บทที 4. มุกเสี่ยวเกี้ยวสาว...
แม่บ้านสาวรู้สึกเหมือนตัวเองถูกลดความสำคัญลงเมื่อยอดรักไม่มีทีท่าว่าจะกลับกรุงเทพฯ ไปเสียที อีกทั้งยังได้ทำงานในตำแหน่งประชาสัมพันธ์กิตติมศักดิ์ของดีแลนด์ซิลด์อีกด้วย หนำซ้ำป้าแก้วก็เอ็นดูและสอนการทำอาหารให้กับยอดรักอย่างเต็มที่ และสุดความสามารถเลยทีเดียวซึ่งกับเธอที่เป็นหลานแท้ๆ ป้าแก้วกลับไม่เคยคิดจะสอนให้ทำ...
“นี่ป้า ป้าเห็นคนอื่นดีกว่าหลานตัวเองรึไง ทำไมป้าไม่สอนฉันทำอาหารมั่ง สอนแต่นังดำนั่น”
“นี่นังแมว ปากแกนี่มันนอกจากพ่นแต่คำพูดเน่าเหม็นพูดคำดีๆ กับใครเขาไม่เป็น แล้วจิตใจแกมันยังมืดดำยิ่งกว่าอีแร้งตายซากอีกแน่ะ”
ป้าแก้วหันมามองหลานสาวที่นางแสนจะผิดหวังด้วยความเอือมระอา แมวไม่เคยมองใครว่าดีเลยนอกจากตัวเอง เจ้าหล่อนเฝ้าแต่ว่าคนอื่นอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ตนเองนั้นไม่เคยทำอะไรดีๆ กับใครเขาซ้ำยังหยิบโหย่งไม่เคยสนใจสิ่งที่นางสอนสั่งเลยแม้แต่น้อย จนนางเอือมระอาและไม่คิดจะใส่ใจอะไรแมวอีก เพราะนางมักจะโดนแมวถอนหงอกและด่าว่าอย่างไม่ให้เกียรติเสมอยามที่นางจะสอนสั่งงานต่างๆ ให้แก่เจ้าหล่อน...
“นี่ป้าด่าฉันเหรอ...”
แมวเต้นเร่าเหมือนโดนน้ำราดลงมาบนใบหน้าที่มีแต่ฝ้าดำซึ่งเธอพยายามปกปิดมันด้วยรองพื้นหนาเตอะ ท่าทางของเธอทำให้สาวใช้สองคนซึ่งทำงานของตนอยู่หัวเราะคิกคักอย่างถูกใจและสะใจลึกๆ ที่แมวโดนป้าแก้วต่อว่าอย่างไม่ไว้หน้า ซึ่งปกติป้าแก้วจะทำเพียงพูดไม่กี่คำแล้วเดินหนีมากกว่าพูดคุยกับหลานสาว
“นี่พวกหล่อนถ้าไม่อยากโดนตบหยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลย”
“นังนี่ผิดแล้วยังพาล จะไปไหนก็ไปเลยไป รำคาญ...”
“ป้าจำไว้เลยนะ ป้าเห็นคนอื่นดีกว่าฉัน คอยดูนะฉันจะปล่อยให้ป้าแห้งเหี่ยวเหมือนคนแก่ไร้ญาติจะไม่สนใจป้าจะปล่อยให้แก่ตายเหมือนหมาข้างถนนเลย คอยดู..”
แมวชี้หน้าป้าแก้วด้วยท่าทางหยาบคายทั้งคำพูดก็ไม่มีความเคารพเชื่อฟังก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกไปด้วยอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ป้าแก้วได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ในใจของนางนั้นเจ็บปวดไม่น้อยที่หลานคนเดียวที่นางเฝ้าเลี้ยงดูมาแต่เล็กแต่น้อยกลายเป็นคนเช่นนี้ อะไรหนอดลใจให้เด็กตัวน้อยๆ แสนน่ารักของนางกลายเป็นมารร้ายที่คอยระรานคนอื่นไปทั่วเช่นนี้...
เหมือนแม่มันไม่มีผิด..
แล้วป้าแก้วก็หวนนึกถึงแม่ของแมวซึ่งมีอาชีพเป็นโสเภณีรักสนุกและไม่มีความรับผิดชอบใดๆ แล้วเกิดพลาดท้องไม่มีพ่อและอุ้มท้องกลับมาหานางจนคลอดแมวแล้วก็ทิ้งไปอย่างไม่ใยดีเพราะไม่อยากมีภาระ นางจึงเลี้ยงดูแมวมาอย่างรักใคร่และไม่เคยพูดถึงแม่แท้ๆ ของแมวเลยว่าเป็นใครมาจากไหน มันคงเป็นเวรเป็นกรรมและสายเลือดที่ขุ่นข้นอยู่ในกายของแมวที่ถูกถ่ายทอดมาจากแม่ของมันกระมัง ผู้ที่ผ่านโลกมานานคิดอย่างปลดปลงเพราะไม่รู้จะคิดอย่างไรแล้วกับกรณีของแมว...
ส่วนแมวที่เดินสะบัดก้นออกมาจากห้องครัวนั้นก็เดินบ่นงึมงำด่าว่าสาปแช่งคนอื่นไปทั่วอย่างคนพาล เธอเดินเลยไปทางหลังไร่เนื่องจากเธอได้นัดแนะชู้รักของตนไว้ ด้วยว่าเธอกำลังหาทางจะกลั่นแกล้งให้ยอดรักอยู่ที่ไร่ไม่ได้แต่ไม่รู้ทำไมพอจะทำอะไรผู้หญิงคนนั้นทีไรก็เหมือนโชคจะเข้าข้างยอดรักเสียทุกที แผนเธอล่มมาตลอดจนเธอเริ่มอยู่ไม่สุขทั้งเมียของยศก็เริ่มจะมีปฏิกิริยาตอบโต้เธอขึ้นมาบ้าง ทั้งที่เมียของยศนั้นเกรงกลัวเธอและไม่เคยมีปากมีเสียงเรื่องที่เธอกับยศแอบเป็นชู้กัน หญิงสาวคิดอย่างหงุดหงิดและไม่ได้รู้สึกละอายที่อยู่ในฐานะชู้เลยแม้แต่น้อยซ้ำยังภูมิใจลึกๆ ที่เมียหลวงเกรงกลัวตนอีกด้วย...
“นี่พี่ยศทำอะไรอยู่ถึงได้มาช้านัก”
“แหม น้องแมวก็ พี่ก็ต้องดูแลลูกเมียพี่ก่อนออกจากบ้านสิจ๊ะ” ยศบอกยิ้มๆ แล้วเดินมาโอบกอดเธออย่างคนเคยขาม้าเคยขี่
“พี่นี่นะดูแลลูกเมีย...” แมวทำเสียงสูงอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ นานๆ ทีพี่จะได้มีโอกาสทำหน้าที่พ่อที่ดี วันนี้วันเกิดลูกสาวพี่ พี่อาจจะอยู่กับแมวไม่ได้ทั้งวันนะ พี่ต้องเข้าไปในเมืองซื้อของขวัญให้ลูก”
ยศยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อพูดถึงลูกสาววัยห้าขวบที่เขาไม่ค่อยได้สนใจมานานซึ่งเขาเพิ่งเห็นว่าลูกเมียของตนน่ารักและมีความสำคัญก็ต่อเมื่อเมียของเขาขอหย่าและบอกว่าจะพาลูกๆ กลับไปอยู่บ้านของเธอนั่นล่ะ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนชีวิตกำลังจะขาดสิ่งสำคัญไป และเมื่อมาถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่าอะไรที่สำคัญกับเขาและเขาจะต้องพูดกับแมวให้รู้เรื่องเด็ดขาดในวันนี้
“ล้อเล่นรึเปล่าพี่ยศ อย่างพี่นี่นะรักครอบครัวเป็นด้วย ฉันว่าพี่กินอะไรผิดสำแดงแน่ๆ ผู้ชายแย่ๆ อย่างพี่นี่คิดอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอ...”
