บทที่ 2 เขามันผู้ชายอันตรายที่เอะอะก็ลงโทษ(จับจูบ)
กลิ่นโคโลญอ่อนๆจากกายเขา ลอยวนเข้ามาแตะจมูกจนเธอเบลอไปหมด มันเป็นกลิ่นน้ำหอมเฉพาะตัวจริงๆ ที่เธอไม่เคยได้กลิ่นหอมๆชวนให้หลงใหลแบบนี้มาก่อนเลย
ราวกับเขามีกลิ่นฟีโรโมนที่ดึงดูดเพศตรงข้าม ให้อยากเข้ามาแนบชิดและหลงใหล
...แต่เขาดูอันตรายมาก!...
ผู้ชายคนนี้ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งดูน่ากลัวเหลือเกิน เพราะไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร
“จ้องหน้าหล่อๆของผมพอรึยัง”
เลขาสาวได้สติขึ้นมาทันที เมื่อได้ฟังเสียงทุ้มๆจากปากของซีอีโอหนุ่มมาดขรึม พร้อมกับแววตาคล้ายจะหยอกเย้าของเขาที่มองมา
หญิงสาวรีบยันตัวเอง ออกมาจากวงแขนแกร่งทันที ซึ่งเขาก็มองเธอยิ้มๆ
แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์สิ้นดี เธอแทบไม่กล้าสบตาเขาอีก เพราะเด็กหนุ่มเมื่อสิบปีก่อนที่เธอแอบเก็บภาพของเขาเอาไปฝันถึงบ่อยๆ ได้กลายมาเป็นผู้ชายมาดขรึมทรงเสน่ห์ มีตำแหน่งใหญ่โตโก้หรู
แถมยังมาเป็นเจ้านายคนใหม่ของเธออีก มันคาดไม่ถึงเลยจริงๆ
“โต๊ะทำงานของคุณอยู่ตรงนั้น” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ
พิมาลินหันไปมองตามสายตาของเจ้านายหนุ่ม ก็เห็นว่าโต๊ะทำงานของตนเองอยู่เกือบตรงข้ามกับเขา
ใจเธอก็หล่นตุ้บลงไปอยู่ที่ตาตุ่มอีกรอบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง และคิดว่าเย็นนี้เธอจะรีบกลับบ้านไปอ่านสัญญาอะไรนั่นที่เขาพูดถึง และซักถามบิดาให้หายข้องใจเสียก่อน ว่าทำไมเธอต้องมาทำงานเป็นเลขาให้กับผู้ชายคนนี้ด้วย ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นบุตรชายในตระกูลภิรมย์ไพบูลย์
ฮาซัน ราสชิด อันโอมาร์ หรืออาทิตย์ ภิรมย์ไพบูลย์ บุตรชายคนโตของคุณโมลีน ภิรมย์ไพบูลย์ ซึ่งเป็นป้าแท้ๆของสามหนุ่มทายาทภิรมย์ไพบูลย์ ตระกูลที่เคยร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทย แต่กลับไม่มีใครรู้ว่า ความรวยเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นของปลอมทั้งสิ้นในปัจจุบันนี้
ภาพของมหาเศรษฐีของตระกูลนี้ เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา ทุกอย่างที่คนส่วนใหญ่เห็น ล้วนเป็นเพียงภาพลวงตาที่คนในตระกูลนี้สร้างขึ้นมา เพื่อหลอกลวงสังคม
‘ว่าพวกเขายังคงร่ำรวยเช่นเดิม ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่ใช่ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป’
แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นหลายปี พวกเขามีอิทธิพลไม่น้อย แต่เพราะพิษทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ผันผวน ก็ทำให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อ สุดท้ายก็ไม่เหลืออะไร
กิจการต่างๆที่เคยราบรื่นรุ่งเรืองมาตลอด ก็ถูกกวาดซื้อหุ้นออกไปเกือบหมด เพราะขาดความน่าเชื่อถือ และการเจ็บป่วยของผู้เป็นบิดา ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัว ที่เคยเป็นที่นับหน้าถือตา และทรงอำนาจบารมีมาตลอด ก็ต้องหลบลี้หนีภัยไปอยู่ต่างแดน
แล้วคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยครอบครัวตระกูลภิรมย์ไพลูย์ ก็คือโอมาร์ ราสชิด อันฮาซัน เศรษฐีเมืองน้ำมันที่ร่ำรวยมหาศาล ซึ่งเป็นบิดาของ ฮาซัน หรืออาทิตย์ ภิรมย์ไพบูลย์นั่นเอง
...และฮาซัน ราสชิด อันโอมาร์ ก็ก้าวเข้ามาอยู่ในตำแหน่งซีอีโอ ของ บริษัท พี เค จี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด แทนบุตรชายคนโตของน้าสาวของเขา ที่เดินทางไปต่างประเทศอย่างกะทันหัน
ฮาซันทำตามคำขอของมารดาโดยไม่มีข้อแม้ใด เขายินดีเป็นที่สุด!! ที่ได้มาทำงานที่บริษัทแห่งนี้...
ฮาซันมาเที่ยวเมืองไทยบ่อยๆ ตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กน้อย สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเรียนที่เมืองไทยจนจบปริญญาโทสาขาบริหารธุกิจจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่เมื่อจบแล้ว เขาก็ไปช่วยบิดาทำงานที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในช่วงเวลาหนึ่ง
แต่เขาต้องเดินทางกลับมาเมืองไทยอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะมารดาขอร้องให้เขามากอบกู้ธุรกิจของตระกูลมารดาเท่านั้น แต่เขาต้องการมาเพื่อ ‘แก้แค้น’ ความแค้นต่อใครคนหนึ่งที่เขาไม่มีวันลืม!
...หากกฎหมายเอาผิดและลงโทษคนคนนั้นไม่ได้ เขานี่แหละจะลงทัณฑ์มันเอง!!...
เมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ ก้นยังไม่ทันจะอุ่น แฟ้มเอกสารใหญ่ๆหลายแฟ้มก็มาวางกองอยู่ตรงหน้าพร้อมกับคำสั่งเฉียบขาดว่า
“สรุปรายงานทุกเรื่องภายในวันนี้ ถ้าไม่เสร็จ ไม่ต้องกลับบ้าน”
แฟมงานประมาณสิบแฟ้มอย่างหนา ที่กองอยู่ตรงหน้า ทำให้เลขาสาวจำเป็น ต้องเงยมองหน้าผู้เป็นบอสใหญ่สลับกับกองงานไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
แล้ววันนี้เธอจะได้กลับบ้านไหม ต้องทำโอทีถึงกี่ทุ่มกี่ยาม งานตรงหน้านี่ถึงจะเสร็จ
“อ้อ ช่วยทำรายงานเป็นภาษาอังกฤษให้ด้วยนะ”
พิมาลินแทบตกเก้าอี้เมื่อได้ฟังคำสั่งที่สองจบ
“แล้วถ้าไม่เสร็จ”
“ก็นอนมันที่นี่แหละ คุณเองก็เคยนอนทำงานที่นี่เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ”
‘เขารู้ได้ยังไง ใช่เธอเคยนอนอยู่เป็นเพื่อนบิดาที่นี่ อยู่ช่วยงาน ช่วยเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟอาหาร แต่ไม่ได้อยู่ทำงานที่มันมากมายก่ายกองขนาดนี้’
“ฉันจะพยายาม”
“ไม่ใช่แค่พยายามนะ แต่ต้องทำให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดด้วย”
เธอมองหน้าเจ้านายจอมโหดอีกครั้งอย่างไม่อยากจะเชื่อ ‘นี่แค่วันแรกของการทำงานนะ แล้ววันต่อไปล่ะ...ไม่อยากจะคิดเลย’
เป็นร้อยเป็นพันคำที่อยากจะพูดออกมา ต้องเก็บกดเอาไว้ในใจ เมื่อมองสบตาที่ไร้ความเห็นใจนั่น แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ที่ทำให้พิมาลินต้องยอมก้มหน้าก้มตา ทำตามคำสั่งของบอสคนใหม่ โดยไม่กล้าขึ้นเสียงกับเขาอีก
อาจเป็นเพราะคำสั่งของบิดาก็เป็นได้
“ตั้งใจทำงานนะลูก ยังไงลูกก็ต้องอดทนนะ จนกว่ายัยลีจะกลับมา”
...อีกหนึ่งปี น้องสาวของเธอถึงจะเรียนจบกลับมา...
สีหน้าของบิดาดูเป็นห่วงลูกสาวคนเล็กของท่านมาก แต่กับเธอ พอเรียนจบแค่ปริญญาตรี บิดาก็จับเธอมาทำงานเป็นผู้ช่วยฯของท่านแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้คิดน้อยใจอะไรมากมาย ก็เธอเป็นพี่สาวคนโตนี่
ทว่าเรื่องที่ผู้ชายคนนี้กลายมาเป็นซีอีโอของที่นี่ เธอคงจะไม่ปล่อยให้ความสงสัยมันคาใจเกินวันพรุ่งนี้แน่ ยังไงก็ต้องสอบถามบิดาของเธอให้รู้เรื่องว่าเขาเป็นใคร เป็นอะไรกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท
พิมาลินรู้สึกหายใจโล่งขึ้นมาบ้าง เมื่อเห็นผู้บริหารหนุ่มเดินออกจากห้องไปแล้ว
ผ่านไปราวๆหนึ่งชั่วโมง เธอเพิ่งสรุปรายงานเสร็จไปหนึ่งแฟ้ม จึงได้เดินไปสำรวจโต๊ะทำงานของเจ้านายจอมเผด็จการ ที่ใช้งานเธอโหดมากตั้งแต่วันแรกที่ทำงานร่วมกัน ว่าเขามีชื่อว่าอะไร ใช้นามสกุลภิรมย์ไพบูลย์หรือเปล่า
ขณะที่สายตาไล่อ่านเอกสารในตระกร้างานของเขาอยู่นั้น พิมาลินก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ!
พอยืนขึ้นเต็มความสูง ก็ต้องหน้าซีดเป็นกระดาษ เมื่อพบว่าบอสจอมโหดมายืนอยู่ข้างหลังเธอแล้ว
“อยากรู้อะไรก็ถามผมตรงๆสิ”
“คะ...คะคือฉันแค่ อยากจะรู้ว่า...คะ...คุณมีชื่อว่าอะไร”
“ฮาซัน ราสชิด อันโอมาร์ หรือคุณอาทิตย์ ภิรมย์ไพบูลย์ คือชื่อและนามสกุลไทยของผม” เขาบอกเธออย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ค่ะ... ฉะ...ฉันรู้แล้ว” รู้แล้วเธอก็จะรีบกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แต่...
หมับ!
“ว้าย!”
อีกครั้งที่เขาฉวยโอกาสลวนลามเธอ
“ไม่รู้เหรอ กฎการทำงานกับผม ห้ามเข้าใกล้โต๊ะทำงานของผมในรัศมีหนึ่งเมตร ถ้ายังไม่ได้รับอนุญาตจากผม ไม่อย่างนั้นจะถูกลงโทษสถานหนัก”
‘บ้าสิ บิดาของเธอไม่เคยตั้งกฎบ้าบออะไรนี่กับลูกน้องคนไหนเลย’
เขาก้มมองที่ริมฝีปากของเธออีกแล้ว
“ปล่อย”
“ต้องลงโทษก่อนจะได้หลาบจำ”
“ฮะ! อื้อ....” ยังไม่ทันจะได้ตกใจดีนัก ปากเรียวเล็กสีพีชที่เตรียมอ้าจะประท้วง ก็ถูกปากหยักได้รูปสวยโฉบลงมาบดเคล้าอย่างร้อนแรงแรงทันที
