บทที่ 9. การกลับมาของอสรพิษ จบตอน
กุ้งเต้นขยำหนังสือพิมพ์บันเทิงที่ลงพาดหัวข่าวพาดพิงถึงเพื่อนรักอย่างเสียๆ หายๆ และไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย เธอทั้งเจ็บใจแทนและพยายามจะทำลายมันทั้งยังกีดกันไม่ให้หนังสือพิมพ์หรือนิตยสารฉบับใดที่ลงข่าวพาดพิงถึงยอดรัก เล็ดรอดไปถึงมือของยอดรักหรืออัคราได้ ด้วยความช่วยเหลือจากพลที่ตอนนี้สนิทสนมกับเธอไปโดยปริยาย...
“ผมว่าเราน่าจะบอกคุณรักกับคุณเด่นนะครับคุณกุ้ง”
“ยังไม่ถึงเวลาค่ะ ว่าแต่คุณเถอะไปสืบข่าวมาได้ยังไงบ้าง”
“ผมแน่ใจว่าอีกไม่นานเธอก็ต้องมาที่นี่ ส่วนข่าวนี่ก็มาจากสองคนนั่นล่ะครับผมให้คนติดตามดูสองคนนี้ไว้อยู่”
“ให้มันมาเถอะ แล้วมันจะเจอดีฉันจะเล่นมันเอง”
“คุณจะไล่กระทืบเขาหรือครับ”
“อุ้ย.. นี่คุณพลขา เห็นดิฉันหน้าเถื่อนๆ บึกบึนแบบนี้ไม่ทำอะไรป่าเถื่อนแบบนั้นนะค้า แหม.. เดี๋ยวแม่ก็ปล้ำทำสามีซะหรอก พูดจาไม่เข้าหู” กุ้งเต้นทำค้อนปะหลับปะเหลือก
“ผมล้อเล่นครับ แหม... คุณกุ้งเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีจะตายไป จะทำแบบนั้นได้ไงจริงไหมครับ...”
พลกล่าวยิ้มๆ พลางอ้าแขนออกกว้างรอรับร่างน้องพราวที่วิ่งมาหาคุณพ่อซึ่งมารับเธอกลับบ้าน ตอนนี้น้องพราวติดกุ้งเต้นแจและมาขลุกอยู่กับกุ้งเต้นทั้งวัน ไม่ว่าสาวเทียมร่างสูงใหญ่จะไปไหนแม่หนูน้อยก็ไปด้วยยิ่งช่วงปิดเทอมอย่างนี้ด้วยแล้วน้องพราวไม่ได้ไปโรงเรียนแม่หนูน้อยแทบจะกินจะนอนอยู่กับอากุ้งเต้นเลยก็ว่าได้ ซึ่งกุ้งเต้นเองก็ยินดีที่เด็กหญิงไม่รังเกียจเธอหรือมองเธอเป็นตัวประหลาด ซ้ำยังดูแม่หนูชอบเธอมากเสียด้วย
ยอดรักเองก็ชอบที่มีเด็กๆ มาเล่นที่บ้านเพราะจะได้ไม่เหงา ยิ่งเห็นน้องพราวช่างพูดช่างคุยยอดรักก็ยิ่งอยากมีลูกเป็นของตัวเอง และแน่นอนสามีของเธอนั้นยิ่งอยากมีลูกมากขึ้นเพราะอัคราขยันทำการบ้านแทบทุกวัน ข้อนี้เองกุ้งเต้นก็เอามาล้อเพื่อนรักอยู่บ่อยๆ ว่าขยันกันเกินไปแล้ว...
