ตอนที่ ๕ จองจำ
.
.
“ จักเป็นไปได้อย่างไรกัน ทหารองครักษ์ของนิศามณี มิมีทางที่จักสู้ทหารครุฑาของข้าได้แน่ ”
พระสุบินพูดออกมาด้วยความคับข้องใจ เนื่องจากพระสุบินรู้ดีว่าทหารองครักษ์ของนิศามณี ไม่ได้มีฝีมือการต่อสู้แต่อย่างใด
“ กระหม่อมเกรงว่า จักมีผู้ใดช่วยเหลือพระธิดาพะยะค่ะ พระอนุเอ่อ!..องค์เหนือหัว..” ทหารครุฑาพูดออกมาตามที่คิด ก่อนหยุดชะงักเมื่อรู้ว่าตนเรียกพระนามผิดก่อนจะเรียกขึ้นใหม่
เนื่องจากความเคยชินที่เรียกพระอนุชามาตลอด ตอนนี้พระอนุชาได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ จึงต้องเรียกใหม่ว่าองค์เหนือหัว
“ ผู้ใดกัน ที่บังอาจต่อกรกับพญาครุฑอย่างข้า?..” พระสุบินพูดขึ้นด้วยใบหน้าขุ่นข้องใจอย่างมาก
“ มีร่องรอยการต่อสู้ในบริเวรที่พบศพของเหล่าทหารครุฑา กระหม่อมคาดการว่าน่าจักเป็นฝีมือของเหล่ายักษ์ พะยะค่ะองค์เหนือหัว..”
“.....”
“ พื้นดินรอบ ๆ เต็มไปด้วยรอยเท้าขนาดใหญ่ ซึ่งจักเป็นสิ่งใดไปมิได้นอกเสียจากรอยเท้าของยักษ์พะยะค่ะ..”
“ ยักษ์อย่างนั้นหรือ?..”
“ พะยะค่ะ..”
“ เป็นยักษ์ ไฉนเลยถึงได้ยุ่งก้าวก่ายเรื่องของครุฑเล่า..” พระสุบินพูดออกมาอย่างคับข้องใจ
“ องค์เหนือหัวจักให้กระหม่อมทำเช่นไรพะยะค่ะ หากต้องสู้กับเหล่ายักษ์ เราคงจักมิอาจสู้ได้แน่..”
“.....”
“ แค่เหล่ายักษ์จำแลงกายใหญ่ขึ้น ก็มิมีผู้ใดจักหนีรอดได้แล้วพะยะค่ะ..” ทหารครุฑาเอ่ยถามกับพระสุบินก่อนจะพูดถึงความร้ายกาจของเหล่ายักษ์
“ หากนิศามณีอยู่กับเหล่ายักษ์จริงดังเจ้าว่า เราคงจักทำอันใดมิได้ในเพลานี้ดอก ”
“.....”
“ เจ้าให้ทหารครุฑาคอยสอดแนมจับสังเกตุเมืองยักษ์ที่อยู่เบื้องล่างเอาไว้อย่าให้คลาดสายตา หากเห็นนิศามณีให้กลับมาบอกข้า ” พระสุบินรับสั่งกับทหารครุฑา
“ พะยะค่ะองค์เหนือหัว..” ทหารครุฑาขานรับพระบัญชาก่อนจะรีบออกไป
“ เหตุใดท่านพี่ ต้องเอาชีวิตหลานนิศามณีด้วยเจ้าคะ? น้องมิเข้าใจ ”
“.....”
“ เหตุใดท่านพี่มิจองจำนาง เฉกเช่นพระอนันตะเวหาแลพระมเหสีสินิลตา เล่าเจ้าคะ? ” จู่ ๆ ดาราจันท์พระชายาของพระสุบิน ก็เอ่ยถามพระสวามีขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
“ เนื่องด้วยนิศามณี ยังมีพระคู่หมั้นอย่างไรเล่าดาราจันท์..”
“.....”
“ หากมิมีนิศามณี เหล่าเมืองครุฑแดนทักษิณก็จักมิจำเป็นจักต้องช่วยเจ้าพี่อนันตะเวหา เนื่องจากเมืองครุฑแดนทักษิณนั้นเป็นเมืองใหญ่..”
“.....”
“ แลพระมหิงเวหะพระคู่หมั้นของนิศามณี เป็นถึงโอรสกษัตริย์พญาครุฑขุนศึก”
“.....”
“ หากต้องรบกันเราคงมิอาจสู้ได้ดอก เหล่าครุฑาจักต้องล้มตายมากกว่าที่ข้าทำอยู่ในเพลานี้หนา ดาราจันท์ ” พระสุบินตอบชายาของตน เพื่อหวังจะให้นางเข้าใจกับสิ่งที่ตนทำ
“ แต่หากมิฆ่า....” ดาราจันท์ได้พูดเพียงเท่านั้น
“ พอได้แล้วดาราจันท์! เจ้ามิต้องเอ่ยอันใดอีก เจ้าขอให้ข้าละเว้นชีวิตเจ้าพี่แลสินิลตา ข้าก็ให้เจ้าแล้ว ”
“.....”
