บทที่ 10. อสรพิษมาแล้ว...
เช้าวันนี้สดใสสดชื่นเหมือนเคยแต่มีสิ่งหนึ่งที่ผิดปกติไป ยอดรักขมวดคิ้วอย่างแปลกใจที่เช้านี้ตื่นมาไม่มีวงแขนของสามีโอบกอดเธอเช่นทุกวัน หญิงสาวหันมาทางด้านที่สามีนอนอย่างสงสัย แต่เสียงโอ้กอ้าก อยู่ในห้องน้ำทำให้เธอรีบลุกจากเตียงเดินรี่เข้าห้องไปอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วงเมื่อคิดว่าอัคราต้องเป็นอะไรไปแน่ๆ
“พี่เด่นเป็นอะไรไปคะ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะคะ...” หญิงสาวเข้าไปประคองสามีที่นั่งหมดเรี่ยวแรงอยู่ตรงหน้าชักโครกแล้วรีบนำผ้าขนหนูมาชุบน้ำเช็ดหน้าตาให้เขาอย่างอ่อนโยน
“ไปหาหมอไหมคะพี่เด่น...”
“ไม่... พี่ไม่ไป รักจ๋า กอดสามีหน่อยสิครับ...”
อัคราพูดเสียงโหยแห้งพลางออดอ้อนให้เธอกอดเขา หากเป็นยามปกติยอดรักก็คงค้อนเขาแล้วเดินหนีงอนๆ แต่เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ซีดเซียวเช่นนี้แล้วยอดรักก็ใจแป้วห่วงเขาเหลือเกิน...
“ดีขึ้นหรือยังคะ...”
หญิงสาวโอบกอดร่างใหญ่ของสามีแล้วลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆ อัคราซุกใบหน้าเกลือกกลิ้งใบหน้ากับบ่ามนแล้วสูดดมแก้มหอมๆ ของภรรยาเหมือนไม่เคยได้ดอมดมทั้งที่แก้มเธอแทบจะช้ำเพราะเขาอยู่แล้ว
“อื้ม ชื่นใจที่สุดเลยครับยอดรัก...”
ใบหน้าที่ซีดเซียวเมื่อครู่ดูมีสีสันขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ยอดรักรีบประคองร่างสูงใหญ่ออกไปนั่งพักที่เก้าอี้นั่งเล่นมุมห้องก่อนจะเรียกป้าแก้วขึ้นมาหา ไม่นานป้าแก้วก็เดินเข้ามาพร้อมด้วยยาดมยาหม่องพร้อมด้วยทั้งยาขนานต่างๆ ซึ่งเมื่ออัคราเห็นยาเหล่านั้นก็เบ้หน้าเหมือนเด็กๆ เหม็นเบื่อยา...
“ไม่เอานะครับยอดรัก พี่เด่นไม่ทานยานะ พี่เด่นไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย”
“ไม่ได้ค่ะ เมื่อกี้รักเห็นว่าอ้วกจนแทบหมดไส้หมดพุง จะไม่เป็นอะไรได้ยังไงกัน เอาถาดวางไว้ตรงนี้ล่ะค่ะป้าแก้วเดี๋ยวรักจัดการเอง”
“คุณเด่นเป็นอะไรคะคุณรัก...” ป้าแก้วถามด้วยความสงสัยและเป็นห่วงยอดรักจึงอธิบายอาการของสามีให้ฟัง
“เอ... แบบนี้เขาเรียกว่าแพ้ท้องแทนเมียรึเปล่านะ คุณรักจะมีน้องรึเปล่าคะ” ป้าแก้วถามอย่างผู้ที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน
“เอ๊ะ.. ป้ารู้ได้ยังไงคะว่ารักกำลังท้อง...”
“จริงเหรอคะ คุณรักท้อง คุณรักมีเจ้าตัวเล็กแล้ว...”
ป้าแก้วตาโตดีใจเนื้อเต้นพอๆ กับเจ้านายหนุ่มที่นั่งยิ้มกว้างอย่างภาคภูมิใจและยักคิ้วให้ป้าแก้วอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็นตรงหน้า
“จริงๆ ครับป้าแก้ว เห็นมั้ยว่าผมไม่ได้เป็นไรมาก แค่แพ้ท้องแทนเมีย อีกหน่อยก็หายใช่ไหมครับป้า” เขาพูดเองเออเองประสาคนไม่อยากจะยุ่งกับยาหลายขนานตรงหน้า
“พูดเองหมดเลยนะคะพี่เด่น...”
“แหม... เมียจ๋า ก็มันจริงนี่นา...”