กุ้งเต้นมองภาพสองพ่อลูกที่กอดหอมกันอย่างรู้สึกใจหายและเศร้าใจลึกๆ เธอเคยหวังว่าจะมีครอบครัวอบอุ่นเหมือนหญิงสาวทั่วๆ ไปเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ใช่สาวแท้โดยกำเนิดแต่สิ่งที่เธอเป็นความรู้สึกที่เธอมีนั้นไม่แตกต่างจากผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องการผู้ชายดีๆ สักคนมาเป็นคู่ชีวิต มีลูกน่ารักๆ มีครอบครัวที่อบอุ่น...
แต่สิ่งเหล่านั้นกะเทยควายอย่างเธอจะไปหาจากไหน ลำพังแค่หาผู้ชายที่รักเธออย่างจริงใจไม่หวังผลตอบแทนก็ยังยาก... รักแท้ก็คงมีแค่ในนิยายชายรักชายเท่านั้นเอง...
“น้องพราวกลับบ้านแล้วนะคะอากุ้ง”
“จ้า ขับรถดีๆ ล่ะคุณ แล้วอย่าลืมเรื่องที่จะต้องทำล่ะ” กุ้งเต้นบอกย้ำเขาอีกครั้งก่อนโบกมือลากัน ยอดรักซึ่งกอดอกมองเพื่อนรักอยู่ห่างๆ เดินมาหาด้วยรอยยิ้มล้อเลียน
“คงไม่ได้หวังจับสองพ่อลูกนี่มาเป็นครอบครัวเดียวกันนะแก...”
“อุ้ย.. ตาเถร... กะเทยตกใจหมดเลย... นังนี่มาเงียบๆ ถ้าฉันหัวใจวายตายใครจะคอยอยู่ฟังหล่อนบ่นยะ” กุ้งเต้นค้อนกลบเกลื่อนแล้วทำทีจะเดินหนีสายตาคาดคั้นของยอดรัก
“แกมีอะไรปิดบังฉันอยู่รึเปล่านังกุ้ง”
“ไม่มี้ ฉันไม่เคยมีความลับกับแก แกก็รู้นี่”
“จริงเหรอ... แต่ดูช่วงนี้เหมือนแกจะมีอะไรปิดบังฉันอยู่นะ เซ้นส์นังยอดก็ไม่เคยพลาดเหมือนกันนะแก...” ยอดรักยังคงเดินตามไปอย่างไม่ลดละ
“อะไรของแกกันวะนังนี่บอกไม่มีก็ไม่มีสิยะ... ว่าแต่นี่สามีแกเขาปล่อยแกลงจากเตียงได้แล้วเหรอยะถึงได้มาเดินนวยนาดตามฉันเนี่ย...” คำพูดของกุ้งเต้นทำให้ยอดรักหน้าแดงก่ำแล้วค้อนกลับ
“พูดอะไรน่าเกลียด”
“น่าเกลียดตรงไหนยะ เรื่องผัวๆ เมียๆ ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งไร่ย่ะว่านายใหญ่ของเขาเนี่ย ขยันทำลูกแค่ไหน”
“นังบ้านี่ ฉันไม่คุยกับแกแล้ว” ว่าแล้วยอดรักก็เดินเข้าบ้านไปจึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แกมโล่งอกของเพื่อนรัก
“นังยอดเอ๊ย นังยอด... หึหึ แต่ให้รู้ไว้นะเพื่อน ว่าที่ฉันทำทุกอย่างนั้นก็เพื่อแก เพราะชีวิตฉันนอกจากแกแล้วฉันก็ไม่มีใคร...”
กุ้งเต้นรำพึงกับตนเองเบาๆ ด้วยความหนักใจอยู่ไม่น้อยหากว่าสิ่งที่ตนคิดนั้นเป็นเรื่องจริง...