“ หากเจ้าใคร่จักดูแลเจ้าพี่แลสินิลตาที่ถูกจองจำ ข้าจักมิว่ากระไรเจ้า ”
“.....”
“ แต่หากเจ้ายังก้าวก่ายเรื่องของนิศามณี อย่าหาว่าข้ามิเตือนเจ้าหนา อย่าคิดว่าข้าตามใจเจ้า แล้วเจ้าจักห้ามข้าได้ เข้าใจหรือไม่ ” พระสุบินเอ่ยสวนขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวและดวงตาดุดัน
“ เจ้าค่ะ..”
ดาราจันท์จำต้องขานรับอย่างไม่เต็มใจ พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเกรงว่าพระสวามีจะไม่พอใจ
‘ เช่นนี้แล้ว น้าจักช่วยหลานได้อย่างไรเล่า อภัยให้อาของเจ้าด้วยเถิดหนา นิศามณี ’ ดาราจันท์คิดในใจ
พระชายาของพระสุบินเป็นครุฑีที่มีจิตใจดี และด้วยนางสนิทสนมกับนิศามณี ดาราจันท์รักและเอ็นดูนิศามณีมาก หากแต่ว่า ผู้เป็นพระสวามีกลับทำเช่นนี้ นางไม่รู้จะหาทางช่วยนิศามณีอย่างไร
.
.
.
“ ยักษ์!! กระนั้นลือดาราจันท์?..” สินิลตาพูดขึ้นเสียงดังด้วยความตกใจ เมื่อดาราจันท์นำเรื่องที่ได้ยินมาจากทหารครุฑามาบอก
“ เจ้าค่ะ ทหารครุฑาบอกน้องมาเช่นนั้นเจ้าค่ะ น้องหมดหนทางจักเอ่ยกับท่านพี่พระสุบินแล้ว พระองค์มิยอมฟังน้องเลย..”
“.....”
“ น้องกราบขอประทานอภัยแทนท่านพี่พระสุบินด้วยนะเจ้าคะ น้องจนปัญญาแล้วจริงๆ ” ดาราจันท์ก้มลงกราบแทบเท้าพระอนันตะเวหาและสินิลตาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำตาคลอ
“ สุดแต่เวรกรรมเถิดหนา เพียงรู้ว่าตอนนี้นิศามณียังมีชีวิตอยู่ ข้าก็ดีใจแล้วดาราจันท์ ” สินิลตาและพระอนันตะเวหา ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ก่อนสินิลตาจะเอื้อมมือประคองไหล่ดาราจันท์ให้ลุกขึ้น แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง
“.....”
“ หากเป็นยักษ์ ช่วยเหลือนิศามณีไว้อย่างที่เจ้าว่าจริง ๆ เราก็ขอภาวนา ให้ยักษ์ผู้นั้นเมตตานาง แลมิทำร้ายนางด้วยเถิดหนา ” พระอนันตะเวหาพูดขึ้นด้วยแววตาที่มีความหวัง
.
.
.
ประตูบานใหญ่ห้องบรรทม เปิดออกช้า ๆ พระสุวรรณเมฆาขยับกายนั่งลงบนพระแท่น ดวงตาสีนิลจับจ้องใบหน้าเนียนของครุฑีตัวน้อย ที่ผล็อยหลับไปอยู่บนพระแท่น ด้วยใบหน้าที่เปื้อนน้ำตา ก่อนฝ่ามือใหญ่จะเอื้อมขึ้นเพื่อเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าน้อยอย่างเบามือ
“ เจ้าอยู่กับพี่ที่นี่เถิดหนา ครุฑีน้อยเอ๋ย พี่จักดูแลเจ้าเป็นอย่างดี..แลพี่ จักมิให้ผู้ใดมาทำร้ายเจ้าได้...นิศามณี ”
กษัตริย์อสุราเอ่ยออกมาน้ำเสียงแผ่วเบา ดวงตาสีนิลจับจ้องครุฑีตัวน้อยที่ยังคงหลับไหลตรงหน้านิ่ง
.
.
.
แสงสว่างสีอำพันของเช้าวันใหม่ สาดส่องเข้ามา ดวงตากลมคู่สวยขยับเปลือกตาช้า ๆ ทันทีที่ลืมตาขึ้น นิศามณีดวงตาเบิกโพรง ก่อนจะรีบหยัดกายลุกขึ้นทันทีด้วยความเร็ว เมื่อเห็นอสุรีตนหนึ่งนั่งหมอบอยู่กับพื้นตรงกลางห้อง
“ จะ เจ้าเป็นผู้ใดกัน? ” นิศามณีเอ่ยถามด้วยท่าทีที่ตกใจและหวาดกลัว
“ หม่อมฉันชื่อพนาลี เพคะ องค์เหนือหัวให้หม่อมฉันมาคอยรับใช้พระธิดา เพคะ ” พนาลีรีบตอบนิศามณีทันทีเมื่อเห็นว่าครุฑีน้อยกำลังหวาดกลัวตน
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
