บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ฐานะที่แท้จริงของซ่งญีโน่

“พี่ชาย ดูเหมือนว่าคุณเองก็เข้าใจแล้ว!” หลี่ซิวผิงถอนหายใจ แล้วเดินไปข้างๆ สวีเหวินเจิ้ง ก่อนจะตบที่ไหล่ของเขาเบาๆ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจ “เมื่อชั่วโมงก่อน ผมได้รับโทรศัพท์จากผู้บัญชาการซ่งแห่งเขตทหารอานนัน ทางนั้นบอกว่าสวีเส้าถางคิดจะทำร้ายลูกสาวของเขา และใช้อำนาจของเขตทหารอานนันออกคำสั่ง ให้ผมมาจับคนที่ตระกูลสวีโดยตรง! พี่ชาย พี่คิดว่าผมจะทำอะไรได้…”

ผู้บัญชาการซ่งแห่งเขตทหารอานนัน? เมื่อได้ยินแบบนี้ สวีเหวินเจิ้งเซถอยหลังสองก้าว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง หากเป็นคนอื่น เขาอาจจะใช้ทรัพย์สินของตระกูลสวีแก้ปัญหาได้ แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลเช่นนี้ ใครจะกล้าช่วยลูกชายของตนทางอ้อมได้?

ผู้บัญชาการซ่ง ก็แค่ผู้บัญชาการของเขตทหารอานนันหรือไง? ด้วยฐานะผู้ที่มีอำนาจทางทหาร แค่เขากระทืบเท้า อย่าว่าแต่เมืองเทียนไห่ ทั้งเขตตะวันออกเฉียงใต้ก็ต้องสั่นสะเทือน! นอกจากนี้ ฐานะของเขาเองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เบื้องหลังของเขา ยังมีอิทธิพลที่ทำให้สวีเหวินเจิ้งรู้สึกสิ้นหวังมากกว่า นั่นคือ ตระกูลซ่งแห่งเหมืองหลวง!

ตระกูลสวีมีเงินเยอะก็จริง เซิ่งซี่ กรุ๊ปมีมูลค่าทางการตลาดมากกว่าสามหมื่นล้าน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลซ่งที่มีอำนาจเช่นนี้แล้ว ตระกูลสวีแทบจะไม่มีค่าอะไรเลย! ถ้าตระกูลซ่งอยากจะจัดการตระกูลสวี ก็ง่ายเหมือนบีบมดตาย!

สวีเหวินเจิ้งรู้สึกทุกข์ใจมาก เขาคิดไปคิดมา ก็คิดไม่ถึงเลยว่าซ่งญีโน่จะเป็นลูกสาวของซ่งอานปัง! มิน่าล่ะข้างกายของเธอถึงมีคนคอยปกป้องอยู่ข้างกาย ไม่แปลกใจที่บอดี้การ์ดของเธอกล้าทำร้ายลูกชายของเขา ตอนนี้ปริศนาทั้งหมดได้ถูกคลี่คลายลงแล้ว แต่ตอนนี้เขาจะทำยังไงถึงจะช่วยลูกชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ดี!

ในเวลานี้ สวีเหวินเจิ้ง รู้สึกถึงความสิ้นหวังมาจากส่วนลึกของหัวใจ เขาอยู่ในวงการธุรกิจมาหลายสิบปี เขาไม่เคยรู้สึกหมดแรงเช่นนี้มาก่อนเลย!

ตรงกันข้ามกับสวีเหวินเจิ้ง ตอนนี้สวีเส้าถาง กลับไม่รู้สึกกังวลเลย เขายกยิ้มและเดินไปทางหลี่ซิวผิงก่อนจะพูดว่า “ผู้อำนวยการหลี่ ผมยอมรับว่าผมเกือบจะข่มขืนซ่งญีโน่จริง คุณจับผมเถอะ! แต่ผมเองก็จะแจ้งความเหมือนกัน แจ้งความซ่งญีโน่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรม! ผมเชื่อว่าผู้อำนวยการหลี่มีความยุติธรรม คงไม่ปล่อยให้ซ่งญีโน่หลุดพ้นจากความผิดไปได้ใช่ไหมครับ?”

บ้าเอ๊ย ตระกูลซ่งคิดจะแจ้งความจับฉันเรื่องข่มขืนไม่ใช่หรือไง? งั้นฉันก็จะฟ้องกลับเรื่องพยายามฆ่าด้วย! เพราะยังไงมันก็เป็นความจริง!”

