บทที่ 6. รุกเร้าเอาใจเธอมา...
กุ้งเต้นสังเกตอาการหน้าแดงของเพื่อนรักยามอยู่ต่อหน้าเจ้าของไร่หนุ่มที่ขยันทำตาหวานใส่ แต่สาวเจ้าก็ทำท่าเง้างอดงอนเดินหนีไปอย่างขัดเขินแล้วก็นึกขันที่สาวมั่นอย่างยอดรักมาตายน้ำตื้นกับมุกทื่อๆ ของอัคราที่เดินหน้าจีบเพื่อนรักของตนดื้อๆ ไม่มีฟอร์ม ไม่มีแอ๊บไม่มีแอบแฝง ไม่มีมาดซึ่งกุ้งเต้นก็ยอมรับว่าอัครานั้นเจ๋งจริง ทั้งที่ภาพลักษณ์ของยอดรักนั้นจัดได้ว่าเป็นนางแบบฝีปากกล้าและมั่นใจในตนเองสูงมากอีกทั้งก็ยังมีแต่ข่าวคาวในทางเสียหาย จนไม่อยากจะเชื่อว่ามีผู้ชายคนหนึ่งเฝ้ารักเฝ้ารอวันที่จะได้รักเพื่อนของเธออยู่ นับว่าเธอเข้าข้างคนไม่ผิดสินะ กุ้งเต้นมองดูชายหนุ่มที่เดินตามเพื่อนรักของตนยิ้มๆ อย่างอดปลาบปลื้มแทนเพื่อนรักไม่ได้
ความจริงแล้วยอดรักไม่เคยได้ระรานใครก่อนเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเธอที่เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่จำความได้นั้นเข้าใจดีว่าวงการมายานั้นเป็นอย่างไรข่าวนั้นเชื่อถือได้มากแค่ไหน สมัยแรกๆ ที่เข้าวงการนางแบบหน้าใหม่ที่พวกเธอถูกชักชวนจากนางแบบรุ่นพี่ซึ่งก็ได้ดิบได้ดีไปแล้ว และเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเดียวกัน ซึ่งตอนนี้พี่สาวคนนั้นก็เป็นคนใหญ่คนโตในวงการนางแบบของไทยและของโลกจนได้ฉายาว่า เจ้าแม่แห่งแฟชั่น หนุนนำยอดรักจึงมีวันนี้ได้อย่างงดงาม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยอดรักก็เป็นคนที่มีความตั้งใจจริงในการทำงาน มีความรับผิดชอบและอ่อนน้อมถ่อมตน จึงทำให้เธอเป็นที่รักของผู้ว่าจ้างงานและมันทำให้นางแบบไร้ระเบียบวินัยหลายคนริษยา แรกเข้าวงการยอดรักนั้นยังอ่อนหัดและไม่ทันเกมของใครทั้งยังขี้เกรงใจ และเห็นใจคนอื่นเสมอๆ แต่เมื่อเธอถูกเพื่อนๆ ในวงการแทงข้างหลังและแย่งงานบ่อยเข้า พูดถึงในแง่ไม่ดีบ่อยเข้า ยอดรักก็เรียนรู้ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง และเอาคืนคนที่พูดลับหลังตนเองเสียๆ หายๆ อย่างไม่เกรงใจชนิดตาต่อตาฟันต่อฟันจนเป็นที่มาของฉายา นางแบบผิวน้ำผึ้งอาบยาพิษ การที่ยอดรักเป็นคนของเจ้าแม่แฟชั่นทำให้ทุกคนต่างเกรงเธออยู่ไม่น้อย แต่ยอดรักก็ไม่เคยใช้อภิสิทธิ์นี้ไปข่มเหงใครหรือเอามันมาเพื่อของานใครทำ ซึ่งงานเดินแบบถ่ายแฟชั่นที่เข้ามาหายอดรักนั้นก็เพราะความสามรถของยอดรักเองล้วนๆ ข้อนี้กุ้งเต้นสามารถเอาหัวกะเทยถึกเป็นประกันได้เลยทีเดียว...
“นังยอดเอ๊ย คราวนี้หากไม่มีผัวก็ไม่มันรู้ไป ทำเป็นเล่นตัวไปเถอะแกพลาดจากคุณเด่นแล้วจะหาใครได้แบบนี้..” กุ้งเต้นนั่งจิบกาแฟอย่างอารมณ์ดี
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณกุ้งเต้น...” เสียงห้าวๆ ของพลดังขึ้นทำให้สาวเทียมร่างใหญ่หันไปมองผู้มาใหม่ด้วยใจเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ
“อ้าวคุณพล เอ่อ... มาพบคุณเด่นหรือคะ เพิ่งเดินออกไปเมื่อครู่นี้เองค่ะ”
“เปล่าหรอกครับ พอดีว่าผมจะมารบกวนคุณสักหน่อย”
เขาพูดพลางรั้งข้อมือเล็กๆ ใครบางคนซึ่งยืนหลบอยู่หลังกระถางไม้ประดับกระถางใหญ่ที่บังคนคนนั้นจนมิด แต่สุดท้ายก็เห็นพลจูงมือเด็กหญิงตัวผอมบางคนหนึ่งออกมาซึ่งเด็กหญิงมีท่าทางกลัวๆ กล้าๆ และดูจะขัดเขินเธอ...