แมวทำเสียงเยาะซึ่งทำให้ยศต้องพิจารณาผู้หญิงตรงหน้าอย่างจริงจังก่อนจะถอนใจออกมาเบาๆ แสงสว่างเกิดขึ้นในดวงตาที่มืดบอดมานานทันที...
“ถูกแล้วล่ะแมว พี่มันแย่ แย่มากที่มองข้ามสิ่งดีๆ มากินของเน่าๆ ทั้งยังหน้ามืดตามัวจนเกือบจะเสียอะไรที่ดีๆ ไป... ดังนั้นวันนี้พี่เลยจะมาบอกแมวว่าต่อไปนี้พี่จะไม่มาหาแมวอีก และเราก็เลิกติดต่อกันอย่างเด็ดขาดเสียที ลาก่อน...”
พูดจบยศก็เดินจากไปอย่างรวดเร็วและไม่คิดจะหันหลังกลับมามองหญิงสาวที่กรีดร้องโหยหวนเต้นเร่าๆ เหมือนหมาขี้เรื้อนโดนขี้เถ้า...
“แก ไอ้ผู้ชายหน้าโง่ โง่ๆๆ พวกแกมันตาต่ำ ไสหัวไปไกลๆ เลย พวกโง่ กรี๊ดดด...”
แมวร้องด่าตามหลังชายหนุ่มที่ก้าวออกจากชีวิตเธอไปอย่างหยาบคายโดยไม่สนใจว่าใครจะมาได้ยิน ป้าแก้วซึ่งยืนมองหลานสาวอยู่เงียบๆ ก็ได้แต่ทอดถอนใจแล้วเดินกลับเข้าครัวไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้งอยู่ไม่น้อย...
“ป้าแก้วเป็นอะไรคะวันนี้ดูเครียดๆ” ยอดรักถามผู้สูงวัยอย่างห่วงใย มือเรียวที่กำลังห่อเกี๊ยวอย่างตั้งใจชะงักแล้ววางมือกับสิ่งที่ทำอยู่เมื่อเธอสังเกตว่าวันนี้ป้าแก้วเอาแต่นั่งเงียบและถอนใจเฮือกๆ มาตั้งแต่เช้าแล้ว
“หรือว่ารักทำอะไรไม่ถูกใจคะ บอกรักได้นะคะ รักห่อเกี๊ยวไม่สวยหรือหมักหมูไม่ได้ตามสูตรรึเปล่า”
หญิงสาวร้อนใจเมื่อวันนี้เธอตั้งใจว่าจะเรียนการทำเกี๊ยวน้ำหมูแดงกับป้าแก้วทั้งที่เธอไม่เคยเข้าครัวเพื่อทำอาหารมาก่อนเลย แต่ตอนนี้เธอทำอาหารง่ายๆ เป็นหลายอย่างแล้ว เช่นต้มจืด ผัดกะเพราและเจียวไข่ไม่ให้ไข่ไหม้...
“ไม่ใช่เพราะคุณรักหรอกค่ะ มันเป็นปัญหาของป้าเองต่างหาก”
“บอกรักได้ไหมคะ หากรักช่วยได้รักก็ยินดีช่วยนะคะ ทีป้าแก้วยังช่วยสอนอะไรรักตั้งหลายอย่างทั้งที่รักบอกยากสอนยากจะตายไป”
“โถ... คุณรักน่ะสอนไม่ยากเลยค่ะ ดูสิคะเรียนทำอาหารแค่ไม่กี่วันก็ทำเป็นตั้งหลายอย่างแล้ว”
“แล้วป้าแก้วเป็นอะไรคะถึงดูไม่สดชื่นเลยวันนี้”
ยอดรักถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนทำให้ป้าแก้วมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา ยอดรักนั้นดูเป็นหญิงสาวที่มั่นใจในตนเองทั้งภาพนางแบบสุดฮอตที่มั่นใจในตนเองของเธอก็ทำให้ใครๆ มองว่ายอดรักเป็นคนแข็งกระด้างและไม่แคร์ใคร แต่เมื่อนางได้พูดคุยและได้รู้อัธยาศัยของยอดรักแล้ว นางพบว่ายอดรักนั้นเป็นคนอ่อนโยนและน่ารักมาก ยอดรักเป็นคนมีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตนและรู้จักห่วงใยผู้อื่น ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายหรือที่ตนตั้งใจว่าจะทำได้ดีมาก และยังมีความรับผิดชอบสูงมากด้วย
นางไม่สงสัยเลยว่าทำไมยอดรักถึงได้เป็นนางแบบดังที่ใครๆ ต่างก็อยากจ้างงาน และทุกงานของเธอก็ประสบความสำเร็จอีกด้วย ดูอย่างที่ยอดรักทำหน้าที่เป็นนางแบบประชาสัมพันธ์แบบผ้าของดีแลนด์ซิลด์ และเป็นแบบอย่างในการนุ่งซิ่นสวมใส่ผ้าไทยจนตอนนี้ใครๆ ต่างก็พูดถึงเธอ ผู้หญิงทั้งจังหวัดต่างก็อยากสวมใส่ผ้าถุงนุ่งซิ่นตามแบบยอดรักกันทั้งนั้น...
“ก็เรื่องหลานสาวของป้านั่นล่ะค่ะ...” แล้วป้าแก้วก็ตัดสินใจเล่าเรื่องของแมวให้ยอดรักฟัง
“คุณรักอย่าถือสามันเลยนะคะ...”
“รักเข้าใจแล้วค่ะ แล้วจะพยายามไม่ถือสานะคะ แต่แหม... ก็ทำยากพอดูอยู่นะคะป้า”
หญิงสาวพูดกลั้วหัวเราะแล้วก็ต้องยิ้มค้างเมื่อหันไปเจอแววตาคมของคนตัวโตที่ยืนมองเธออยู่หน้าประตู ป้าแก้วหันไปตามสายตาขัดเขินของหญิงสาวแล้วก็อมยิ้ม
“สงสัยคุณเด่นเธอจะหิวแล้วค่ะถึงขนาดเดินมาหาอะไรทานในครัวเลยนะคะ”
“ป้าแก้วน่ะ...” หญิงสาวหน้าแดงแล้วยืดตัวตรงทำทีเป็นไม่สนใจเขาทั้งที่ใจเต้นรัว...
“วันนี้ได้ข่าวว่ามีเกี๊ยวหมูแดงหรือครับป้าแก้ว”
อัคราเดินมาทำทีถามทั้งที่ดวงตาคมไม่ได้ละจากใบหน้าสวยของยอดรักเลยแม้แต่น้อย แล้วเมื่อเขาถอดเสื้อแจ็กเกตยีนตัวเก่งออกเพื่อคลายความร้อนเพราะเขาเพิ่งกลับมาจากดูม้าตัวใหม่ ยอดรักก็ยิ่งหน้าแดงก่ำมากขึ้นเพราะข้อความที่ปรากฏอยู่บนเสื้อยืดสีขาวที่เขาสวมใส่มันเขียนว่า ยอดรักอัครา ซึ่งระหว่างชื่อของเขากับชื่อของเธอนั้นมีรูปหัวใจสีแดงเกี่ยวไว้อย่างสวยงาม...
“คนบ้า ใส่เสื้อบ้าอะไรเนี่ย...” ยอดรักบ่นอุบอิบคนเดียวมือไม้สั่นขึ้นมาดื้อๆ
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับป้าแก้ว”
“อุ๊ย ตามสบายเลยค่ะ คุณเด่นพับเกี๊ยวกับคุณรักก็ได้ เดี๋ยวป้าจะไปดูน้ำซุป นางสองคนนั่นไปดูหมูแดงสิได้ที่รึยัง” ป้าแก้วรู้ดีว่าควรทำอย่างไรจึงลุกออกไปพร้อมทั้งชี้ชวนสาวใช้อีกสองคนออกไปด้วย ทั้งห้องครัวจึงเหลือเพียงเขาและเธอ...
อัครามองคนที่เอาแต่ก้มหน้าห่อแผ่นเกี๊ยวอย่างขบขัน เวลาเธอเขินนี่ก็ดูน่ารักดีแตกต่างจากภาพนางแบบสาวผู้มาดมั่นโฉบเฉี่ยวบนรันเวย์ราวคนละคน...
“วันนี้ทำอาหารได้กี่อย่างแล้วครับ ยอดรัก...” อัคราถามเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วเน้นชื่อเธออย่างตั้งใจ
“ก็เท่าที่เห็นค่ะ”
“อืม... จะเค็มขี้มือรึเปล่าน้า...”
“กลัวว่ามันจะเค็มก็ไม่ต้องกินสิ” หญิงสาวกระแทกเสียงตอบงอนๆ
“ได้ยังไง ในเมื่อยอดรักตั้งใจทำให้พี่กิน พี่ก็ต้องกินอยู่แล้ว และถ้าหากทำอร่อย มีรางวัลเป็นเสื้อสวยๆ แบบนี้ด้วยนะ...” เขาชี้มือเข้าหาตนเองยิ้มๆ ยอดรักถึงกับหน้าร้อนผ่าว
“ชิ... ใครเขาอยากได้กันเสื้อเชยๆ แบบนี้...”
ว่าเขาไปก็หน้าแดงก่ำหลบตาคมด้วยความขัดเขินจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก ยิ่งวันนี้เขาโกนหนวดแล้วแม้จะยังไม่ได้ตัดผมที่ยาวประบ่านั้นเธอก็ยิ่งใจเต้นแรง
คนอะไรหล่อเป็นบ้า...
หญิงสาวกู่ร้องในใจเมื่อเห็นใบหน้าที่ปราศจากหนวดรกๆ ของเขาชัดเจน ใบหน้าเหลี่ยมคมได้รูปนั้นมีดวงตายาวใหญ่สีน้ำเงินเข้มโดดเด่นภายใต้คิ้วยาวจรดจอนผม จมูกโด่งคมสวยอย่างลูกครึ่งไทย เยอรมันรับกับริมฝีปากหยักได้รูปซึ่งเป็นสีแดงเข้มอย่างคนสุขภาพดี เธอรู้ว่าอัคราไม่สูบบุหรี่แม้จะดื่มบ้างตามโอกาสต่างๆ แต่เขาไม่เคยดื่มจนเมามาย กรามแกร่งเป็นไรเขียวจางๆ จากตอหนวดกำลังยาวขึ้นทั้งที่เขาเพิ่งโกนมันเมื่อเช้าทำให้เขาดูหล่อเร้าใจเหลือเกิน...
เอ๊ะ... นี่เธอสังเกตแม้แต่เวลาโกนหนวดของเขาหรืออย่างไรกัน...
แต่ก็จริงตามนั้นล่ะ... หญิงสาวยอมรับกับตัวเองในใจที่เต้นแรงเมื่อเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อดูมือเรียวหยิบจับแผ่นเกี๊ยวสีเหลืองห่อหมูสับที่หมักเครื่องเทศแล้วจนจมูกโด่งๆ เกือบจะชนแก้มสาวแดงปลั่ง
“มา... ให้พี่เด่นจะช่วยทำจะได้เสร็จเร็วๆ อยากจะชิมอาหารฝีมือยอดรักจะแย่แล้ว”
ว่าพลางมานั่งข้างๆ เธออย่างถือสิทธิ์หลังจากที่เดินไปล้างมือแล้ว หญิงสาวปรายตามองมือใหญ่ก็หยิบจับข้าวของอย่างคล่องแคล่วซ้ำยังห่อเกี๊ยวได้สวยกว่าเธออีกด้วยอย่างสนใจและมีความสุขอย่างที่ไม่สามารถปฏิเสธได้...