“ใช่แล้ว ผู้อำนวยการหลี่ บอดี้การ์ดของซ่งญีโน่เกือบจะฆ่าลูกชายของฉันตาย ถ้าไม่ใช่เพราะลูกชายของฉันโชคดี ตอนนี้เขาคงตายไปแล้ว! ถ้าจะจับก็จับซ่งญีโน่ไปด้วย!” ฟางหลัน ก็เริ่มรู้ตัวและรีบวิ่งเข้ามาพูด

ตำรวจที่อยู่ข้างหลังหลี่ซิวผิง พยายามกลั้นขำ พวกเขาหัวเราะกับความโง่เขลาของสองแม่ลูกคู่นี้ ถ้าตระกูลซ่งอยากจะให้สวีเส้าถางติดคุก พวกเขาก็แค่กุเรื่องขึ้นมา แต่ตระกูลสวีกลับคิดจะลากคุณหนูใหญ่ตระกูลซ่งลงน้ำด้วย? ไม่ดูเลยว่าตระกูลสวีมีความสำคัญอะไร?

เงิน? สำหรับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลซ่งมันจะแตกต่างอะไรกับกระดาษกัน?

ในขณะนี้ ทุกคนต่างรู้สึกสะใจในความโชคร้ายของคนอื่น ตระกูลสวีมีเงินมากไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้ในที่สุดก็เจอปัญหาแล้ว! ถึงจะมีเงินมากมายแล้วจะมีประโยชน์อะไร! ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะไม่พอใจสวีเส้าถาง เจ้านี่ก่อนหน้านี้อาศัยความสัมพันธ์ที่ดีของตระกูลสวีกับผู้อำนวยการหลี่ และมีพี่เขยเป็นถึงหัวหน้าตำรวจอาชญากรรมคอยตามใจ จึงไม่เคยให้เกียรติพวกเขาที่เป็นแค่ตำรวจตัวเล็กๆ และยังส่งเสียงดังใส่พวกเขา บางครั้งยังทำร้ายร่างกายด้วย ตอนนี้ต้องเดือดร้อน ทุกคนต่างก็รู้สึกดีใจอย่างแน่นอน

หลี่ซิวผิงยกมือเช็ดเหงื่อที่หน้าผากอย่างไม่แสดงอาการ และมองไปที่สองแม่ลูกอย่างลำบากใจ ก่อนจะพูดว่า "สวีเส้าถาง คุณ พวกคุณสบายใจได้ ทางเราจะรีบไปสอบสวนซ่งญีโน่ด้วยเช่นกัน แต่คุณก็อย่าคาดหวังมากเกินไป เพราะสุดท้ายแล้วที่ ซ่งญีโน่ทำไปก็เพื่อป้องกันตัว..."

เขาพูดว่าจะไปสอบสวนซ่งญีโน่ แต่ที่จริงแล้ว ถึงเขาจะมีสร้างความกล้าหาญให้ตัวเองร้อยครั้ง เขาก็ไม่กล้าไปสอบสวนหรอก อย่าว่าแต่เขาที่เป็นแค่ผู้อำนวยการเล็กๆ เลย แม้แต่ผู้ว่าใหญ่ของเมือง อยู่ต่อหน้าตระกูลซ่งก็ต้องเคารพ! การสอบสวนซ่งญีโน่นั้น เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ!

"หล่าวหลี่ไม่มีทางอื่นแล้วจริงๆ เหรอ? นายช่วยนัดพบผู้บัญชาการซ่งให้หน่อยได้ไหม?" สวีเหวินเจิ้งที่อยู่ในวงการธุรกิจมานาน รู้ดีว่าหลี่ซิวผิงไม่มีทางไปจับซ่งญีโน่แน่นอน ตอนนี้ความหวังเดียวคือหวังว่าตระกูลซ่งจะยอมจบเรื่องนี้ ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร จะให้ลูกชายคนเดียวของเขาติดคุกไม่ได้ เพราะถ้าเข้าไปแล้ว คงจะไม่มีวันได้ออกมาอีก!

หลี่ซิวผิงถอนหายใจและพูดว่า "พี่ชาย ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากจะช่วย แต่ผมทำอะไรไม่ได้จริงๆ ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเด็กคนนี้ที่ไปมีปัญหากับคนที่ไม่ควรมีปัญหาด้วย เฮ้อ..."

ก่อนหน้านี้ ปัญหาที่สวีเส้าถางทำไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แค่ขับรถเร็วเกินกำหนดหรือยกพวกทะเลาะวิวาทกันบ้าง ซึ่งเขาสามารถหลับตาข้างหนึ่งปล่อยผ่านไป แต่ครั้งนี้ เขาไปยุ่งกับตระกูลซ่งใจเขาอยากช่วยแต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย!

"เอาล่ะ พวกคุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ผมจะไปกับพวกคุณก็ได้..." สวีเส้าถางยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แม้จะถูกจับเข้าคุกแล้วยังไง? ตระกูลซ่ง? ฮึ ฮึ ถ้าเขาในฐานะ "ผู้ครองกฏ" ถ้าต้องกลัวตระกูลซ่ง เขาก็ไม่ควรอยู่ในวงการนี้อีกต่อไปแล้ว!

"เส้าถาง ลูกจะไปกับพวกเขาไม่ได้นะ!" ฟางหลันรีบวิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เธอจับมือสวีเส้าถางไว้แน่น เธอไม่เข้าใจว่าลูกชายของเธอเป็นอะไรไป เขาไม่ใช่คนที่กลัวการเข้าคุกที่สุดหรอกเหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงดูไม่ใส่ใจแบบนี้? เขาไม่รู้เหรอว่า ถ้าเขาเข้าไปแล้ว ครึ่งชีวิตที่เหลือของเขาจะต้องใช้ชีวิตในคุก? หรือว่าเขาจะถูกทำร้ายจนสมองเบลอไปแล้ว?

พอรู้สึกถึงความห่วงใยจากฟางหลัน สวีเส้าถางก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา น้ำแข็งในใจเขาก็ค่อยๆ ละลายลง เขาตบหลังมือฟางหลันพูดด้วยรอยยิ้ม "ไม่เป็นไรครับ คุณแม่วางใจได้ เดี๋ยวผมกลับมา!"

สวีเหวินเจิ้งคิดอย่างรวดเร็ว ไม่นาน เขาก็กัดฟันพูดกับหลี่ซิวผิงว่า "หล่าวหลี่ รบกวนนายช่วยดูแลเจ้าลูกไม่เอาไหนของฉันด้วย! ฉันจะไปขอร้องซ่งญีโน่ ให้เธอยอมปล่อยเด็กคนนี้!"

ตอนนี้ ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถนัดพบซ่งอานปังได้ ซ่งญีโน่จึงกลายเป็นความหวังสุดท้าย ขอแค่ซ่งญีโน่ไม่ติดใจเอาความอะไร เชื่อว่าซ่งอานปังก็คงไม่เอาเรื่องอีก เท่านี้ก็จะสามารถรักษาชีวิตของลูกชายที่ไม่เอาไหนคนนี้ไว้ได้แล้ว

สวีเส้าถางเหลือกตามองบนใส่สวีเหวินเจิ้งแล้วพูดว่า "คุณจะไปขอร้องซ่งญีโน่ทำไม? วางใจได้ ผมไม่เป็นอะไรหรอก คุณก็แค่รอผมกลับบ้านอย่างสบายใจได้เลย!"

ถึงแม้ว่าสวีเหวินเจิ้งจะไม่เคยมีสีหน้าที่ดีให้เขาเลย แต่ในช่วงเวลาสำคัญ กลับยอมเสียหน้าไปขอร้องซ่งญีโน่ นี่คือสิ่งที่เรียกว่ายิ่งรักมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องตำหนิมากเท่านั้นสินะ?

พอเห็นสวีเส้าถางดูนิ่งสงบและมั่นใจ สวีเหวินเจิ้งแทบจะคิดว่าตนเองตาฝาดไป ถ้าเป็นเมื่อก่อน เด็กคนนี้คงจะกลัวจนขี้แตกขี้แตนไปแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีสีหน้าที่สงบเช่นนี้ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าคนที่ไม่รู้จึงไม่กลัวอะไรใช่ไหม? แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะชื่นชมความนิ่งสงบของลูกชาย คิดแต่ว่าจะทำยังไงให้ซ่งญีโน่ยอมยกโทษให้

"หล่าวหลี่ รบกวนช่วยชะลอเวลาให้หน่อยนะ ฉันจะรีบไปที่บริษัท..."

หลี่ซิวผิงพยักหน้ารับปาก ก่อนจะสั่งให้คนใส่กุญแจมือให้สวีเส้าถาง และพาเขาออกไปจากคฤหาสน์ของตระกูลสวี พอถึงตรงประตู เขาก็หันกลับมาพูดว่า "พี่ชาย รีบๆ หน่อยนะครับ ผมไม่รู้ว่าฝั่งนี้จะรั้งไว้ได้นานแค่ไหน..."

พอเห็นลูกชายถูกพาออกไป ฟางหลันก็รู้สึกเหมือนโลกหมุน สายตาเริ่มพร่ามัว และหมดสติล้มลงไปที่พื้น

สวีเหวินเจิ้งรีบเข้าไปประคองภรรยาไว้ และตะโกนเรียกคนใช้ "ใครอยู่แถวนี้ รีบมาช่วยพยุงคุณหญิงกลับไปพักผ่อนที่ห้อง และเรียกหมอหลี่มาตรวจอาการคุณหญิงด้วย!"

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel