บทที่ 7. ความลับความรักคือสิ่งเดียวกัน...จบตอน
“กรี๊ดดด... กะเทยจะได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว อ๊ายยย ดีใจๆ ดีใจราวกับว่าฉันจะมีผัวเสียเอง...” กุ้งเต้นกรีดร้องด้วยความยินดีและและกระโดดโลดเต้นจนพื้นสะเทือน เดือนร้อนยอดรักต้องเตือนสติให้เจ้าหล่อนกระโดดเบาๆ
“นี่แก กระโดดเบาๆ ก็ได้ พื้นเรือนเขาจะสึก ดึงสติหน่อยสิยะ”
“แหม... นังยอด นี่หากว่าฉันไม่ดีใจกับแกที่จะได้ลงจากคานนะ มีจิกตบกันบ้างล่ะที่หล่อนชิงลงคานก่อนฉัน...”
กุ้งเต้นค้อนเพื่อนรักไม่จริงจังนักแต่ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เข้าไปคลอเคลียกับอัคราด้วยจริตที่พยายามจะให้เป้นสาวแสนหวาน แต่ก็ดูยังไงก็ขัดลูกตาเพราะร่างกุ้งเต้นนั้นทั้งหนาและบึกบึน...
“คุณเด่นขา เพื่อนๆ ของคุณเด่นมีโสดๆ นิสัยดี น่ารักเหมือนคุณเด่น คนไหนอยากได้ของแปลกไปศึกษาบ้างไหมคะ กุ้งพร้อมจะทอดกายให้เขาทดลองแบบไม่คิดมูลค่าเลยนะคะ”
“เอ่อ.. ผมว่า ก็คงจะมีล่ะครับ แต่ตอนนี้ช่วยกอดผมหลวมๆ ก็พอ ผมหายใจไม่ออก...”
อัคราบอกพลางทำท่าเหมือนจะขาดใจตาย กุ้งเต้นจึงค้อนให้แล้วเดินมากระแทกตัวนั่งอย่างแง่งอนมองหนุ่มสาวที่โอบกอดกันหนุงหนิงดูหวานจนเลี่ยนในสายตาของตนอย่างหมั่นไส้เหลือคณา แต่กุ้งเต้นก็รู้สึกมีความสุขไปกับเพื่อนรักด้วยที่หลุดพ้นจากคนหลอกลวง แล้วได้พบรักแท้ ที่กุ้งเต้นเองก็หวังว่าสักวันหนึ่งจะมีคนรักที่ตัวตนของเธอเช่นเดียวกับยอดรักบ้าง แม้ในใจก็คิดเผื่อไว้แล้วว่า กะเทยควายอย่างเธอนั้นคงไม่มีทางเจอใครที่รักจริงก็ตาม...
สัปดาห์ต่อมาข่าวการแต่งงานของทายาทคนโตแห่งดีแลนด์ซิลด์กับนางแบบสาวชื่อดังที่หันหลังให้วงการอย่างยอดรัก นางแบบสาวผิวน้ำผึ้งอาบยาพิษก็ถูกตีพิมพ์ในข่าวบันเทิงทุกฉบับอย่างเอิกเกริก แต่งานแต่งงานของอัครากับยอดรักก็เป็นเพียงงานแต่งงานที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งเป็นสถานที่ที่ยอดรักเติบโตขึ้นมาโดยมีคนในครอบครัวของอัครา และเพื่อนสนิทไม่กี่คนที่ได้รับเชิญมาร่วมงาน ที่สำคัญงานครั้งนี้ไม่มีการเผยแพร่ภาพข่าวงานแต่งงานของพวกเขาออกไป เพราะเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องการความเป็นส่วนตัวนั่นเอง ซึ่งก็คงไม่มีใครแปลกใจนักที่เป็นเช่นนั้นเพราะอัครานั้นใครๆ ต่างก็รู้ดีว่าเขามีโลกส่วนตัวสูงและไม่สนใจใคร
ถึงจะอย่างไรเขาก็ยังคงเป็นหนุ่มชาวไร่ที่ร่ำรวยมหาศาลเกินกว่าจะมาคิดเล็กคิดน้อยหรือใส่ใจกับสิ่งมายา หวือหวาทางหน้าหนังสือพิมพ์หรือวงการบันเทิง และเขาก็ยิ่งยินดีมากที่ยอดรักออกมาจากวงการนี้ได้ด้วยความเต็มใจของเธอเอง...