ทางด้านพิชฎากับแมวต่างก็กำลังวางแผนที่จะให้พิชฎากลับเข้ามาในชีวิตของยอดรักอย่างเนียนได้อย่างไร ตอนนี้พิชฎาดูแลรักษาตัวเองให้ดูดีเกือบจะเหมือนเดิมได้ด้วยเงินจากของเสี่ยใหญ่ที่เธอเคยเป็นคู่ขาของเขามาก่อนที่จะเจออาทิตย์ซึ่งจริงๆ แล้วเธอใช้ความใสซื่อบังหน้าและทำทีเป็นหญิงสาวใสๆ อ่อนหวานหากความจริงแล้วเธอเองก็ผ่านมามิใช่น้อย ซึ่งคนที่รู้ดีกว่าใครๆ ก็คือแมวนั่นเอง...
“เธอนี่เล่นบทสาวใสซื่อเนียนเหมือนเดิมเลยนะ น่านับถือจริงๆ อย่างนี้เขาเรียกตอแหลเสมอต้นเสมอปลายรึเปล่า...”
แมวพูดราวจะชื่นชมแต่ในคำชมนั้นก็เต็มไปด้วยการเชือดเฉือนแต่พิชฎาหันมายิ้มหวานให้แมวด้วยความภาคภูมิใจ...
“ก็แหงล่ะ ไม่อย่างนั้นจะมีเงินให้เพื่อนที่ทำตัวเหมือนปลิงอย่างเธอไปโมหน้าเหรอยะ”
“จ้ะ บุญคุณนี้ยิ่งใหญ่มาก...” สองสาวที่ต่างก็เฝ้าถากถางกันเองและรอคอยจังหวะที่จะแทงข้างหลังซึ่งกันและสวมหน้ากากเข้าหากันอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร มันคงเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเธอไปแล้ว...
“แล้วนี่เราจะไปที่ไร่เมื่อไหร่”
“รอก่อนสิ หน้าฉันยังไม่หายดีเลย เดี๋ยวออกแดดไปหน้าก็ขึ้นฝ้าอีก ฉันไม่มีเวลาเข้าเมืองมาบ่อยๆ หรอกนะเธอเพราะนังยอดรักมันยึดทุกอย่างไป พูดแล้วก็เจ็บใจ นังนี่มันนางมารจริงๆ ฉันล่ะอยากเห็นมันโดนเธอเขี่ยกระเด็นเหมือนตอนที่นายอาทิตย์เขี่ยมันอย่างไม่ใยดีจังเลย คงสะใจดีพิลึกเสียดายตอนนั้นฉันไม่รู้จักมัน...”
แมวบอกเรื่องราวของยอดรักให้พิชฎาฟังและใส่ร้ายยอดรักต่างๆ นานา พยายามพูดยกยอให้พิชฎาดูเก่งกาจกว่ายอดรักเพื่อสร้างแรงผลักดันกับแผนการครั้งนี้ และมันก็ได้ผลเมื่อพิชฎาเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทางมาดมั่น... แมวแอบเบะปากอย่างสมใจก่อนจะยิ้มหวานให้เจ้าหล่อนที่ทำทีเหมือนนางพญาทั้งที่แทบจะไม่มีอะไรในชีวิต...
“ก็แหงล่ะ นังยอดรักน่ะหากมันไม่ได้เป็นนางแบบไม่มีคนสนับสนุนมัน มันก็ไม่มีอะไรดีกว่าใครๆ หรอก มันก็แค่เด็กกำพร้าคนหนึ่งเท่านั้นล่ะ”
“ก็จริงนะเธอ รู้มั้ยพอมันได้คุณเด่นเป็นผัวนะ โอ๊ยยย... อย่างกับวัวลืมตีน มันนั่งเชิดเป็นนายหญิงชี้นิ้วสั่งใช้อำนาจบาตรใหญ่ พูดแล้วฉันมีเรื่องจะเล่าให้เธอฟังเยอะแยะเลย...”
แล้วแมวก็ใส่เรื่องราวเพิ่มเติมลงไปในหัวพิชฎาซึ่งรับรองได้ว่าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับก็จะต้องมีแต่ข่าวคาวๆ ของนางแบบฉาวที่หวังรวยทางลัดอย่างยอดรัก...
