บทที่ 4 ขอโทษ
ของตระกูลสวี แทนที่จะเรียกว่าเป็นวิลล่า เรียกว่าคฤหาสน์จะดีกว่า เพราะพื้นที่ที่ใช้สำหรับการพักอาศัยนั้นมีเพียงส่วนเล็กน้อย พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกจัดเป็นสวน แค่สระว่ายน้ำหรูหราก็มีถึงสองแห่ง และสวนดอกไม้ที่ครอบครองพื้นที่ขนาดกว้าง รวมถึงอาคารหลังใหญ่ที่จัดเป็นที่พักสำหรับคนรับใช้ คนขับรถ และบอดี้การ์ดด้วย
สวีเส้าถางอดที่จะตกตะลึงไม่ได้ ชีวิตของคนรวยช่างหรูหราจริงๆ แน่นอน เขาเพียงแค่อุทานอยู่ในใจ เขาจะไม่มีวันปฏิเสธชีวิตที่หรูหราแบบนี้แน่นอน
“พรุ่งนี้ไปที่บริษัท ไปขอโทษญีโน่ด้วยตัวเอง!” สวีเส้าถางเพิ่งกลับถึงบ้าน สวีเหวินเจิ้งก็ออกคำสั่งทันที
ที่จริงแล้ว บางครั้งสวีเหวินเจิ้งก็เคยหวังว่าจะได้ซ่งญีโน่มาเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลสวี อย่างน้อย ถ้าลูกชายของเขาไม่เอาไหน ด้วยความสามารถของซ่งญีโน่ อย่างน้อยก็สามารถรักษาธุรกิจที่เขาสร้างขึ้นมาได้ และอาจจะก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ นี่คือเหตุผลที่เขาปล่อยให้ลูกชายที่ไม่เอาไหนของเขาไปตามจีบซ่งญีโน่ ทั้งที่รู้ดีว่าลูกชายคนนี้ไม่คู่ควรกับซ่งญีโน่ แต่ในใจเขายังมีความหวังที่เลือนราง เพียงแต่ว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ เขารู้ว่าความหวังที่เลือนรางนั้นได้พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
ตอนนี้ เขาก็ไม่หวังว่าจะได้ซ่งญีโน่มาเป็นลูกสะใภ้ของเขาแล้ว แค่หวังว่าลูกชายกับซ่งญีโน่อย่าได้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอีก ถึงแม้เขาจะไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของซ่งญีโน่ แต่คนที่มีบอดี้การ์ดคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา คงไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าทำไมคนแบบนี้ถึงเลือกมาทำงานที่เซิ่งซี่ กรุ๊ป
“ขอโทษ?” สวีเส้าถางไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้น แค่หันไปมองสวีเหวินเจิ้งด้วยสีหน้างงงวย แล้วส่ายหน้าอย่างแรง “ผมเกือบจะข่มขืนเธอ เธอก็เกือบจะฆ่าผมตาย เราสองคนถือว่าไม่มีอะไรติดกันแล้ว ไม่มีใครติดหนี้ใคร!”
เขาคือใคร? เขาคือ“ชางหลง” ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดใน“ผู้ครองกฏ” เมื่อไหร่ที่เขาจะต้องไปขอโทษคนอื่นกัน? มีแต่คนอื่นที่ต้องมาขอโทษเขา!
“เจ้าลูกบ้า!” สวีเหวินเจิ้งอดที่จะด่าออกมาไม่ได้ หลังจากที่ทำการสังเกตตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่อยู่ในโรงพยาบาล เขายังนึกว่าเจ้าลูกชายไม่เอาไหนคนนี้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ในใจแอบนึกดีใจ แต่ไม่คิดว่าเจ้าลูกชายไม่เอาไหนคนนี้กลับแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาจนได้!
พอได้ยินเสียงด่าของสวีเหวินเจิ้ง ฟางหลันที่กำลังผูกผ้ากันเปื้อนอยู่ ก็รีบวิ่งออกมาจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว กลัวว่าตาแก่จะรังแกลูกชายสุดที่รักของเธออีก!
ในขณะนี้เอง สาวใช้ก็เดินเข้ามารายงาน ว่าหลี่ซิวผิงผู้อำนวยการสำนักงานเทศบาลเทียนไห่ขอเข้าพบ
“รีบไปเชิญเข้ามา!” สวีเหวินเจิ้งถลึงตามองสวีเส้าถางอย่างโมโห แล้วรีบให้คนไปเชิญหลี่ซิวผิงเข้ามา
พอหลี่ซิวผิงเข้ามา สวีเหวินเจิ้งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขากับหลี่ซิวผิงก็ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาตลอด ปกติแล้วหลี่ซิวผิงจะมาที่คฤหาสน์เพียงคนเดียว แต่วันนี้กลับนำตำรวจมาด้วยจำนวนมาก รวมถึงตำรวจติดอาวุธหลายคน
“ผู้อำนวยการหลี่นี่คุณ?” สวีเหวินเจิ้งขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ปกติแล้วเขาจะเรียกหลี่ซิวผิงว่า “หล่าวหลี่” แต่เพราะอยู่ต่อหน้าตำรวจจำนวนมาก เขาถึงให้เกียรติหลี่ซิวผิงมากพอ
แล้วอีกอย่าง เขาทำงานในวงการธุรกิจมานาน ทำให้เขาสังเกตสีหน้าของคนได้ดี พอเห็นสีหน้าของหลี่ซิวผิง เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติได้ทันที...
“พี่ใหญ่สวี……” หลี่ซิวผิงมองสวีเหวินเจิ้งที่เริ่มมีผมขาวขึ้นด้านข้าง แล้วถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ แม้ในใจจะรู้สึกทำใจไม่ได้ แต่เพราะคำสั่งนั้น เขาจึงต้องกัดฟันเดินไปหยุดตรงหน้าสวีเส้าถาง และแสดงหมายจับในมือของเขาขึ้นมา พร้อมพูดเสียงดังว่า “สวีเส้าถาง นายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีข่มขืน นี่คือหมายจับ รบกวนตามผมกลับไปที่สถานีตำรวจเพื่อรับการสอบสวนด้วย!”
พอหลี่ซิวผิงพูดจบ สวีเหวินเจิ้งก็ตกตะลึงไปทันที ฟางหลันก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า โลกทั้งใบมืดมิด เรี่ยวแรงทั้งร่างกายเหมือนถูกดูดไปในพริบตา ร่างกายหมดแรง ศีรษะโอนเอนไปข้างหน้า และเหมือนจะล้มลง แต่โชคดีที่สวีเส้าถางตาไว รีบเข้าไปประคองเธอไว้ได้ทัน และเรียกสาวใช้ให้เอาเก้าอี้มาให้เธอนั่ง
“หล่าวหลี่ ทำไม?” สวีเหวินเจิ้งมองไปทางฟางหลันที่เหมือนถูกดูดวิญญาณไปแล้ว เขากัดฟันถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ในตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องการให้เกียรติหลี่ซิวผิงแล้ว ในใจมีแต่ความกังวลเรื่องลูกชาย แม้ว่าลูกชายของเขาจะไม่ได้เรื่อง แต่ก็ยังเป็นลูกชายของเขา ลูกชายของเขาแม้จะเกือบข่มขืนซ่งญีโน่ แต่เขาก็ได้รับโทษที่เหมาะสมแล้ว ทำไมตอนนี้ยังต้องถูกจับอีก?
ถึงแม้จากมุมมองทางกฎหมาย ลูกชายของเขาจะทำผิดไปจริงๆ แต่สำหรับคนในระดับของพวกเขา หลายสิ่งหลายอย่างมักอยู่นอกกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลสวีกับหลี่ซิวผิง เรื่องแบบนี้สามารถตกลงกันได้โดยไม่ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้
“พี่ครับ ผม ผมเองก็หมดหนทางจริงๆ…” หลี่ซิวผิงถอนหายใจยาว เขาสามารถปีนจากตำรวจธรรมดาขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเทศบาลเทียนไห่ได้ ก็เพราะการสนับสนุนทางการเงินจากตระกูลสวี ตอนนี้กลับต้องมาจับลูกชายคนเดียวของพี่ชายที่เขาเคารพได้ เขารู้สึกผิดต่อพี่ชายที่เคารพของเขาจริงๆ
แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน ในสายตาของคนส่วนใหญ่ เขาที่เป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานเทศบาลเทียนไห่อาจดูสูงส่ง แต่ในสายตาของคนบางคน เขาก็แค่เป็นเจ้าหน้าที่เล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญคนหนึ่ง แม้กระทั่งคุณสมบัติในการเป็นตัวหมากในเกมก็ยังไม่เพียงพอ
“หล่าวหลี่ ฐานะที่แท้จริงของซ่งญีโน่... คือใครกันแน่?” พอเห็นสีหน้าลำบากใจของหลี่ซิวผิง ในที่สุดสวีเหวินเจิ้งก็นึกถึงบุคคลสำคัญในเรื่องนี้ขึ้นมาได้ — ซ่งญีโน่!
ด้วยสัญชาตญาณที่เฉียบคมของเขา ทำให้เขารู้สึกได้ว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับตระกูลที่อยู่เบื้องหลังของซ่งญีโน่ ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเดาได้ว่าซ่งญีโน่มีฐานะที่ไม่ธรรมดา แต่ในเวลานี้ เขาจึงพบว่าตนเองประเมินฐานะของซ่งญีโน่ต่ำเกินไป
ตอนที่เขาตระหนักถึงเรื่องนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติมากขึ้น อย่างน้อยเขาก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในเมืองเที่ยนไห่ แต่บอดี้การ์ดของซ่งญีโน่กลับกล้าทำร้ายลูกชายของเขาอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย แค่เรื่องนี้ก็สามารถบอกได้ว่าซ่งญีโน่มีฐานะที่สูงเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้! ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าตระกูลของซ่งญีโน่ได้กดดันหลี่ซิวผิงที่เป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานเทศบาลเทียนไห่จนไม่สามารถต้านทานได้!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตระกูลที่สามารถกดดันหลี่ซิวผิงจนไม่สามารถต้านทานได้ ครั้งนี้เจอปัญหาใหญ่แล้วจริงๆ !