“เป็นไปไม่ได้ได้...”
ริมฝีปากบางพึมพำและดวงตากลมโตของหญิงสาวซึ่งกราดอ่านพาดหัวข่าวที่เป็นเสมือนหอกแหลมๆ ทิ่มแทงใจอันเต็มไปด้วยความริษยาของเธอให้ร้อนรนดังถูกไฟนรกโหมไหม้ไม่มีผิด
“มันเป็นได้ยังไงที่นังรักมันจะได้ดิบได้ดีมีผัวรวยมากขนาดนั้น โอ๊ย... นังนี่มันทำบุญด้วยอะไรนะมันถึงได้โชคดีอยู่เสมอเลย...”
พิชฎาอดีตเพื่อนรักของยอดรักขยำหนังสือพิมพ์แล้วปาทิ้งด้วยความฉุนเฉียวเมื่อเห็นคนที่ตนเกลียดได้ดิบได้ดีมีความสุขกว่าในขณะที่เธอได้อยู่บ้านหลังเล็กๆ แม้ในอดีตเธอใฝ่ฝันและพยายามแย่งมันมาเป็นของตนก็ตาม
“โอ๊ยยยย... แล้วไอ้ท้องนี่มันจะใหญ่ไปไหน เมื่อไหร่แกจะออกมาเสียที ฉันขี้เกียจหอบแกไปไหนมาไหนแล้วนะไอ้เด็กบ้า บ้าๆๆ โอ๊ยยย หงุดหงิด ร้อนนน...”
ปากก็โวยวายมือเรียวที่ไม่เคยหยิบจับอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็โบกพัดในมือเร่าๆ เพื่อบรรเทาความร้อนของอากาศ แต่เหนืออื่นใดคือใจที่ร้อนรนด้วยไฟริษยาของตนนั่นเอง...
“ที่ว่าร้อนนี่คงร้อนด้วยไฟริษยาล่ะสิ ข้าว่าเอ็งมาช่วยข้าปิ้งไก่ ขายข้าวขายของมันจะมีประโยชน์มากเลยนะนาง พิษ...”
เสียงสอดขึ้นมาของ นางแปลก ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแม่ผัวดังขึ้นทำให้พิชฎาหันไปทำตาขวางใส่ผู้สูงวัยอย่างไม่มีความเคารพยำเกรงกิริยาท่าทางของเธอทำให้นางแปลกแอบเบะปากอย่างรังเกียจ นี่หากนางไม่เห็นแก่ว่าพิชฎานั้นกำลังท้องหลานของนาง รับรองเลยว่าผู้หญิงหยิบโหย่งไม่เป็นโล้เป็นพายอย่างเจ้าหล่อน ไม่มีทางได้มานั่งๆ นอนๆ แล้วก็บ่นคนนั้นคนนี้ด้วยความอิจฉาริษยาในบ้านของนางแน่ๆ
ไม่รู้ว่าทำไมอาทิตย์ถึงได้ไปคว้าแม่นี่มาทำเมีย ทั้งที่ยอดรักนั้นดีกว่ามากมายและนางเองก็ชอบอัธยาศัยยอดรักมากกว่าด้วย แต่นางก็เข้าใจว่าลูกชายของนางเองที่ผิดต่อยอดรัก...
“นี่แม่ อย่ามาสอดเรื่องของฉันได้มั้ย แล้วก็เรียกฉันให้มันดีๆ หน่อย ชื่อเล่นฉันพิชชี่ ไม่ใช่พิษ... โอ๊ย.. พูดกับพวกไร้การศึกษาแล้วอารมณ์เสียไปนอนดีกว่า...”
ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เดินอุ้ยอ้ายเดินเข้าบ้านไป นางแปลกมามองแล้วส่ายหน้าด้วยความอิดหนาระอาใจ...
“เหอะ.. ให้มันได้แบบนี้สิวะลูกสะใภ้เทวดา...” แม่ค้าร้านข้างๆ กันรี่เข้ามาเม้าท์อย่างคันปาก
“แกยอมมันได้ยังไงวะนางแปลก มันไม่น่าจะใช่เอ็งเลยนา”
“ก็ข้าไม่อยากจะวุ่นวาย รำคาญว่ะเอ็ง อีกอย่างที่ข้าทำเนี่ยก็เพื่อหลานของข้าโว้ย หากมันคลอดแล้วแม่มันจะไปไหนก็เรื่องของมัน...” นางแปลกกล่าวปลงๆ
“เออ.. คิดอย่างเอ็งก็ดี แต่ก่อนไป ข้าขอตบมันให้หนำใจก่อนเถ้อ คนอะไร จะอดตายตกอับขนาดนี้ยังจมไม่ลงเที่ยวดูถูกคนอื่น”
“จัดไปตามสบายเลย ข้าไม่ขอคัดค้าน...”
นางแปลกบอกยิ้มๆ แล้วถอนใจก้มหน้าปิ้งไก่ต่อไปอย่างมีความหวังว่าอีกไม่นานนางจะไม่ต้องทนกับผู้หญิงคนนี้
แม้นางจะมีความรู้น้อยเป็นเพียงแม่ค้าขายส้มตำไก่ย่างไปวันๆ แต่นางก็ไม่เคยเฝ้าริษยาหรือคอยท่าให้ใครมาหาเลี้ยง หรือรอแบมือขอเงินใคร แต่การที่นางเป็นแม่ค้าขายส้มตำทำให้อาทิตย์คิดรังเกียจ และไม่ชอบใจนัก ยิ่งเขาได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในวงการมายา อาทิตย์แทบจะไม่อยากให้ใครรู้เลยว่ามีแม่เป็นเพียงแม่ค้าขายส้มตำไก่ย่าง
อาทิตย์เป็นคนทะเยอทะยานและใฝ่สูงหากแต่กลับทำตัวในทางตรงข้าม เขาเป็นคนหยิบโหย่งและชอบสร้างภาพว่าตนเองเป็นคนร่ำรวยชาติตระกูลดีจนวางแผนหลอกให้ยอดรักซื้อบ้านเพื่อเป็นเรือนหอของตนกับยอดรักซึ่งยอดรักเองก็ไม่ได้เอะใจว่ากำลังถูกหลอก
ตอนนั้นนางแปลกยังไม่รู้แผนการของลูกชายและคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีหากอาทิตย์จะเปลี่ยนแปลงตัวเองทำมาหากินและเก็บเงินเก็บทองซื้อบ้าน นางเองก็ยังปลาบปลื้มใจที่ยอดรักทำให้อาทิตย์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งอาทิตย์ก็ยังใช้นางเป็นข้ออ้างกับยอดรักว่าหากผ่อนบ้านเสร็จแล้วก็จะรับนางเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ และให้นางเลิกขายของ ทำให้ยอดรักดีใจและยินดีที่จะร่วมซื้อบ้านกับเขาโดยให้ใช้ชื่อของอาทิตย์เป็นเจ้าของบ้านอีกด้วย
แต่แล้วไม่นานนางก็ได้รู้ว่าอาทิตย์นั้นไม่ได้คิดจะให้ความรักความจริงใจกับยอดรัก และยังแอบมีความสัมพันธ์กับพิชฎาอย่างไม่มีความละอายต่อยอดรัก แต่นางก็พูดอะไรไม่ได้เพราะตอนนั้นนางคิดห่วงลูกตัวเองมากกว่า จะว่าไปก็เหมือนนางเห็นแก่ตัวด้วย แต่ตอนนี้นางรู้แล้วว่ากรรมนั้นกำลังตามสนองมาติดๆ จากการที่วางเฉยต่อความผิดของลูกชายจนทำให้ผู้หญิงดีๆ อย่างยอดรักต้องเจ็บช้ำน้ำใจเมื่อความจริงเปิดเผยว่าพิชฎากับอาทิตย์นั้นร่วมมือกันหักหลังยอดรัก