อัครามองหน้าลูกน้องคนสนิทอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นทั้งที่เขาเคยจัดการมันไปแล้ว หรือว่าเขาไม่จัดการอย่างเด็ดขาดปล่อยให้มันโผล่ขึ้นมาทำร้ายคนที่เขารักได้อีก...
“แกรู้เรื่องนี้นานรึยัง..” เขาถามเสียงเข้มจนพลรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทั้งที่เตรียมใจมาแล้ว
“ก็สักระยะครับ แต่คุณกุ้งบอกว่ารอให้มั่นใจก่อนค่อยบอกคุณเด่น”
“เดี๋ยวนี้ไม่รู้ใครเป็นเจ้านายเป็นเจ้าชีวิตแกนะไอ้พล หายใจเข้าออกเป็นคุณกุ้งๆ ถามจริงๆ แกชอบเขารึไงวะ”
อัคราถามจริงจัง จากที่กำลังจะโกรธพลที่ไม่ยอมบอกเรื่องพิชฎากับแมวที่หลัวจะเข้ามาทำลายยอดรักก็กลายเป็นว่าเขาอยากรู้เรื่องความสัมพันธ์ของพลกับกุ้งเต้น...
“อ้าว.. นี่เรากำลังคุยเรื่องเครียดๆ กันอยู่ไม่ใช่เหรอครับ” พลหน้าขึ้นสีเล็กน้อยหลบตาเจ้านายเป็นพัลวัน
“ก็นี่ล่ะ เรื่องเครียด ฉันเครียดอยู่นะเนี่ยและก็ยังโกรธแกอยู่... ว่าไง จะตอบคำถามฉันได้รึยังฉันไม่ใช่คนพูดร่ำไรนะเว้ย...”
“ผม... ก็ไม่รู้ครับ...” พลตอบตามความจริง เขาไม่เคยปกปิดอะไรอัคราได้แม้แต่เรื่องภายใจจิตใจของตนเอง
“คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง นะพล... ฉันไม่คัดค้านหรือขัดขวางอะไรที่จะทำให้คนที่ฉันรักมีความสุข แกก็เหมือนน้องชายฉันคนหนึ่งและฉันก็รักแก... อะไรที่ดีๆ ไม่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิตบ่อยนัก และไม่ว่าเขาจะเข้ามาในรูปแบบผู้หญิงหรือผู้ชาย คนมั่งมีหรือยาจก คนดีก็คือคนดี... มันมีแค่นั้น..”
อัคราพูดสอนสั่งด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นซึ่งคนไร้พ่อแม่และเคยไร้บ้านมาก่อนอย่างพลถึงกับน้ำตาซึม...
“เอาล่ะไม่ต้องมาทำซึ้งนึกถึงอดีตอันขมขื่น... ตามดูสองคนนั้นไว้รวมถึงไอ้แมงดานั่นด้วยเพราะฉันเชื่อว่ามันคงไม่ปล่อยให้คนที่เหมือนบ่องเงินบ่อทองที่เคยสูบเลือดสูบเนื้อของมันหลุดมือไปง่ายๆ หรอก”
อัคราตัดบทเมื่อเห็นพลทำตาแดงๆ เหมือนเด็กชายวัยสิบขวบที่เคยโซซัดโซเซมาเป็นลมเกือบจะขาดอาหารตายอยู่ทางเข้าไร่ของเขาเมื่อยี่สิบปีก่อน...
“ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับคุณเด่น”
“จำไว้นะพล คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง...” อัคราย้ำอีกครั้งแล้วตบบ่าพลเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป
พลมองตามเจ้านายหนุ่มด้วยประกายตาเรืองรองด้วยความรักและศรัทธา เขาคิดไม่ผิดที่ฝากชีวิตไว้ในมือของคนครอบครัวนี้ และไม่ว่าสิ่งใดที่เขาจะทำให้พวกเขาเหล่านี้มีความสุขและปลอดภัย เขาจะทำมันทันทีแม้จะแลกด้วยชีวิตทั้งหมดที่มีก็ตาม
ยอดรักใช้ชีวิตอยู่ที่ไร่อัคราด้วยความสุข เธอนำพาความสดใสมาสู่ไร่นี้และทำให้ไร่อัคราเต็มไปด้วยความสุขสดชื่น สาวๆ คนงานต่างพากันรักสวยรักงามในขณะเดียวกันก็ทำงานกันอย่างแข็งขันด้วย เพราะเห็นตัวอย่างนายหญิงแห่งเรือนเด่นที่ทั้งสวยฉลาดและเก่งงานบ้านงานเรือน ทั้งยังไม่เกี่ยงงานตากแดดตากฝนเพราะเธอจะลุยงานไปพร้อมๆ กับอัคราผู้เป็นสามีเสมอ...
และในฐานะรองประธานดีแลนด์ซิลด์เธอก็สามารถทำได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องสามารถต่อยอดงานต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม ยอดรักจึงกลายเป็นขวัญใจของทุกคนในไร่ คนงานทุกคนรักเธอด้วยน้ำใจที่ยอดรักมีต่อคนอื่น ในขณะเดียวกันเธอก็สอนให้อื่นๆ รักและใช้ชีวิตด้วยความภาคภูมิใจ เนื่องจากตัวเองก็เป็นเด็กกำพร้าและเริ่มต้นจากศูนย์มาก่อน ซึ่งสิ่งที่ยอดรักทำนั้นทำให้อัครายิ่งรักเธอมากขึ้นทุกวัน
ชายหนุ่มเฝ้ามองภรรยาคนสวยอย่างรักใคร่และภาคภูมิใจที่ยอดรักไม่ได้เป็นเพียงยอดรักของเขาคนเดียว แต่เธอยังเป็นยอดรักของทุกๆ คนที่นี่ด้วย ซึ่งมันแสดงว่าเขารักและเลือกภรรยาไม่ผิด ในอนาคตเธอก็จะเป็นแม่ที่ดีของลูกๆ เขาด้วย...
“กลับบ้านได้แล้วครับคุณผู้หญิง งานเลิกนายแล้วนะครับ” อัครเดินมาโอบกอดภรรยาไว้จากด้านหลังแล้วหอมแก้มสาวฟอดใหญ่ มือหนาเกลี่ยปอยผมที่เริ่มยาวเคลียแก้มนวลของเธอทัดใบหูบางด้วยท่าทางอ่อนโยนรักใคร่
“อื้อ อย่าเพิ่งซนค่ะ รักกำลังเลือกแบบผ้าที่น้องบีส่งมาให้ดูอยู่...”
“เดี๋ยวนี้สนใจแต่งานไม่สนใจสามีเลยนะครับ”
“หาความค่ะ ก็สนใจอยู่ทุกคืนอย่ามาหาเรื่องกันนะคะ”
หญิงสาวหันมาค้อนสามีหน้าแดงก่ำทำให้สามีจอมหาความยิ้มกว้างเกยคางแกร่งกับบ่ามนพลางดูภาพลายผ้าจากกระดาษแข็งในมือเธออย่างสนใจ
“อืม... พี่เด่นว่าลายนี้สวยนะ”
“เหรอคะ คิดเหมือนกันเลยค่ะ”
“คิดตรงกันแบบนี้ต้องให้รางวัลสามีนะครับ”
“อุ๊ย คนบ้า หวังผลตลอดเลย... ไม่เอาค่ะ เลิกคุยดีกว่ารักจะกลับบ้านแล้ว” ยอดรักค้อนสามีแล้วเก็บของด้วยความขัดเขินสายตาวาววามของเขา
“หึหึ พูดแค่นี้ก็ค้อนกันด้วย... มาครับพี่ช่วยเก็บของ”
สองสามีภรรยาช่วยกันเก็บของแล้วปิดล็อกห้องทำงานก่อนจะเดินเกี่ยวก้อยกันไปที่รถคันใหญ่...
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงเรือนเด่นซึ่งก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี พวกเขารับประทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุขแล้วพากันขึ้นห้องทำธุระส่วนตัวตามปกติ ในขณะที่ยอดรักกำลังนั่งแปรงผมที่เริ่มยาวของตนอยู่หน้ากระจกอัคราก็เดินมาหาเธอด้วยประกายวาววาม หญิงสาวมองสบตาสามีในกระจกแล้วเมินหน้าหนีใบหน้าแดงก่ำ ไม่เคยมีสักครั้งที่เธอสบตาเขาแบบนี้แล้วจะไม่หน้าแดง...
“ต่อไปนี้รักอย่าตัดผมนะครับ” เขาแย่งหวีในมือเธอมาหวีผมให้เธออย่างอ่อนโยน
“ทำไมคะ รักว่ามันก็สะดวกดีสระง่าย แห้งไวด้วย”
“ก็สวยดีครับ แต่พี่ก็อยากให้รักไว้ผมยาวอีกครั้ง รู้มั้ยครั้งที่พี่เด่นเห็นน่ะคิดว่าคุณแม่ส่งใครมาให้นะ หลงเสียใจเกือบแย่...”
“อ้อ... ทั้งหมดนี่วางแผนไว้ตลอดเลยสินะคะ แต่เท่าที่จำได้วันแรกที่เจอกันที่นี่ พี่เด่นทำตัวไม่น่ารักซ้ำยังปากเสียกับรักด้วยนะคะ”
หญิงสาวเลิกคิ้วมองสามีอย่างหมั่นไส้ที่ได้รู้ว่าเขาวางแผนจะจับเธอมาเป็นเจ้าสาวมาตลอดตั้งแต่เจอหน้าและขโมยจูบเธอครั้งแรก... ซึ่งจนวันนี้เธอเองก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำเช่นนั้นแต่มันก็เป็นไปแล้วซึ่งมันยิ่งทำให้เธอรักเขามากขึ้นๆ ทุกวัน...
“ก็ตอนนั้นแค่ตกใจนิดหน่อยไม่คิดว่ารักจะตัดผมสั้นขนาดนั้น อีกอย่างก็แค่แสดงละครเพื่อให้รักตายใจ ให้รักโกรธและอยากจะเอาชนะพี่ด้วยการอยู่ที่นี่ต่อต่างหากล่ะ...”
อัคราพูดพลางรั้งร่างบางขึ้นมานั่งบนเคาน์เตอร์หน้ากระจกแต่งตัวหันร่างงามให้เผชิญหน้ากับตน มือแกร่งก็ค่อยๆ ปลดสายเสื้อนอนตัวยาวซึ่งตัดเย็บเป็นชุดนอนสายเดี่ยวง่ายๆ ออกจากร่างงามของภรรยาที่แม้จะเอียงอายแต่ก็ยินยอมโดยดี...
“เห็นไหมล่ะว่าแผนพี่เด่นน่ะมันได้ผล...”
เสียงของเขาเริ่มแหบพร่าเมื่อร่างงามไร้ชั้นในปกปิดงามลออล้อแสงไฟนวลตาปรากฏอยู่ตรงหน้า...
“รักก็เลยเหมือนกวางน้อยน่าสงสารที่ตกหลุมพรางของนายพรานเจ้าเล่ห์ว่าไหมคะ...”
หญิงสาวเงยหน้ามองสามีแล้วยิ้มหวานให้เขาพลางโน้มลำคอแกร่งลงมาหาใบหน้างามของตนอย่างก๋ากั่นทั้งที่ประกายตาสวยเฉี่ยวนั้นมีแววเอียงอายอยู่ไม่น้อยซึ่งนั่นล่ะคือเสน่ห์ที่มัดใจให้อัคราดิ้นไม่หลุดจากบ่วงเสน่ห์ของแม่กวางน้อยเช่นเธอ...
“พูดได้น่ารักจังคืนนี้นายพรานจัดเต็ม... จะได้มีลูกกวางน้อยน่ารักๆ ออกมาวิ่งเล่นเต็มบ้านเสียที”
เขาพูดด้วยแววตาเจ้าเล่ห์และเต็มไปด้วยความปรารถนาแรงกล้าก่อนจะก้มลงจูบปากระเรื่อที่เผยอยั่วเย้าอย่างเร่าร้อนมือทั้งสองข้างก็ฟอนเฟ้นอกอวบที่ดูเหมือนจะขยายใหญ่ขึ้นของเธออย่างเมามัน...
“อื้ม พี่เด่น เบาๆ สิคะ เดี๋ยวลูกกวางก็ตกใจกันพอดี...”
“ก็คนมันอยากได้ลูกกวางนี่ ก็ต้องขยันกันหน่อยสิครับ...”
เสียงตอบงึมงำจากปากร้ายที่ไม่ว่างเว้นสร้างความเสียวซ่านให้แก่เธอทำให้หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุขแอ่นกายเสนอให้เขาอย่างไม่เกี่ยงงอน...
“ตอนนี้รักมีลูกกวางน้อยๆ ในท้องแล้วนะคะ... รู้รึยัง...”
หญิงสาวพูดเสียงแหบพร่าทั้งเบาหวิวแต่นายพรานก็หูดีได้ยินชัดเจน...
“อะไรนะ มีลูกกวางแล้ว ก็หมายความว่า...”
อัคราชะงักปากและจมูกที่กำลังจะซุกไซ้ลงไปหายอดอกหวานฉ่ำแล้วเงยหน้ามองสบตาเธอด้วยความตื่นเต้น
“สองอาทิตย์แล้วค่ะ...” หญิงสาวตอบเบาๆ ด้วยรอยยิ้มที่ตรึงใจเขามาตลอด
“ชะ ไช โย ไชโยๆๆๆ โอ ยอดรัก ยอดรักของพี่เด่น ขอบคุณมากครับ โอ... พี่ดีใจที่สุด ดีใจมากเลย ต้องโทร. บอกคุณพ่อคุณแม่ ตอนนี้เลย...”
อัคราโอบกอดภรรยาสุดที่รักแน่นแล้วยกร่างงามขึ้นเหวี่ยงเบาๆ ไปรอบห้องด้วยความยินดีสุดหัวใจก่อนจะรีบโทรศัพท์แจ้งข่าวดีแก่ทุกคนในครอบครัวอย่างคนขี้เห่อ ยอดรักมองสามีแล้วยิ้มด้วยความสุข... เธอมีความสุขเหลือเกิน...
“คราวนี้พี่เด่นจะให้รางวัลแม่กวางเสียที” เขาหันมาอุ้มภรรยาไปที่เตียงกว้างแล้ววางเธอลงอย่างอ่อนโยน
“แต่แม่กวางเหนื่อยนะคะ อยากจะนอนพักจังเลย...” หญิงสาวแสร้งพูดยั่วเย้า
“ไม่เป็นไรครับ พ่อกวางจะบริการแม่กวางเอง... แม่กวางแค่นอนเฉยๆ แล้วครางดังๆ ให้พ่อกวางฟังก็พอ...”
“พี่เด่นน่ะ คนบ้า...”
หญิงสาวตาโตฟาดอกกว้างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของสามีเบาๆ อัคราหัวเราะอย่างมีความสุขแล้วนอนลงเคียงข้างร่างงามที่เปลือยเปล่าอีกครั้ง ยอดรักหลับตาพริ้มรอรับบริการแสนพิเศษจากพ่อกวางด้วยความเต็มใจ...
