บทที่ 4 ผู้ชายเผด็จการเย่อหยิ่งปานนั้นหางแต่เธอก็ไม่แล
ตอนแรกบิดาของพิมาลินก็คิดว่า ท่านโอมาร์จะให้บุตรชายคนโตของคุณโมลีน มาดำรงตำแหน่งซีอีโอแทนเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่าท่านโอมาร์ส่งลูกชายของท่านมาบริหารงานที่นี่ แทนบุตรชายคนโตของโมลีน ที่เพิ่งเดินทางไปต่างประเทศเสียเอง ซึ่งเขาก็เพิ่งทราบก่อนที่ลูกสาวของเขาจะไปทำงานเป็นเลขาฯให้กับฮาซันเพียงหนึ่งวันเท่านั้น
พิมาลินถามบิดาของเธอว่า เธอไม่ไปทำงานที่บริษัทอีกได้ไหม
คำตอบก็คือ หากทางบิดาของเธอผิดสัญญา บิดาของเธอจะต้องขายหุ้นที่เหลือให้กับท่านโอมาร์ทั้งหมด ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่า สิ่งที่เขาก่อตั้งสร้างมากับมือ จะต้องตกไปอยู่ในมือของคนอื่นทั้งหมด ซึ่งเขาทนรับสภาพนั้นไม่ได้ ไม่ได้แน่ๆ
เธอรู้ว่าบิดารักบริษัทนี้มากขนาดไหน ท่านคงทนไม่ได้ที่จะสูญเสียมันไป แต่ว่าเธอจะทนทำงานรองมือรองเท้าฮาซันได้หรือเปล่านี่สิ คือปัญหาใหญ่
แต่...เพื่อบิดาที่เธอรักมากที่สุด เธอจึงจำเป็นต้องมาประชุมในวันนี้...และเธอจะทนทำงานกับบอสหนุ่มจอมโหด แค่ปีเดียวเท่านั้น แค่ปีเดียวคงไม่ทำให้เธอถึงตายหรอกน่า...
พิมาลินวิ่งเข้าไปในออฟฟิซของเธอก่อน เพื่อไปดูว่าผู้บริหารหนุ่มอยู่ในนั้นไหม ทว่าพอเข้าไปในห้องทำงานแล้วก็ไม่เห็นเขา เธอก็รีบตรงไปยังห้องประชุมใหญ่ของบริษัททันที แล้วก็เข้าไปในห้องเป็นคนสุดท้าย
ทุกคนมองหน้าเธอเป็นจุดเดียว รวมทั้งซีอีโอหนุ่มด้วยที่มองเธอยิ้มๆ แต่พิมาลินคิดว่าเขากำลังยิ้มเยาะเธอมากกว่า แล้วเธอก็นั่งลงข้างๆเขา แล้วพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ ไม่คิดถึงเรื่องส่วนตัว แต่มีสมาธิจดจ่อกับการประชุม
เธอพยายามกวาดตามองผู้ถือหุ้นทุกคน แล้วก็ไปสะดุดตาเจ้าของใบหน้าที่มีหน้าผากเป็นรูปหัวใจสวยเฉียบ ดูเจ้าหล่อนจะมองไปทางซีอีโอหนุ่มตลอดเวลา
ประมาณห้านาทีต่อมา นายพันเทพที่ยังดำรงตำแหน่งประธานของบริษัท ก็เปิดการประชุม วันนี้เขาต้องอำลาตำแหน่งแล้ว
แน่นอนว่าผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทแทนเขา จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากบุตรชายคนโตของโอมาร์ ส่วนเขาก็จะดำรงตำแหน่งเป็นเพียงที่ปรึกษาอาวุโสเท่านั้น
เฉิดฉายร้องว้าวในใจทันที ที่ท่านประธานบริษัทประกาศว่า ฮาซัน ราสชิด อันโอมาร์ จะมาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเป็นคนต่อไป ควบคู่กับตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของบริษัท
ผู้ถือหุ้นทุกคนต่างก็รู้ว่า ตอนนี้บริษัทกำลังย่ำแย่ขนาดไหน แล้วการที่ทายาทของท่านโอมาร์มาช่วยบริหารย่อมเป็นการดีต่อบริษัท พวกเขาจึงไม่มีใครคัดค้านในเรื่องนี้
คงมีเพียงพิมาลินเท่านั้น ที่เธอแอบรู้สึกต่อต้านอยู่ในใจลึกๆ เพราะเธอรู้สึกได้ว่า ฮาซันต้องมีแผนการอะไรบางอย่างแน่ๆ
แล้วเมื่อถึงเวลาเลิกประชุม เฉิดฉายก็ดึงท่านประธานหนุ่มป้ายแดงไปคุยด้วยหน้าตาเฉย แล้วชวนชายหนุ่มออกไปรับประทานอาหารกลางวันกับเธอด้วย โดยการที่เธอเอาเรื่องงานของบริษัทมาอ้าง
พิมาลินมองสองหนุ่มสาวนั่งรถออกไปจากบริษัท แล้วก็ทอดถอนใจออกมาอย่างโล่งออก ก่อนจะไปนั่งกินข้าวร่วมกับพนักงานคนอื่นๆตามปกติ
เมื่อกินข้าวเที่ยงเสร็จ เลขาสาวก็รีบกลับมาทำงานที่ค้างอยู่ทันที โดยไม่รอเวลางาน เพราะหวังว่าวันนี้จะได้ไม่ต้องทำโอทีจนมืดค่ำ เพราะกองเอกสารเมื่อวาน เพิ่งจัดการไปแค่แฟ้มเดียวเท่านั้นเอง
‘ฉันจะต้องรู้ให้ได้ ว่าคุณมีแผนการร้ายอะไรอยู่ในใจ’
เมื่อทำงานไปได้สักพัก ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออก
ซีอีโอหนุ่มก้าวเข้ามาในห้อง พร้อมกับลูกสาวของผู้ถือหุ้น ที่บิดาของเธอฝากเธอให้มาทำงานที่บริษัท ในตำแหน่งอะไรก็ได้ เพราะอยากให้ลูกสาวมีประสบการณ์ทำงานที่ดี ซึ่งฮาซันก็ไม่ได้ตอบปฏิเสธ
เขาก็แค่รับปากจะช่วยไปตามมารยาท แต่ก็พอมีตำแหน่งงานให้เธอทำอยู่ คือตำแหน่งเลขาหน้าห้อง ซึ่งคนเก่าท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว ดังนั้นเขาจึงให้เฉิดฉายมาฝึกงานกับดวงพรสักหนึ่งเดือน ก่อนที่ดวงพรจะลาคลอด
เฉิดฉายกับพิมาลินสบตากันทันที ที่ประตูเปิดแง้มเข้ามา เลขาสาวทันได้เห็นว่า เฉิดฉายเดินควงแขนซีอีโอหนุ่ม เข้ามาในห้องอย่างสนิทสนม แถมฝ่ายหญิง ยังทำท่าเหมือนจะประกาศบอกกับเธอว่า
‘ผู้ชายคนนี้เป็นของฉัน’
‘ชิ เธอไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับบอสขาโหดอย่างเขาหรอก เพราะแค่หางตาเธอก็ไม่คิดจะแลแล้ว’
ผู้ชายที่เย่อหยิ่งพรรค์นั้น เธอเกลียดอย่างที่สุด
“คุณซันคะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ”
“ครับ”
เฉิดฉายทอดสายตาหวานฉ่ำ ให้บอสสุดหล่อของเธอทีหนึ่ง ก่อนจะตวัดสายตามาจิกมองพิมาลิน ด้วยแววตาอิจฉาริษยา อิจฉาที่พิมาลินมีโอกาสมานั่งทำงาน อยู่ในห้องเดียวกับผู้บริหารหนุ่ม
เธอมองเลขาสาว รอจนกระทั่งพิมาลินเงยหน้าขึ้นมาสบตา เฉิดฉายจึงได้เดินมาที่โต๊ะของพิมาลิน แล้วยิ้มร้ายใส่
“พรุ่งนี้เป็นต้นไป ฉันจะมาทำงานที่นี่ หน้าห้องนี้ ยังไงเด็กใหม่อย่างฉัน ก็ขอฝากตัวกับลูกสาวของอดีตท่านประธานของบริษัทด้วยนะ”
“คุณฝากตัวผิดคนแล้วมั้งคะ งานของฉันกับงานของคุณคงไม่เกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว แถมฉันเองก็ทำงานในห้องนี้ ฉันคงไม่กล้าออกไปก้าวก่ายกับงานของใครหรอกค่ะ”
“รวมถึงไม่ก่าวก่ายกับผู้ชายของคนอื่นด้วยรึเปล่าล่ะ”
เฉิดฉายก้มลงมากระซิบกระซาบถาม พอให้ได้ยินกันสองคน ด้วยประกายตายิ้มเยาะ ท้าทายอีกฝ่ายอยู่ในที พิมาลินไม่พูดอะไร เธอก้มหน้าทำงานของตนเองต่อไป โดยไม่สนใจอีกฝ่ายอีก
พอคล้อยหลังเฉิดฉาย ผู้ชายจอมเผด็จการก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเลขาสาว
“อีกครึ่งชั่วโมง เตรียมตัวไปประชุมที่บริษัทย่อย ที่สระบุรีนะ วันนี้ไม่มีอะไรมาก ผมแค่ไปเยี่ยมชมและแนะนำตัวเหมือนวันนี้ ไม่ต้องเตรียมอะไรไปเยอะนะ”
“ค่ะ แต่ว่างานพวกนี้ ที่คุณสั่งให้ฉันทำตั้งแต่เมื่อวานล่ะคะ”
“พรุ่งนี้ค่อยทำต่อก็ได้ เพราะกว่าจะกลับมาก็คงเย็น”
“ค่ะ”
“วันนี้ดูคุณสงบเงี่ยมจังเลยนะ ไม่เห็นก้าวร้าวเหมือนเมื่อวาน” เขาตั้งข้อสังเกตระคนหยอกเย้านิดๆ
“ฉันก็แค่ทำตามที่พ่อบอก” เธอลอยหน้าตอบโดยไม่สบตาคนพูด
“งั้นเหรอ แสดงว่าเข้าใจทุกอย่างแล้วสินะ”
“ค่ะ”
“ดี ต่อไปจะได้ทำงานด้วยกันง่ายขึ้น และการทำงานกับผมมันก็ไม่ได้ยากหรอกนะ แค่ทำตามคำสั่งของผม ทุกเรื่องก็พอ”
“ทุกเรื่อง!” พิมาลินอุทานขึ้นมาทันควัน แล้วมองหน้าบอสหนุ่มจอมเผด็จการ ที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว ด้วยแววตาวับวาว อย่างคลางแคลงใจ ไม่ชอบใจนัก
“ใช่ ทุกเรื่องในที่ทำงานและในเวลางาน” เขาตอบ ยกยิ้มนิดๆอย่างน่าหมั่นไส้
“หมะ...หมายความว่ายังไง”