ยอดรักถอนหมั้นกับอาทิตย์และหลบหน้าไปอย่างเจ็บปวด ในวันนั้นนางได้เห็นว่าลูกชายของนางกับพิชฎาทำร้ายจิตใจของยอดรักแค่ไหน แต่ยอดรักทำเพียงเดินจากไปเงียบๆ อย่างทระนงจนนางนึกชื่นชมยอดรักที่เข้มแข็งกับสิ่งที่เผชิญ แต่แม้ว่าอาทิตย์กับยอดรักจะเลิกกันแต่ยอดรักก็ยกบ้านหลังนี้ให้นางเป็นเจ้าของ ซึ่งมันทำให้นางซาบซึ้งในความดีงามของยอดรักมาก
เมื่ออาทิตย์คว้าพิชฎามาเป็นเมียโดยที่พิชฎาตั้งท้องมาด้วยนางก็ต้องยอมรับสภาพและตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูแลหลานซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนให้ดีที่สุด และคิดคาดเดาว่าไม่นานพิชฎาก็จะทิ้งอาทิตย์ไปหรือบางทีก็อาจจะทิ้งลูกไว้ให้นางเลี้ยงอย่างแน่นอน... และนางก็นับวันรอเวลานั้นเลยทีเดียว...
หลังจากที่เข้ามาในห้องนอนเล็กๆ ของตนพิชฎาก็เพียรโทรศัพท์หาอาทิตย์ซึ่งหายหน้าไปแล้วสองวัน เขาบอกว่าจะไปถ่ายแบบที่ไหนสักแห่งโดยไม่บอกรายละเอียด หลังจากที่เขากับเธอสร้างกระแสข่าวคาวให้ตนเองเพื่ออาทิตย์จะได้กลับเข้ามาในวงการเดินแบบอีกครั้งส่วน เธอก็ต้องหมกตัวอยู่ที่นี่ไปก่อนและพยายามทำตัวให้เริดเชิดเข้าไว้ เมื่อออกไปข้างนอกก็ทำตัวให้เหมือนว่าเธอกับอาทิตย์นั้นยังคงมีสถานะทางการเงินที่ดีอยู่ ทั้งที่แทบไม่มีจะกินเพราะต่างฝ่ายต่างจมไม่ลงกันทั้งคู่นั่นเอง
“ไปไหนของเขานะ อย่าให้รู้เชียวนะว่าติดพันนางแบบหน้าไหนอีก หึ... ผู้ชายมันก็เป็นแบบนี้ไปเสียหมด”
ปากก็บ่นไปพร้อมทั้งโยนโทรศัพท์ลงบนที่นอนแข็งๆ อย่างสุดแสนจะหงุดหงิด แล้วยิ่งภาพข่าวของยอดรักแวบเข้ามาในหัว ใจเธอก็ยิ่งร้อนรุ่มกระสับกระส่ายด้วยความริษยา พลันแผนการร้ายๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
“หึ นังยอดมันปากร้ายก็จริง แต่มันใจอ่อนขี้สงสาร หากเราจะไปขอความช่วยเหลือมันในฐานะเพื่อนเก่าที่สำนึกผิด มันก็ต้องให้โอกาสเรา... คราวนี้พอมันหลวมตัวเราก็ค่อยๆ จัดการมัน ผัวมันก็ทั้งหล่อทั้งรวย โอยยิ่งคิดก็ยิ่งอยากได้... ไอ้เด็กบ้านี่เมื่อไหร่จะออกมาดูโลกเสียทีวะ โอ๊ยยย... รออีกตั้งสามเดือน... เซ็งโว๊ยยย...”
สุดท้ายพิชฎาก็เฝ้าคิดแต่สิ่งที่บั่นทอนคนอื่นและหวังเพียงความสะดวกสบายของตนเป็นใหญ่
เธอจะต้องหาทางทำให้ตัวเองพ้นจากสภาพนี้โดยเร็ว...