อัครารีบเข้ามากอดเอวของภรรยาแน่นแล้วซุกหน้ากับอกนุ่มๆ สูดดมกลิ่นเนื้อนางเขาไปเต็มปอด ยิ่งสูดดมกลิ่นกายของเธอเขาก็ยิ่งรู้สึกสดชื่นมีเรี่ยวแรงขึ้นมาเหมือนไม่มีอาการคลื่นเหียนอาเจียนก่อนหน้านี้เลย ป้าแก้วมองเจ้านายหนุ่มสาวที่โอบกอดกันอย่างรักใคร่ด้วยรอยยิ้มเห็นเจ้านายมีความสุขนางก็มีความสุขไปด้วย
กุ้งเต้นซึ่งได้รับข่าวจากพลแล้วว่าพิชฎากับแมวกำลังเดินทางกลับมาที่ไร่ กุ้งเต้นก็เข้าไปหาเพื่อนรักที่นั่งป้อนข้าวสามีที่ออดอ้อนให้เมียรักป้อนข้าวด้วยท่าทางที่น่าหมั่นไส้ที่สุดในสายตาของกุ้งเต้นที่ยังอดแขวะไม่ได้...
“อะแฮ่มมม... แหม.. คุณเด่นขา จะอ้อนเมียเกินไปแล้วนะคะ อีโรคแพ้ท้องแทนเมียเนี่ย ต้องให้ป้อนข้าวกันขนาดนี้เลยเหรอค้า...”
“หึ พูดไปคนไม่เคยมีสามีก็คงไม่เข้าใจ...” อัคราพูดแล้วบุ้ยใบ้กับภรรยาเพื่อหาแนวร่วม
“มันจริงอย่างที่ยายกุ้งพูดทุกคำเลยคะ พี่เด่นน่ะอ้อนเกินไป”
“โธ่... รักน่ะ สามีงอนแล้วนะ”
“งอนไปเลยค่ะ ว่าแต่อิ่มหรือยังคะ รักจะเก็บสำรับแล้ว”
หญิงสาวพูดยิ้มๆ กับท่าทางแสนงอนของสามีเพราะมันดูไม่น่ารักสักเท่าไหร่หากผู้ใหญ่ตัวโตหนวดเคราเขียวเป็นปื้นทั้งกรามแกร่งทำท่าแบบนี้...
“แล้วนี่แกมีอะไรเหรอกุ้งหน้าตาเหมือนเจอนางอสรพิษ” ยอดรักหันมาถามเพื่อนรัก
“เอ่อ คือว่า...” ไม่ทันที่กุ้งเต้นจะพูดอะไรสาวใช้คนหนึ่งก็หน้าตื่นเข้ามารายงายบางอย่าง...
“แย่แล้วค่ะนายใหญ่มีคนโดนทำร้ายสลบอยู่ที่หน้าไร่ของเรา เป็นผู้หญิงด้วยค่ะ คุณพลกำลังพาเธอไปหาหมอ นังแมวมันบอกว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังจะโดนคนงานในไร่ของเราฉุดไปทำมิดีมิร้ายค่ะ...”
กุ้งเต้นหันไปสบตากับอัคราอย่างรู้กันก่อนที่อัคราจะหันไปบอกสาวใช้ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“เอาล่ะ... อ้อยไม่ต้องทำหน้าตื่นตกใจขนาดนั้นก็ได้ ไร่เราไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่เคยมีการฉุดคร่าข่มขืนกันอ้อยไม่ต้องทำหน้าเหมือนโดนข่มขืนเสียเองหรอก”
“แต่มันน่ากลัวมากนะคะ ผู้หญิงคนนั้นสภาพแย่มากเลย เนื้อตัวฟกช้ำเสื้อผ้าขาดวิ่นไปหมดเลยค่ะ”
“อ้อยเห็นด้วยตาของตัวเองเหรอ...” ยอดรักถามอย่างสงสัย
“เปล่าค่ะ นังแมวมันเล่าให้ฟัง”
“แล้วแมวไปเจอได้ยังไง” กุ้งเต้นถามบ้าง
“นังแมวมันบอกว่ามันกำลังจะไปตลาดมันไปเจอเสียก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะโดนฉุดไปค่ะ มันเลยตะโกนให้คนมาช่วย บังเอิญคุณพลอยู่แถวนั้นพอดี...”
