บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 บอสหนุ่มจอมเย็นชาลงทัณฑ์สวาทเลขาสาว

เขาจุมพิตเธออย่างดูดดื่ม ราวกับจะสูบวิญญาณออกจากร่างของเธอ ตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้ลิ้มรสความหอมหวานซ่านใจ ในโพรงปากของเธอเลยก็ว่าได้

เขาเก่งมากที่กักขังบังคับให้เธอแหงนเงย รับจุมพิตของเขาได้อย่างเหมาะเจาะ และไม่อาจหลบหลีกไปไหนได้ เพราะถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งของเขา ประคองท้ายทอยเธอเอาไว้มั่น ส่วนมือใหญ่อีกข้างของเขา ก็เกี่ยวกอดเอวบางของเธอกระชับแนบไปกับลำตัวเขา จนไม่เหลือช่องว่างให้แมลงวันสักตัวบินผ่านได้เลย

พิมาลินที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ได้แต่ดิ้นอึกอักอยู่ในวงแขนแกร่งดุจคีมเหล็กของเขา และครางอู้อี้ในลำคอเมื่อริมฝีปากนุ่มถูกครอบครองอย่างจาบจ้วงร้อนแรง ด้วยปากร้อนๆของเขาที่บดขยี้ลงมาอย่างเอาแต่ใจ

เนิ่นนาน ราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์สำหรับหญิงสาว ที่อึดอัด แทบจะหายใจไม่ออก และหัวใจเต้นกระหน่ำรัวแรง ล้มคว่ำคะมำหงาย เหมือนกับจะกระเด็นกระดอนออกมานอกซี่โครงเสียให้ได้

‘นี่หรือคือการทำโทษของเขา มันจะมากเกินไปแล้วนะ!’

น้ำตาของเลขาสาวแทบไหลรินออกมา เมื่อชายหนุ่มผละริมฝีปากออก และปล่อยให้เธอเป็นอิสระ แล้วยิ้มเยาะใส่หน้าเธออย่างผู้มีชัย ก่อนที่จะเดินอ้อมไปนั่งลงตรงเก้าอี้ประจำตำแหน่งของเขาเช่นเดิม แล้วก้มหน้าพลิกอ่านเอกสารต่อ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

...แต่เธอนี่สิ กำลังสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ด้วยความโกรธ โมโห ระคนน้อยเนื้อต่ำใจ ที่ถูกกระทำอย่างกับเธอเป็นดอกไม้ริมทางที่ไร้ค่า เธอขอลาออกจากการเป็นเลขาของเขา จากนี้เป็นต้นไป!...

หญิงสาวรีบเก็บเอกสารทุกอย่าง ไปกองไว้ตรงหน้าบอสหนุ่มอย่างสั่นๆ มือไม้ก็สั่นจนแฟ้มในมือหล่นหลายครั้ง แต่เขาก็แค่เพียงมองดูเธอและยิ้มร้าย ไม่แยแส ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

กระทั่งเธอเดินไปหยิบกระเป๋าใบเล็ก ขึ้นมาสะพายไหล่ แล้วเดินตรงมาที่เขาอีกครั้ง

“ฉันขอลาออก และจะไม่กลับมาทำงานให้คุณอีก ต่อให้คุณใหญ่มาจากไหน ฉันก็ไม่สนใจ” เธอตะคอกใส่หน้าเขาอย่างสุดจะกลั้น

บอสหนุ่มยืนขึ้น แล้วเดินเข้ามาใกล้ๆเลขาสาว ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยปากล่างตนเองเบาๆ มองเธอด้วยประกายตาร้ายๆ

“หึ แล้วอย่ามาร้องขอทำงานกับผมในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน เพราะผมอาจจะ...ไม่ใจดี เหมือนวันนี้ก็ได้นะ คุณพิมาลิน”

เสียงนั้นมันเย็นวาบเข้าไปถึงกระดูกไขสันหลัง ของคนฟัง จนหญิงสาวตัวแข็งทื่อ

บอสหนุ่มจอมเย็นชา เดินผ่านหน้าเธอออกจากห้องไปแล้ว แต่เขากลับทิ้งความหวาดหวั่นใจ ให้กับคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิมเป็นเท่าทวีคูณ

คำพูดทิ้งท้ายของเขา ไม่ต่างจากชนวนระเบิดที่ถูกจุดทิ้งเอาไว้ ในหัวสมองของเลขาสาวเลย

ทั้งสีหน้าและแววตาของพิมาลินในตอนนี้ ปรากฏรอยกังวลอย่างเห็นได้ชัด นานหลายนาที กว่าที่เธอจะปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นมาได้บ้าง แล้วเดินออกห้องไป

วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เฉิดฉายจึงได้มาประชุมแทนบิดาของเธอที่เดินทางไปจีนกะทันหัน หญิงสาวอยู่ในชุดสูทสั้นสีไวน์แดงเจิดจรัส เดินก้าวฉับๆเข้าในบริษัทด้วยท่วงท่าราวกับนางพญาเยื้องย่าง ทุกคนที่เห็นเธอเดินผ่านตา ต่างก็มองกันจนเหลียวหลัง เพราะเธอสวยปานนางแบบ หุ่นดีเซ็กซี่ จนหนุ่มออฟฟิซหลายคนพากันน้ำลายหกกันเป็นทิวแถว

“สวัสดีค่ะคุณเฉิดฉาย เชิญด้านในค่ะ” พนักงานรีเซฟชั่นคนหนึ่งเดินออกมาสวัสดีต้อนรับหญิงสาวที่หน้าประตู แล้วพาเธอไปยังห้องประชุม แต่ก็เดินไปเจอซีอีโอหนุ่มที่เดินออกมาจากห้องทำงานของเขาพอดี

คาสโนวาสาวยืนสตั๊นไปครู่หนึ่ง ก่อนจะฉีกยิ้มหวานให้ผู้บริหารหนุ่มด้วยแววตาหวานหยาดเยิ้ม หว่านเสน่ห์เต็มที่

‘ว้าว ได้เวลาเปลี่ยนแฟนใหม่แล้วสิ คนนี้แหละใช่เลย’

“สวัสดีค่ะ ฉันเฉิดฉายลูกสาวของคุณพ่อเจนภพ โชคสวัสดิ์สกุลค่ะ ฉายมาประชุมแทนคุณพ่อค่ะ”

เธอมองแวบเดียวก็เดาออกแล้วว่า ผู้ชายตรงหน้าเธอคนนี้ จะต้องดำรงตำแหน่งใหญ่โตในบริษัทนี้เป็นแน่ แค่ดูยี่ห้อสูทเรียบหรูราคาแพงลิบที่ชายหนุ่มสวมใส่ และดูนาฬิกาข้อมือเรือนแสนที่ชายหนุ่มสวม มันก็บ่งบอกอะไรหลายอย่างในตัวเขาแล้ว

“ผมฮาซัน ราสชิด อันโอมาร์ หรืออาทิตย์ ภิรมย์ไพบูลย์”

“ฮาซัน ราสชิด อันโอมาร์ โอว...ที่แท้คุณก็คือลูกชายของท่านโอมาร์ที่พ่อของฉายเล่าให้ฟังเมื่อวานนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เธอยื่นมือออกไปตรงหน้าชายหนุ่ม เขาก็ยื่นมือมาจับมือของเธอตามมารยาท

“ยินดีเช่นกันครับ ใกล้เวลาเปิดประชุมแล้ว เราไปกันเถอะครับ”

บอสหนุ่มเดินนำหน้าหญิงสาวไปยังห้องประชุมใหญ่ เพราะใกล้เวลาเปิดประชุมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว ซึ่งก็มีผู้ถือหุ้นสองท่านได้ไปนั่งรอในห้องประชุมกันก่อนแล้ว

สองนาทีต่อมา พิมาลินก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในบริษัท วันนี้ความจริงเธอไม่อยากจะมาทำงานเลย แต่บิดาของเธอเตือนสติเธอว่า วันนี้จะมีการประชุมของผู้ถือหุ้นของบริษัท เพื่อแนะนำผู้ถือหุ้นรายใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งบิดาของเธอก็ต้องเดินทางมาประชุมในครั้งนี้ด้วย

เมื่อวานบิดาของเธอได้เอาหนังสือสัญญาการซื้อขายหุ้นฯ ให้เธอดูแล้ว เธอถึงได้รู้ว่า บิดาของเธอแทบจะไม่เหลืออะไรเลยจริงๆ หุ้นเพียงเล็กน้อยที่ยังถือครองอยู่ในบริษัท เมื่อเทียบกับผู้ถือหุ้นรายอื่นๆแล้วถือว่าน้อยมาก เพราะบิดาของฮาซันมาซื้อหุ้นของบิดาเธอจนเกือบหมดนั่นเอง

แต่ที่ไม่ได้ซื้อหุ้นของบิดาเธอจนหมด ก็เพราะบิดาของเธอได้ขอร้องเอาไว้ และบอกว่า ตอนนี้ท่านโอมาร์คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทนี้ไปแล้ว โดยเขาจะเข้ามาจัดการทุกอย่างแทนคนในตระกูลภิรมย์ไพบูลย์ทั้งหมด

เพราะบริษัทนี้ เป็นบริษัทที่บิดาของเธอเป็นผู้บุกเบิกก่อตั้งมานานหลายปี บิดาของเธอทำใจไม่ได้หากว่าจะต้องขายหุ้นให้กับคนอื่นทั้งหมด และไม่อยากให้บริษัทนี้ตกไปอยู่ในตระกูลภิรมย์ไพบูลย์ทั้งหมด

แต่เพราะเศรษฐกิจมันแย่มาก เขาจึงจำเป็นต้องอาศัยท่านโอมาร์ ราสชิด อันฮาซัน เข้ามาช่วยบริหารงานของบริษัท

ไม่มีใครรู้ว่าบิดาของพิมาลิน ได้ไปสืบรู้ความเก่งกาจในการทำงานของท่านโอมาร์มานานแล้ว พอท่านบอกว่าท่านจะเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัท ทั้งในส่วนของบุตรชายคนโตของคุณโมลีน ภิรมย์ไพบูลย์ และในส่วนของเขาเอง เพื่อจะเข้ามาช่วยพยุงบริษัทให้ยืนหยัดให้ไปต่อได้

บิดาของพิมาลินจึงมีความหวังว่า บริษัทที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งมากับมือ จะกลับมารุ่งเรื่องอีกครั้งในไม่ช้านี้ เมื่อมีคนเก่งๆอย่างท่านโอมาร์มาช่วยบริหาร เขาจึงยังคงถือหุ้นไว้ประมาณหนึ่ง เพื่อให้พิมาลินยืนอยู่ได้ในบริษัทนี้อย่างมีเกียรติเหมือนที่ผ่านๆมา

แต่ในสัญญาซื้อขายหุ้นฉบับนั้น ดันเจาะจงว่า จะต้องให้บุตรสาวของเขาไปทำงานเป็นเลขาให้ซีอีโอคนใหม่ของบริษัทเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel