน?..”

๐๐๐๐๐๐๐

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel