ตอนที่ ๑ เวหาศ
.
.
ณ ดินแดนภูเขาลอยฟ้า อาณาจักรอันกว้างใหญ่ที่สูงชันและงดงาม เต็มไปด้วยสวนรุกขชาติที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วอาณาจักร เมืองที่ซ่อน อยู่ในม่านหมอกบังตา คือเมืองเวหาศ เป็นถิ่นฐานของเหล่าบรรดาครุฑน้อยใหญ่ที่มีทั้งครุฑาและครุฑีมากมาย
อาณาจักรแห่งนี้อยู่ใต้การปกครองโดยพญาครุฑพระอนันตะเวหาที่เป็นเชื้อสายกษัตริย์แต่เดิมมา เหล่าบรรดาครุฑาและครุฑีน้อยใหญ่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขตลอดมา
แต่ทว่าพระอนันตะเวหาทรงทราบดีว่าพระสุบินผู้เป็นพระอนุชา(น้องชาย)ของตนกำลังหาทางแย่งชิงอาณาจักรครุฑแห่งนี้ เพราะใคร่จักเป็นใหญ่เหนือครุฑทั้งปวง
.
.
.
.
“ นิศามณีลูกพ่อ..” น้ำเสียงอ่อนโยนของพระอนันตะเวหาผู้เป็นบิดาเรียกหาธิดาสาวที่ตนรักด้วยแววตาวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้าคะท่านพ่อ มีเหตุอันใดกันท่านพ่อถึงได้มาตำหนักของลูก? ” นิศามณีเอ่ยถามผู้เป็นบิดาด้วยความข้องใจเนื่องจากตั้งแต่นางเติบโตเต็มไว ผู้เป็นบิดาไม่เคยย่างกรายเข้ามาในตำหนักของตนสักครั้ง
“ พ่อใคร่จักให้เจ้าบินไปเมืองครุฑแดนทักษิณ เมืองของพระมหิงส์เวหะพระคู่หมั้นของเจ้าบัดเดี๋ยวนี้ ” พระอนันตะเวหาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นคลอกริยาร้อนรุ่ม
“ บัดเดี๋ยวนี้! หรือเจ้าคะท่านพ่อ มีเรื่องอันใดกัน? ” ครุฑีสาวถามออกมาด้วยความแปลกใจ
“ พระสุบิน อาของเจ้ากำลังจักก่อกบฏ ”
“ อะไรนะเจ้าคะ!! เหตุใด....”
“ เจ้าอย่าได้ถามสิ่งใดในเพลานี้ลูกพ่อ เจ้าจักต้องเร่งรุดไป”
“.....”
“ ทหาร!! เจ้าจงอารักขานิศามณีไปบัดเดี๋ยวนี้!.. ”
ไม่ทันที่นิศามณีจะได้ถามต่อ พระอนันตะเวหาได้พูดสวนขึ้นก่อน และรับสั่งกับทหารองครักษ์ต่อทันที
“ พะยะค่ะ / เพคะ ” เหล่าทหารครุฑาและครุฑีขานรับทันที พร้อมกับที่ทหารครุฑีตนหนึ่งเกี่ยวดึงร่างบางของนิศามณีออกไปด้วย
“ แล้วท่านพ่อท่านแม่ล่ะเจ้าคะ? ” ครุฑีสาวหันมาถามพระบิดาของตนด้วยความห่วงใยในขณะที่ร่างบางนั้นถูกฉุดรั้งให้เดินออกไป
“ เจ้ามิต้องห่วงพ่อแลแม่ดอกหนา ลูกพ่อ...” พระอนันตะเวหาจ้องมองดวงหน้าครุฑีสาว ทรงยิ้มให้ธิดาของตนด้วยแววตาปวดร้าวแล้วพูดออกมาเพียงเท่านั้น ก่อนจะส่งสายตาให้ทหารนำพาครุฑีสาวหลบหนีไปโดยเร็ว
“ แต่!..ท่านพ่อ...ท่านพ่อเจ้าคะ....” นิศามณีพยายามเรียกผู้เป็นพระบิดาทั้งที่ร่างบางถูกฉุกรั้งให้ออกไปจากตำหนักของตน แต่ไม่มีคำพูดใดตอบกลับมาจากพระบิดา
พระอนันตะเวหาเพียงจ้องมองธิดาของตนที่ถูกเหล่าทหารครุฑีดึงรั้งร่างบางไปจนลับสายตา
เหล่าครุฑทั้งหลายรู้ดีว่าพระสุบินเป็นครุฑาที่มีจิตอำมหิตเลือดเย็นต่างจากพระอนันตะเวหาที่เป็นครุฑดีและรักสงบเพียงใด และพระองค์ไม่อาจสู้กับพระอนุชาของตนได้อย่างแน่นอน เพลานี้พระองค์และมเหสีขอแค่ธิดาสาวของตนพ้นภัยเพียงเท่านั้น
.
.
.
.
“ พระธิดา พะยะค่ะ มีทหารของพระอนุชาตามมาพะยะค่ะ” ทหารครุฑาตนหนึ่งได้พูดขึ้น หลังจากที่ทุกตนบินออกมาจากตำหนักของครุฑีสาวได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น
“ จักทำเยี่ยงไรดี...”
ฉึบ!! กรี๊ดดด!
นิศามณีเอ่ยถามยังไม่ทันจบ ดวงตาคู่สวยพลันเบิกกว้างทันใด เมื่อพระแสงหอกพุ่งเข้าทะลุร่างทหารองครักษ์ตนหนึ่งต่อหน้านิศามณี ก่อนร่างนั้นจะร่วงดิ่งลงสู่เบื้องล่าง
“ เร่งหนีเร็วเพคะพระธิดา ” ทหารครุฑีตนหนึ่งรีบพูดขึ้นมาก่อนจะดึงร่างบางให้บินตาม
ฉึบ! ฉึบ! ฉึบ! กรี๊ดดด
ไม่ทันที่จะได้เร่งกระพือปีกบิน ทหารองครักษ์ก็ถูกพระแสงหอกซัด ก่อนร่างจะร่วงลงสู่เบื้องล่างไปทีละตน
บัดนี้เหลือเพียงทหารครุฑีและนิศามณีธิดากษัตริย์เท่านั้น เหล่าทหารครุฑาได้เร่งกระพือปีกอย่างรวดเร็ว บินอ้อมมาขวางด้านหน้าและปิดล้อมเอาไว้
นิศามณีจ้องมองดวงตาทหารครุฑารับใช้ของพระสุบิน พระปิตุลา(อา)ของตน ที่ไม่มีความเมตตาแม้แต่น้อย
“ นี่พวกเจ้า หมายจักเอาชีวิตข้ากระนั้นหรือ? ” นิศามณีเอ่ยถามทหารครุฑาตนสนิทของพระปิตุลาตนหนึ่ง
“ เป็นพระบัญชาของพระสุบิน โปรดทรงอภัยกระหม่อมด้วยพะยะค่ะ” ทหารรับใช้ของพระสุบินตอบนิศามณี พลันพระบัญชาของพระสุบินก็ปรากฏขึ้นมาในหัวอย่างชัดเจน
‘ จำเอาไว้ การนี้จักต้องถอนรากถอนโคนจนสิ้น มิให้เหลือ แลหากมิมีนิศามณี เหล่าบรรดาเมืองครุฑแดนทักษิณก็จักมิจำเป็นต้องช่วยเหลือเฉกเช่นก่อนนั้น ’
นิศามณีถึงกับนิ่งไป เมื่อได้ยินสิ่งที่ทหารครุฑาพูด และไม่คิดว่าพระปิตุลาจะสั่งฆ่าตน ที่เป็นหลานแท้ๆได้ลงคอ และตอนนั้นเองที่ทหารครุฑากำลังจะซัดพระแสงหอกตรงไปยังนิศามณี
“ รีบหนีเพคะ! เร็ว!... ”
ปึก!
ทหารครุฑีตนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะบินพุ่งเข้าชนกับร่างทหารครุฑาตนนั้นอย่างสุดแรงเพื่อเปิดทางให้
นิศามณีรีบกระพือปีกสีมณีราคก่อนจะเร่งบินหนีด้วยความเร็ว ทหารครุฑาบินตามไปอย่างไม่ลดละ
“ พระธิดา!!..”
ทหารครุฑีที่กำลังต่อสู้กับทหารครุฑาได้ตะโกนเรียกธิดาของตน เมื่อเห็นทหารครุฑาตนหนึ่งกำลังซัดอาวุธไปทางธิดาสาว นิศามณีที่ได้ยินจึงได้หันมาตามเสียงตะโกน
ฉึก!! อึ๊!!
ครุฑีสาวรู้สึกถึงความเจ็บที่พุ่งเข้าตรงกลางปีกสีมณีราค ก่อนสติที่เหลือจะดับวูบ และร่างบางกำลังร่วงดิ่งสู่เบื้องล่างด้วยความเร็ว
“ พระธิ!!..”
ฉึบ!! อึ! ฉึบ! อ้ะ!
ก่อนที่ทหารครุฑีทั้ง 2 ตนจะได้บินเข้าไปช่วยนิศามณี นางได้ถูกพระแสงหอกแทงเข้าที่กลางอก ก่อน 2 ร่างจะร่วงดิ่งตามพระธิดาของตนไป
.
.
.
.
.
ณ เบื้องล่างอาณาจักแห่งยักษ์
ชายป่าด้านนอกของเมืองยักษ์ กษัตริย์อสุราพร้อมเหล่าทหารอสุรากำลังเดินทางจะกลับเมือง หลังจากการออกล่าสัตว์
“ วันนี้ได้กวางมามากมายหลายตัวเลยพะยะค่ะองค์เหนือหัว คงจักเป็นลาภปาก เหล่าสนมของพระองค์เป็นแน่..” ทหารอสุราตนหนึ่งพูดขึ้นกับกษัตริย์ของตน
“ เจ้านี่ช่างห่วงใยเหล่าสนมของเราเสียจริงนะ อินสูรย์..” พระสุวรรณเมฆากษัตริย์อสุราพูดออกมาพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าทหารอสุราคู่กายตนช่างใส่ใจเหล่านางสนมของตน
“.....”
“ เจ้ามีใจแก่สนมของเราอย่างนั้นรึ อินสูรย์...”
“ โธ่...พระองค์ กระหม่อมมิกล้าดอกพะยะค่ะ กระหม่อมก็เอ่ยไปตามความคิดเพียงเท่านั้นพะยะค่ะ ”
“....”
พระสุวรรณเมฆายิ้มออกมาก่อนจะส่ายพระเศียรเล็กน้อยเมื่อเห็นทหารอสุรารีบพูดแก้ต่างทันใดเนื่องจากเกรงกลัวจะถูกลงทัณฑ์
“ แต่กระหม่อมก็มิเคยเห็นพระองค์ทรงสนพระทัยพระสนมองค์ไหนมากเป็นพิเศษเลยนะพะยะค่ะ..” ทหารอสุราพูดต่อเพราะมีความข้องใจ
ในเมื่อพระสนมแต่ละองค์ของพระสุวรรณเมฆา นั้น งดงามทุกนาง แต่ทว่าพระสุวรรณเมฆาไม่เคยใส่ใจสนมนางไหนมากไปกว่ากัน
“.....”
พระสุวรรณเมฆานิ่งไป เมื่อได้ยินทหารยักษาเอ่ยขึ้น
เหล่าสนมทั้ง 4 นาง แม้จะเป็นถึงพระราชธิดากษัตริย์ แต่ก็เป็นเครื่องบรรณาการจากเมืองต่างๆที่ส่งให้ พระสุวรรณเมฆาเรียกให้มารับใช้ เพียงเพราะความต้องการของร่างกายชายเท่านั้น ไม่ได้มีใจให้แต่อย่างใด
ตุบ!!
ทันใดนั้นเองไม่ไกลนักมีบางสิ่งบางอย่างร่วงหล่นลงมาจากฟ้าก่อนกระทบกับผืนดินจนเกิดเสียงดัง
๐๐๐๐๐๐๐๐๐
