ตอนที่ ๒ งามตา
.
.
พระสุวรรณเมฆาและทหารยักษาที่ได้ยินจึงหันไปมองต้นทางของเสียงพร้อมกันก่อนจะเห็นบางสิ่ง
กษัตริย์อสุราและทหารยักษาเร่งรุดตรงเข้าไปดูทันใด เห็นร่างครุฑาตนหนึ่งที่ได้สิ้นชีวิตไปแล้ว โดยมีพระแสงหอกปักอยู่กลางร่าง
“ ครุฑาอย่างนั้นหรือ? นี่มันอะไรกัน อินสูรย์?..” พระสุวรรณเมฆาถามออกมาอย่างข้องใจ เมื่อเห็นว่านั่นคือร่างของครุฑาที่ร่วงลงมาจากฟ้า ก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ ดูจากเครื่องแต่งกายแล้ว น่าจักเป็นทหารครุฑาของเมืองเวหาศที่อยู่บนคีรี(ภูเขา)ลอยฟ้าที่อยู่เหนือเมืองยักษ์เรามิไกลนี้เองพะยะค่ะ...”
“.....”
“ กระหม่อมทราบมาว่าเหล่าครุฑา เกิดศึกภายในระหว่างกษัตริย์กับพระอนุชา ”
“.....”
“ ได้ยินมาว่าพระอนุชามีจิตอำมหิต ต่างจากกษัตริย์ที่มีจิตเมตตาแลรักสงบ ”
“.....”
“ แลยังได้ยินมาอีกว่ากษัตริย์มิมีพระราชโอรส มีเพียงพระราชธิดาองค์เดียวเท่านั้นพะย่ะค่ะ...” อินสูรย์ตอบพระสุวรรณเมฆาตามที่เคยได้ยินมา
“ เป็นเคลือญาติกัน เหตุใดจึงต้องเข่นฆ่ากันอย่างโหดเหี้ยมเฉกเช่นนี้เล่า..” พระสุวรรณเมฆาพูดขึ้นมาอย่างคับข้องใจ
“ เพราะพระราชธิดาพะยะค่ะ เมื่อเป็นครุฑีจึงมิอาจขึ้นครองราชย์ได้ กษัตริย์จึงได้หมายให้คู่ครองของพระราชธิดามาปกครองแทน...”
“.....”
“ พระอนุชาคงจักมิพอพระหทัยที่บัลลังจะตกเป็นของครุฑาเมืองอื่น พะยะค่ะ...”
“.....”
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
หลังจากนั้นไม่นาน ไม่ไกลจากตรงนั้นนัก ก็มีร่างไร้ชีวิตของทหารครุฑาได้ร่วงหล่นลงจากฟ้าอีกทีละตน
พระสุวรรณเมฆาเงยใบหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง ดวงตาสีนิลเพ่งมองขึ้นไป เห็นเพียงไกลๆ เป็นครุฑีสาว 3 ตน ที่กำลังถูกเหล่าทหารครุฑาปิดล้อมรอบอยู่ สูงเหนือจุดที่ร่างทหารครุฑาร่วงหล่นลงมาไม่ไกลนัก
“ แม้แต่ครุฑีสาวที่ไร้ทางสู้ ก็มิเว้นเลยลือนั่น ช่างอำมหิตเสียจริง ” พระสุวรรณเมฆาพูดออกมาด้วยความขุ่นข้องใจ
“ หากเป็นเช่นนี้พวกนางคงมิมีทางรอด แต่เราก็มิควรจักไปก้าวก่ายเรื่องของเมืองครุฑนะพะยะค่ะ ”
“.....”
“ แต่..เอ่อ..พระองค์..จักช่วยพวกนางหรือไม่พะยะค่ะ?..” อินสูรย์พูดขึ้นมาก่อนจะถามกษัตริย์ของตนเมื่อเห็นว่าพระสุวรรณเมฆาเพ่งมองไปโดยไม่ละสายตา
“.....” พระสุวรรณเมฆาไม่ได้ตอบอันใดไป
“ แน่แท้แล้วว่ามิรอดพะยะค่ะ...”
อินสูรย์พูดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเห็นครุฑีสาวตนหนึ่ง ถูกอาวุธซัดเข้าที่ปีกก่อนจะร่วงดิ่งลงมา ทหารครุฑีสาวอีก 2 ตน ที่กำลังจะบินไปช่วยก็ถูกพระแสงหอกแทงเข้าที่กลางร่าง ก่อนร่วงดิ่งตามครุฑีสาวตนแรกลงมา
ร่างของครุฑีสาวที่หมดสติกำลังร่วงดิ่งสู่ผืนดินด้วยความเร็ว
ควั่บ!!
เพียงเสี้ยววินาทีสุดท้ายกษัตริย์อสุราร่ายคาถาในใจก่อนร่างใหญ่จะเคลื่อนกายอย่างรวดเร็ว คว้าเอาร่างครุฑีสาวเข้ามาไว้ในอ้อมแขนได้ทันท่วงที
อินสูรย์แทบจะมองไม่ทัน เมื่อเห็นอีกครั้งครุฑีสาวก็อยู่ในอ้อมแขนของพระสุวรรณเมฆาผู้เป็นกษัตริย์ของตนแล้ว
“ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่พะยะค่ะองค์เหนือหัว?..” อินสูรย์เอ่ยถามขณะที่กำลังวิ่งเข้าไปหากษัตริย์อสุราที่อุ้มครุฑีสาวอยู่
“.....” พระสุวรรณเมฆา พยักหน้าตอบอินสูรย์
ดวงตาสีนิลเอาแต่จับจ้องใบหน้าครุฑีสาวก่อนจะค่อยๆวางร่างครุฑีสาวลง โดยศีรษะนางยังคงอยู่ในอ้อมแขนของตน
“ ดูจากเครื่องแต่งกาย ครุฑีตนนี้ คงมิใช่ครุฑีธรรมดา ธรรมดาทั่วไปเป็นแน่พะยะค่ะ..” อินสูรย์กวาดสายตามองไปทั่วร่างครุฑีสาวก่อนจะพูดออกมา
“ นางช่างงดงามนัก..” พระสุวรรณเมฆาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ดวงตาสีนิลจ้องมองใบหน้าพริ้งเพราของครุฑีสาวที่ยังหมดสติอยู่ ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะเอื้อมสัมผัสเข้าที่พวงแก้มเนียนของนางอย่างอ่อนโยน พลันรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้ากษัตริย์อสุราหนุ่ม
“ เจ้าช่างงามตาเหลือเกิน แม่ครุฑีตัวน้อยเอ๋ย..” พระสุวรรณเมฆาพูดขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับฉีกยิ้มพรายออกมา
.
.
.
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
เสียงบางสิ่งกระทบกับผืนดิน ไม่ไกลจากเหล่าอสุรานัก เหล่าอสุราหันไปต้นทางของเสียงอย่างพร้อมเพียงกัน
เห็นเหล่าทหารครุฑาหลายตนที่บินลงมาถึงพื้นดินด้วยความเร็ว
“ ท่านเป็นยักษ์ มิควรจักก้าวก่ายเรื่องของเหล่าครุฑ จงมอบครุฑีตนนั้นมาให้ข้า บัดเดี๋ยวนี้...”
ทหารครุฑาพูดออกมาทันใด เมื่อเห็นนิศามณีอยู่ในอ้อมแขนของพระสุวรรณเมฆา
แม้ใจจะหวั่นเกรงเหล่ายักษาไม่น้อย หากเกิดการต่อสู้กันเหล่าครุฑาไม่มีทางที่จะสู้เหล่ายักษาได้เลย หากแต่เกรงกลัวพระบัญชาของพระสุบินมากกว่า
เหล่าทหารอสุรายืนประจันหน้าพร้อมเพียงกันทันทีเมื่อเห็นว่าทหารครุฑาพูดกับกษัตริย์ของตน
“ เหตุใดเราจักต้องมอบนางให้พวกเจ้า?..”
“.....”
“ แลหากเรามิยอมมอบครุฑีตนนี้ให้เล่า พวกเจ้าจักทำเยี่ยงไร?..”
“.....”
“ หากพวกเจ้าจักเข่นฆ่า ครุฑีที่ไร้ทางสู้ เราคงมิอาจทนเห็นได้ดอกหนา..” พระสุวรรณเมฆาตอบกลับทหารครุฑาไปอย่างไม่มีความเกรงกลัว
แขนแกร่งโอบอุ้มร่างบางของนิศามณีขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง ก่อนดวงตาเฉียบคมจะจ้องมองเหล่าทหารครุฑานิ่ง
เหล่าทหารครุฑาหันมองหน้ากันนิ่ง ก่อนจะสยายปีกแล้วแยกกันพุ่งตรงเข้าไปหาพระสุวรรณเมฆา และพุ่งตรงใส่ทหารอสุราอย่างพร้อมพร้อมเพียงกัน
พระสุวรรณเมฆาร่ายคาถาในใจก่อนที่ทหารครุฑาจะมาถึงตน ร่างอสุราหนุ่มก็สูงใหญ่ขึ้นเพียงพริบตาเดียว
หมับ!
ฝ่ามือใหญ่ของกษัตริย์อสุราหนุ่มคว้าร่างของทหารครุฑาตนนั้นเอาไว้แน่น ก่อนจะบีบร่างนั้นให้แหลกเหลวคามือ ฝ่ามือใหญ่อีกข้างหนึ่งกอบกุมร่างของนิศามณีเอาไว้หลวมๆ
เหล่าทหารครุฑาที่เห็นร่างตนสนิทของพระสุบินแหลกเหลวเช่นนั้นก็เกิดความหวาดกลัว จึงสยายปีกหมายจะเร่งบินหนี
“ อย่าให้รอดไปได้แม้แต่ตนเดียว!..”
พระสุวรรณเมฆารับสั่งอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นเหล่าทหารครุฑากำลังบินหนี ดวงตาสีนิลจับจ้องนิ่ง เพ่งมองตามหลังทหารครุฑาที่บินหนีไป
“ พะยะค่ะ..”
เหล่าทหารอสุราขานรับพระบัญชาก่อนจะร่ายคาถาให้ร่างสูงใหญ่แล้วตามเหล่าทหารครุฑาไป
๐๐๐๐๐๐