สาวใช้คนซื่อรายงานตามที่ได้ยินมาให้เจ้านายฟังตามคำบอกเล่าของแมวที่บอกให้เธอรีบมาแจ้งข่าวนี้กับนายใหญ่เพราะมันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
ทุกคนดูไม่แปลกใจที่แมวหายหน้าไปหลายเพราะแมวได้ลาพักร้อนสองอาทิตย์ซึ่งก็ไม่มีใครว่าอะไรเพราะปกติแมวก็ไม่ค่อยได้ทำงานอยู่แล้ว และแมวเพิ่งกลับมาที่ไร่เมื่อวานนี้แต่ก็เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในห้องไม่ออกมาวุ่นวายกับใคร แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจนักว่าแมวจะทำหรือไม่ทำอะไร...
“เอาล่ะอ้อยไปทำงานเถอะเดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจัดการเอง...” อัคราตัดบท อ้อยจึงรีบหลบออกไปเพื่อไปเม้าท์กับเพื่อนๆ ต่อเพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่และก็ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ในไร่มาก่อนซึ่งมันทำให้คนงานสาวๆ อกสั่นขวัญแขวนอยู่ไม่น้อย...
“มีเรื่องแบบนี้ในไร่เราด้วยเหรอคะพี่เด่น...”
“ไม่มีและไม่เคยมีครับยอดรักอย่ากังวลไปเลยครับ เอาล่ะเดี๋ยวพี่จะออกไปที่ไร่เสียหน่อย... ผมฝากดูแลรักด้วยนะคุณกุ้ง...”
“ได้ค่ะ” อัคราเดินออกไปแล้วกุ้งเต้นจึงหันมามองหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลของยอดรัก
“นี่แกขมวดคิ้วมากแบบนั้นหลานฉันก็หน้าย่นกันพอดี”
“อ้าวนังบ้านี่ นี่ลูกคนนะยะไม่ใช่ลูกหมาหน้าย่น”
ยอดรักค้อนเพื่อนรักอย่างขวางๆ อยู่บ้างแต่เมื่อสบตากันแล้วเธอก็รู้ได้ทันทีว่ากุ้งเต้นต้องมีอะไรจะพูดกับเธอ...
“แกมีอะไรจะพูดก็พูดมานางกุ้งอย่าทำลีลาท่ามาก...”
“แหม... แกนี่มันแสนรู้เหมือนเคย...”
“คนนะยะไม่ใช่นกแก้วจะได้แสนรู้...” หญิงสาวค้อนเพื่อนรักไม่จริงจังนักก่อนจะนั่งลงคุยกันเงียบๆ
“ฮือๆๆ รัก เธอต้องช่วยฉันนะ ฉันไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีที่ไป ไม่มีอะไรเหลือเลย ฉันรู้ว่าฉันทำผิดต่อเธอมาก ฉันรู้สึกผิดมาตลอด มันเหมือนบาปติดตัวฉัน ทุกๆ คืนฉันไม่เคยนอนหลับสนิทเลย ฉันรู้สึกผิดมากจนบางทีแทบอยากจะฆ่าตัวตาย หากว่าไม่ห่วงลูกในท้อง ชีวิตของเขานั้นบริสุทธิ์เกินกว่าที่ฉันจะทำลายเขา... ฮือๆ ฉันอดทนพยายามทำทุกอย่างให้อาทิตย์เปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้เขารักฉันบ้าง แต่สุดท้ายเขาก็ทำร้ายตบตีฉันจนฉันเกือบแท้ง ล่าสุดเขาไปมีอะไรกับนางแบบหน้าใหม่พอฉันจับได้เขาก็ทำร้ายฉันจนฉันต้องคลอดก่อนกำหนด...”
พิชฎาคร่ำครวญราวจะขาดใจเรื่องราวสุดแสนรันทดของเธอช่างน่าเห็นใจยิ่งนัก ยอดรักนิ่งฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายอะไรซึ่งการนิ่งเงียบของเธอทำให้พิชฎาเดาเองเองว่ายอดรักคงจะเห็นใจตน...
“นอกจากจะทำร้ายฉันยังไม่พอ มันยังพรากลูกของฉันไปด้วย มันไล่ฉันออกจากบ้านอย่างกับหมูกับหมา มันเอาลูกไว้และไม่ให้ฉันเข้าใกล้ลูก ซ้ำยังขู่ฉันด้วยว่าหากฉันจะมาลูกไปมันจะฆ่าฉัน ฮือๆ คิดดูสิรัก คนเป็นแม่แท้ๆ แต่ไม่มีสิทธิ์ในตัวลูก ไม่มีโอกาสได้กอดลูกที่อุ้มท้องมาตั้งหลายเดือน จิตใจมันทำด้วยอะไรกัน ฮือๆๆ ฉันอยากเจอลูก ฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยคิดว่าหากฉันมาขอความช่วยเหลือจากเธอเขาก็อาจจะเห็นแก่เธอบ้าง ทิตย์น่ะเกรงใจเธอมาก ฉันเลยดั้นด้นมาที่นี่แต่ก็ไม่นึกว่าฉันจะมาเจอคนชั่วช้ามันมาดักฉุดคร่าฉันหวังทำลายให้ป่นปี้ ดีที่มีคนมาเห็นและช่วยเหลือไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นฉันคง... คง ฮือออ...”
“แหม... ชีวิตเธอนี่น่าสงสารมากเลยนะนังพิษ...”
กุ้งเต้นที่นั่งฟังละครบทโศกอยู่ด้วยอดพูดไม่ได้ ปากมันคันยิบๆ อยากจะพูดเยอะกว่านั้นหากไม่เห็นสายตาปรามๆ ของยอดรัก
“เธอจะทับถมฉันยังไงก็ได้นะกุ้ง แต่ฉันก็ไม่รู้จะหันไปพึ่งใครแล้ว ฉันรู้ตัวดีว่าฉันทำไม่ดีกับเธอสองคนไว้มาก ฉันมาขอโทษและหวังว่าเธอจะอภัยให้กับความโง่เขลาของฉัน...” พิชฎายังคงตีหน้าเศร้าเล่าความรันทดต่อไป
“ฉันน่ะไม่คิดอะไรกับเธอแล้วล่ะพิชฎา...” ในที่สุดยอดรักก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ... พิชฎายิ้มกว้างใบหน้าปูดบวมเขียวช้ำดูสว่างสดใสขึ้นจนกุ้งเต้นเบะปากใส่อย่างรังเกียจ
“จริงเหรอรัก ขอบใจนะเพื่อน ฉันรู้ว่าเธอต้องอภัยให้ฉัน เรามาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะรัก..”
“ที่ฉันหมายถึงก็คือ... ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง จะตายอนาถ หรือรันทดแค่ไหน ฉันก็ไม่มีวันเห็นใจหรือสนใจเธอต่างหาก... ที่สำคัญฉันไม่มีอะไรติดค้างเธอ ดังนั้นฉันไม่รู้จะยกโทษหรืออภัยให้เธอได้ยังไง มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเถอะ อ้อ... ส่วนค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลน่ะเดี๋ยวฉันจะออกให้เองนะ ถือว่าทำบุญให้คนจรจัดยากไร้ คนหนึ่งก็แล้ว... ลาก่อน...”
ยอดรักยืดตัวตรงแล้วกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยดังเดิมแล้วเดินออกไปจากห้องพักฟื้นที่พิชฎารักษาตัวอยู่เงียบๆ
“แหม... ละครบทนี้ใครนะช่างเขียนบทให้ บอกเลยว่าห่วยแตกมาก แม้นักแสดงจะแสดงได้สมบทบาทก็เถอะ...”
“นังกุ้งเต้น อีกะเทยควาย แก...” พิชฏามองกุ้งเต้นตาเขียวปัดทั้งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเดือดดาล...
“ก็จริงนี่ยะ กลับมาทางไหนก็ไปทางนั้นเลยนะคะ นังงูพิษ...”
กุ้งเต้นสะบัดหน้าเดินจากไปพร้อมด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน พิชฎากรีดร้องจนลั่นห้องด้วยความเจ็บใจและเจ็บปวด หากว่ายอดรักไม่สนใจเธอจริงๆ การลงทุนเจ็บตัวเกือบสาหัสของเธอก็ไร้ความหมายน่ะสิ เธอจะยอมไม่ได้...
“กรี๊ดดดดดดด นังบ้า บ้าๆๆ ฉันไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้หรอก กรี๊ดดด...”
เสียงกรีดร้องของเธอทำให้พยาบาลวิ่งหน้าตื่นเข้ามาดูอาการคนไข้อย่างเป็นห่วง พิชฎาจึงแสดงละครด้วยอาการของคนที่หวาดผวากลัวคนจะมาทำร้ายและคร่ำครวญถึงยอดรักเรียกหายอดรักไม่ขาดปาก เหมือนว่าเธอจะขาดยอดรักไม่ได้ และไม่มีใครช่วยเธอได้นอกจากยอดรักทำให้เหล่านางพยาบาลทำหน้าเหมือนกินยาขมเมื่อเห็นว่ายอดรักภรรยาของอัคราผู้ยิ่งใหญ่แห่งไร่อัครานั้นเพิ่งเดินออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย และไม่มีวี่แววว่าจะให้ความสนใจคนไข้คนนี้เลยสักนิด...
