บทที่ 12 เกิดอุบัติเหตุขึ้นกะทันหัน
หลังจากออกจากทางฝั่งซ่งญีโน่ สวีเส้าถางก็เดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ในห้องทำงานขนาดใหญ่กลับมีเพียงคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องกับห้องนอนหนึ่งห้อง ไม่มีเอกสารใดๆ อยู่บนโต๊ะเลย! ดูเหมือนว่าเจ้าของร่างเดิมจะใช้ห้องทำงานของรองประธานบริษัทเป็นโรงแรมไปซะแล้ว!
เขาเปิดคอมพิวเตอร์ และเริ่มค้นหาข้อมูลเกาะเล็กๆ ที่เขาเคยปฏิบัติภารกิจ ในแผนที่ทางดาวเทียม เกาะเล็กนั่นตอนนี้ไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว! ข้อมูลเกี่ยวกับเกาะนี้มีเพียงรายงานเล็กๆ น้อยๆ โดยกล่าวสรุปไว้ว่าเมื่อไม่นานมานี้กองกำลังร่วมหลายประเทศจัดการซ้อมรบใกล้ๆ บริเวณเกาะนั้น...
หึหึ ซ้อมรบ? ซ้อมรบจะต้องใช้ระเบิดนิวเคลียร์ขนาดเล็กเลยหรือ?
เห็นได้ชัดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนเกาะนั้นถูกจงใจปกปิดไว้ การระเบิดที่รุนแรงถึงขนาดนั้น ในยุคที่ข้อมูลพัฒนาก้าวไกลเช่นนี้ ไม่มีทางที่จะไม่มีใครสังเกตเห็นได้ แต่กลับถูกปกปิดไว้ด้วยข้ออ้างว่าซ้อมรบ! เห็นได้ชัดว่าคนที่ต้องการชีวิตของเขามีอิทธิพลมาก เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครอยู่เบื้องหลังการวางแผนนี้ และพวกเขามีแผนการอะไรบ้าง!
เขาปิดคอมพิวเตอร์ และนอนคิดอะไรอยู่บนเตียง ตอนนี้เขาไม่มีอำนาจอะไรเลย การจะสืบสวนเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ยากมาก คนที่มีอำนาจในการสืบสวนเรื่องนี้ก็มีแค่ไม่กี่คนที่เขาสามารถเชื่อใจได้ เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของเขาให้คนอื่นรู้ง่าย ๆ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีข้อได้เปรียบอะไร อย่างน้อย ทุกคนก็อาจจะคิดว่าเขาตายไปแล้ว ตอนนี้ตัวตนของเขาจึงปกปิดได้ดีที่สุด ไม่มีใครจะเชื่อมโยงสวีเส้าถางคุณชายเจ้าสำราญกับ "ชางหลง" เข้าด้วยกันได้! ด้วยเหตุนี้ เขาก็สามารถแอบสืบความจริงในที่มืดได้!
ต้องการสืบความจริงทั้งหมด ต้องค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้เขาจะเปิดเผยตัวตนไม่ได้ และต้องใช้เวลาฟื้นฟูพลังโดยเร็ว ตอนนี้ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป พลังในตอนนี้ยังไม่ถึงสามส่วนของเมื่อก่อนเลย ถ้าต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือทั่วไปยังพอไหว แต่ถ้าต้องเจอกับยอดฝีมือที่แปลกประหลาด แค่ไม่กี่กระบวนท่าเขาก็ต้องตายแล้ว!
พอคิดได้เช่นนั้น สวีเส้าถางก็รีบกระโดดลงจากเตียง แล้วเดินลงไปข้างล่างโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง เขาขึ้นรถสปอร์ตของตัวเอง และขับออกจากเซิ่งซี่ กรุ๊ปท่ามกลางสายตาที่เหมือนกำลังมองโรคระบาดอยู่
บนชั้นสี่สิบเก้า สวีเหวินเจิ้งได้เปิดหน้าต่าง มองดูลูกชายที่เพิ่งขับรถออกไป ก่อนจะส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ ถึงจะดูเหมือนเขาเริ่มทำตัวดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่สนใจที่จะรับช่วงต่อเซิ่งซี่ กรุ๊ปจากเขาเลย ธุรกิจที่ใหญ่โตนี้ ควรจะมอบให้ใครดูแลดี?
ถ้าซ่งญีโน่เป็นลูกสะใภ้ของตนก็คงดี! ถ้าไม่พูดถึงฐานะที่แท้จริงของเธอ แค่ความสามารถทางธุรกิจที่โดดเด่นของเธอก็สามารถรักษามรดกของตระกูลสวีไว้ได้แล้ว! แต่น่าเสียดาย เฮ้อ! หลังจากเหตุการณ์นี้ ลูกชายของเขากับซ่งญีโน่คงจะไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แล้ว!
……
รถที่สวีเส้าถางขับคือรถสปอร์ต แต่ความเร็วในการเคลื่อนที่กลับช้าจนต้องรู้สึกอับอาย แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไร จึงค่อยๆ ขับได้ และถือโอกาสนี้ชมวิวข้างทางด้วย ในยุคนี้ คนที่ไม่มีเงินล้วนอยากเข้ามาหาเงินในเมือง ในขณะที่คนรวยต่างก็ย้ายไปอยู่ชานเมืองที่เงียบสงบ ไม่ต้องพูดถึงเหตุผลอื่น แค่สภาพแวดล้อมก็แตกต่างจากในเมืองมากแล้ว!
