4
จางเนียนสตรีวัยย่างห้าสิบเศษดูแลเฉินเป่าเป้ยเป็นอย่างดี ก่อนหน้านั้น ตอนแรกนางเห็นว่ามีรถม้าและขบวนหญิงรับใช้เดินทางมาจากสกุลเฉินก็ร้อนใจ รีบบอกหรานปู้เจ๋งให้เตรียมรับมือ ฝ่ายนั้นแม้อายุยังน้อย แต่เขามีกลุ่มคนที่พอจะช่วยเหลือให้พ้นภัยได้ ซึ่งหรานปู้เจ๋งเรียกว่า กองกำลังจอมโจรขอทานน้อย ด้วยความห่วงเด็กหญิงที่ปล่อยไว้เพียงลำพัง นางรีบกลับมาดูเฉินเป่าเป้ย พอเห็นว่านอนนิ่งๆ อยู่ที่ลำธาร ก็ใจหายแล้วเข้าไปช่วยเหลือ ฝ่ายแม่นางน้อยกลั้นก้อนสะอื้น พร้อมทำมือทำไม้บอกให้รู้ว่ามีคนใจร้ายกลั่นแกล้ง
“โอ้ เป็นท่านอาสามของท่านหรอกหรือ พวกเขาต้องการสิ่งใดกันแน่ เงินก็ส่งไปแล้วเกือบห้าตำลึง เกินค่าเช่าเรือนหลังนี้ไปมาก ไฉนยังต้องมาละลานกันถึงที่นี่อีก”
จางเนียนใจคอไม่สู้ดี พลางคิดหาทางออก เพื่อให้ครอบครัวเล็กๆ นี้อยู่รอด
เมื่อเด็กหญิงได้รับการเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แม่นางน้อยก็ เม้มปากแน่น มือสองข้างสีกันไปมา ใจอยากสื่อสารหลายสิ่ง แต่ไม่รู้เหตุใด แม้สมองเรียบเรียงสิ่งต่างๆ ได้แล้วบ้าง หากเวลาอ้าปากอยากเปล่งเสียง กลับเป็นแค่คำพูดอื้ออ้า ฟังไม่รู้เรื่อง
“นังใบ้ ปัญญาอ่อน”
เฉินเป่าเป้ยเคยได้ยินคำนี้ ถึงไม่ทราบความหมายแน่ชัด และท่าทางของย่าเล็กก็น่ากลัว ทั้งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่นาง พลางถลึงตากระทืบเท้า อาการของอีกฝ่ายน่ากลัว จนแม่นางน้อยต้องหลบหน้าไม่อยากเข้าไปใกล้ๆ
ยามนี้ เด็กหญิงวัยสามย่างสี่ขวบโกรธตัวเอง มีความรู้สึกมากมายผุดท่วมใจ อยากบอกแม่ อยากถามไถ่ แต่นางเป็นเด็กใบ้อย่างที่ย่าเล็กต่อว่า อนิจา เด็กหญิงอยากเข้มแข็ง อยากเป็นเด็กดี ให้แม่เห็นว่านางไม่งอแง แม่จะได้ไม่เหนื่อย
ยามนี้ ดวงตากลมโต มองน้าเจ๋ง ซึ่งมีท่าทางร้อนลน ซึ่งเมื่อครู่หลายชีวิตกรูกันเข้ามาช่วยหรานปู้เจ๋ง จัดการกับคนของไป๋หนิว เกิดการชุลมุนวุ่นวายมิน้อย กระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“โอ้ แม่นางหราน ไม่มีลมหายใจแล้ว สวรรค์ได้โปรดเถิด เรือนหลังนี้ มีคนตาย!”
และคำพูดนั้นทำให้ไป๋หนิวกับพรรคพวกของนางตื่นตกใจ ก่อนที่จู่ๆ จะเก็บเอาข้าวของที่ค้นได้จากเรือนนี้พากันหอบหิ้วกันไปขึ้นรถม้าของตน แล้วจากไปอย่างกลัวความผิด
“เสี่ยวเจ๋ง อย่ารอพวกหมออยู่ที่นี่เลย เราพาเสี่ยวเจียวไปหาหมอเองเถิด ใช้รถลาลากก็ได้ ถึงมันจะแก่แต่ก็ยังมีแรงดี”
จางเนียนบอกเด็กชาย และเห็นแววตาเขาเศร้าสร้อย
“แต่หมอต้องมาที่นี่ ข้ามีเงินจ่าย”
ฝ่ายหรานปู้เจ๋งกล่าวออกไปแต่เสียงของเขาเบา ไม่มีความมั่นใจนัก
“ข้ากลัวแต่พวกที่มานั้นจะเป็นหมอตำแย หมอผี ไร้ฝีมือ แต่สำนักหมอยาในเมืองนั้น ย่อมให้การรักษาที่ดีกว่า” จางเนียนเอ่ยเช่นนั้น เพราะเรือนหลังนี้อยู่ฝังใกล้สุสานหลวงเก่า เป็นทางที่คนไม่นิยมสัญจร และหมอที่มากฝีมือนั้นก็ไม่ค่อยเดินทางมานอกเมือง คนละแวกนี้จึงใช้แต่หมอตำแยที่ส่วนมากทำให้คนตายมากกว่ายื้อชีวิตให้กลับคืน
เฉินเป่าเป้ยส่ายหน้าไปมา แล้วใช้มือเล็กๆ วางที่หน้าผากแม่ ตอนนั้นนางตกใจ ด้วยความรู้สึกคือ ร่างกายแม่เริ่มมีไอเย็น
จางเนียนก็สัมผัสเนื้อตัวของหรานชุนเจียวเช่นเดียวกัน และอึดใจต่อมาหญิงวัยกลางคนต้องกลั้นน้ำตา กับเสียงสะอื้นเบาๆ เอาไว้ กระนั้นนางเชื่อว่า ในเมืองมีหมอเทวดาแซ่หลิว คนผู้นั้นใจดีทั้งยังช่วยเหลือผู้คนอย่างเต็มที่ และหากพานางไปในยามนี้คงมีทางรอด
โลกคู่ขนาน
หยกสวรรค์หายใจแรงกว่าปกติ ก่อนหน้านั้นพยายามจับต้นชนปลายสิ่งต่างๆ ให้ได้ และเหตุการณ์สุดท้ายในโลกเดิม เธอดื่มฉลองงานเปิดตัวสินค้าชุดใหม่หนักไปหน่อย ก่อนขอตัวไปนอน สามีก็มาส่งเธอที่ห้อง ฝ่ายเธอยังอ้อนขอให้เขาอยู่ด้วย ทว่าเป็นไมเคิลที่อยากคุยกับเพื่อนๆ อีกสักพัก
“หยกงีบนะครับ พรุ่งนี้มีถ่ายรายการตอนบ่ายด้วย ยังไงต้องสวยไว้ก่อน”
เขาบอกอย่างนั้น แต่หยกสวรรค์ส่ายหน้าไม่เห็นด้วย เธอเหงา ทั้งรู้สึกอยากมีคนเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ ช่วงนี้เธอล้าทั้งหัวใจก็เหนื่อยง่าย แต่เดิมหยกสวรรค์เป็นผู้หญิงทำงาน และทำงานหนักตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี รับผิดชอบหลายสิ่ง กว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นบอสใหญ่ของบริษัทตัวเอง โดยได้สามีซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นที่รู้จักในตอนเรียนมหาวิทยาลัยมาช่วยเหลือ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ซึ่งก็คือไมเคิล
“ฉันแก่แล้ว มีแต่เฮียนั่นแหละที่หล่ออยู่คนเดียว สมกับเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ บริษัทหยกสวรรค์ ”
เธอบอกและอยากกอดเขาอีกสักหน่อย ให้ดีคือเขาต้องสัมผัสร่างกายเธอ และจูบเพื่อส่งแรงปรารถนาถึงกัน เธอไม่อยากให้รักจืดจาง แม้พักหลัง ทั้งคู่แทบไม่ได้ร่วมเตียงกันเลย
“เหลวไหล เฮียจะอายุสี่สิบแล้ว เอาล่ะ... เมามากเลยรู้ไหม นอนซะหยก”
เขาพูดจบก็ดันหลังให้เธอไปขึ้นเตียง ระหว่างที่เธองัวเงีย ทั้งสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อตัวนั้น จมูกก็บังเอิญได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิง ซึ่งไม่ใช่กลิ่นที่เธอใช้ แล้วยังคุ้นเคยมากๆ ขมับสองข้างเธอปวดจี๊ดขึ้นมา หูตาก็ขวางขึ้นทันควัน
“ใครแอบจุ๊บเฮียเปล่าคะ”
หยกสวรรค์ถาม สีหน้าชายหนุ่มดูฉุนเฉียวผิดปกติ
“ไม่มี นอนซะ... เดี๋ยวเฮียจะปิดไฟให้”
ไมเคิลดูเหมือนจะมีอารมณ์กรุ่นๆ ฝ่ายหยกสวรรค์สัมผัสความผิดปกติได้ เธอพยายามสลัดฤทธิ์แอลกอฮอล์ทิ้ง ก่อนดึงแขนชายหนุ่มไม่ให้ก้าวหนีไปไหน เป็นยามนั้น ที่เหมือนฟ้าต้องการทำให้เธอตาสว่าง