เขาอดที่จะถอนหายใจไม่ได้: พวกคนรวย ช่างรู้จักการเสพสุขใช้ชีวิตจริงๆ!
สวีเส้าถางใช้มือข้างหนึ่งควบคุมพวงมาลัยรถ และยื่นมืออีกข้างออกไปนอกหน้าต่างรถ เพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่เงียบสงบนี้ ก่อนหน้านี้เขามีชีวิตที่ตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา ส่วนใหญ่ต้องทำภารกิจหรือพยายามพัฒนาความสามารถของตัวเองให้ดีมากขึ้น เวลาที่ได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจแบบนี้มีน้อยมาก!
พอคิดถึงชีวิตในตอนนี้ มุมปากของเขาก็ยกยิ้มออกมา ความจริงแล้ว การได้ใช้ชีวิตสุขสบายก็ไม่เลวเลยทีเดียว อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา และไม่ต้องเตรียมพร้อมเพื่อออกไปทำภารกิจตลอดเวลา!
ผู้คนที่อยู่บนถนนเห็นท่าทีของสวีเส้าถางแล้วก็แทบอยากจะวิ่งเข้าไปต่อยเขาสักหมัดสองหมัด แม่งเอ๊ย รถสปอร์ตให้นายเอามาขับแบบนี้ มันทำลายคุณค่าของมันชัดๆ!
เขาไม่สนใจสายตาของผู้คนที่มองมา สวีเส้าถางยังคงขับรถกลับตระกูลสวีอย่างเชื่องช้าและสบายใจ
“โครม…”
ในขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินกับความเงียบสงบที่หาได้ยากนี้ เขากลับรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงของรถ จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังสนั่น รถของเขาพุ่งไปข้างหน้าเกือบสิบเมตรอย่างไม่สามารถควบคุมได้ก่อนจะหยุดลง! นี่รถของเขาถูกชนเหรอ?
“ถึงแม้จะไม่พอใจที่ฉันขับรถช้า ก็ไม่จำเป็นต้องขับรถมาชนกันเลยนี่นา…” สวีเส้าถางรู้สึกงงงวย เขาเปิดประตูรถเดินลงไป เขาอยากจะดูว่าใครที่กล้าชนเขา!
รถที่ชนเขาเป็นแค่รถตู้ธรรมดา อาจจะเพราะชนรถของเขาจนไม่สามารถควบคุมได้ ตอนนี้หัวรถของอีกฝ่ายจึงชนเข้ากับต้นไม้ข้างทาง กระจกหน้ารถของรถตู้แตกละเอียด และมีศีรษะที่เต็มไปด้วยเลือดโผล่ออกมาจากกระจก
สวีเส้าถางเดินเข้าไปดู วางมือตรวจชีพจรบนคอของคนที่อยู่ในรถ ชีพจรของอีกฝ่ายแทบจะหยุดเต้น ดูเหมือนจะไม่รอดแล้ว สาเหตุที่ทำให้บาดเจ็บสาหัสน่าจะมาจากเศษกระจกที่แทงเข้าบริเวณขมับ
นี่มันเอาชีวิตมาแลกเพื่อแก้แค้นคนรวยสินะ! สวีเส้าถางกระตุกยิ้มมุมปาก เขาควานหาโทรศัพท์มือถือ เพื่อโทรแจ้งตำรวจ หลังจากค้นหานานก็ไม่พบเงาของโทรศัพท์เลย ก่อนที่เขาจะนึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ของเขาถูกบอดี้การ์ดของซ่งญีโน่เหยียบแตกไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว พอออกจากโรงพยาบาลก็ถูกจับ ยังไม่มีโอกาสได้ซื้อโทรศัพท์ใหม่เลย...
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาหยุดมุงดูอย่างตกใจ รถสปอร์ตหรูถูกรถตู้ชนจนยับเยิน นี่เป็นเรื่องที่สะใจจริงๆ!
“ว้าว ดูสิ เจ้าของรถสปอร์ตดูไม่เป็นอะไรเลย รถหรูมันก็ดีแบบนี้นี่เอง…”
“รถหรูแล้วยังไง พอถูกชนก็พังอยู่ดี” อีกคนพูดด้วยความอิจฉา
ผู้คนต่างหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกสะใจเหมือนได้แก้แค้น! โชคดีที่ยังมีคนอีกส่วนหนึ่งที่มีนึกขึ้นมาได้ จึงรีบโทรแจ้งตำรวจ พอเห็นว่ามีคนแจ้งตำรวจแล้ว สวีเส้าถางก็ไม่ต้องยุ่งยากอีก คนขับรถที่ชนรถเขาก็ตายแล้ว คาดว่าคงจะค่าเสียหายในครั้งนี้เขาคงไม่ได้คืน แต่เขาก็ไม่ขาดเงินซ่อมรถ รถสปอร์ตมีระบบป้องกันที่ดี บริเวณส่วนท้ายรถถูกชนจนยับเยิน แต่แรงกระแทกกลับมีไม่มาก สวีเส้าถางเองก็ไม่เป็นอะไรเลย แต่รถสปอร์ตคันนี้คงต้องส่งไปซ่อมใหญ่
สวีเส้าถางกระโดดขึ้นรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้เขาขับเร็วขึ้น เพราะเขาไม่อยากถูกชนท้ายอีกครั้ง