“สวัสดีคุณอากุ้งเต้นสิน้องพราว”
“นี่ลูกสาวคุณพลหรือคะ น่ารักน่าชังดีนะคะ สวัสดีค่ะ ชื่อพราวหรือลูก..”
กุ้งเต้นพูดกับเด็กน้อยด้วยท่าทางอ่อนโยนไร้จริต ใบหน้าซึ่งแม้จะไม่ได้สวยงามเหมือนหญิงสาวจริงๆ นั้นฉายแววอ่อนโยนจริงใจแม่หนูน้อยนามว่าน้องพราวเปิดยิ้มให้เธออย่างเอียงอาย...
“สวัสดีค่ะ”
“ผมว่าจะมาฝากให้คุณช่วยดูน้องพราวสักวันน่ะครับ บังเอิญว่าพี่เลี้ยงของน้องพราวเขากลับบ้านต่างจังหวัดและผมก็จะไปทำธุระสำคัญให้คุณเด่น”
“โอ๊ย ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา ว่าแต่น้องพราวซนรึเปล่า หรือมีฤทธิ์อะไรไหมคะ บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่มีประสบการณ์การเลี้ยงเด็กมาก่อน”
“น้องพราวไม่ดื้อค่ะ...” เด็กหญิงตอบเสียงเบาดวงตากลมโตใสแจ๋วนั้นดูสดใสไร้พิษสง
“ถ้าอย่างนั้นผมไปแล้วนะครับคุณกุ้ง ฝากด้วยนะครับ พ่อไปนะน้องพราวงานเรียบร้อยแล้วพ่อจะรีบกลับมา”
“ค่ะคุณพ่อ..” เด็กหญิงหอมแก้มคุณพ่อตัวโตแล้วก็โบกมือให้ผู้เป็นพ่อแล้วหันมายิ้มอายๆ ให้หญิงสาวร่างใหญ่ตรงหน้า ทำให้กุ้งเต้นยิ้มให้เด็กน้อยอย่างอ่อนโยนจนแม่หนูคลายความเกร็งลง
“มานี่สิคะ น้องพราวทานอะไรมารึยัง...”
แล้วมิตรภาพเล็กๆ ระหว่างกะเทยร่างยักษ์กับเด็กหญิงตัวน้อยก็เริ่มขึ้น โดยที่กุ้งเต้นไม่รู้เลยว่าการได้รู้จักเด็กหญิงคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปอย่างน่าอัศจรรย์ใจ...
“รักครับ ยอดรัก รอพี่เด่นด้วยสิครับ...” อัคราเดินแกมวิ่งเหยาะๆ มาทันพอที่จะได้ขวางทางหญิงสาวที่ทำหน้าตึงใส่เขามาตั้งแต่เช้า ซึ่งเขารู้ดีว่าเจ้าหล่อนโกรธเขาเรื่องอะไร...
“ถอยไปนะคะ ฉันจะไปโรงทอ วันนี้จะไปดูลายผ้าให้น้องบี”
“ไม่ให้ไป หากรักไม่ยิ้มให้พี่เด่น ไม่พูดกับพี่เด่นดีๆ ก่อน”
“ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นกับคนบ้ากามด้วย...” ปากว่าเขาแต่ก็หน้าแดงขัดเขินขึ้นมาเสียเอง พูดอะไรไปมีอันต้องเข้าเนื้อตัวเองทุกที...
“ก็แหม... รักยั่วพี่เด่นก่อนนี่นาจะให้อดใจอย่างไรไหว...”
“อ๊ายยย คนบ้า นี่มาโทษเขาได้ยังไงกัน บ้าๆ นี่ๆๆ”
เมื่อเจอคำพูดห่ามๆ ซึ่งๆ หน้าของเขายอดรักถึงกับโผนเข้าไปทุบอกกว้างด้วยความขัดเขินทั้งอับอายเหลือกำลังในขณะที่อัคราหัวเราะร่วนหลบมือเล็กอย่างอารมณ์ดี อย่างน้อยๆ โดนทุบก็ดีกว่าเจอหน้าบึ้งตึงของเธอ...
“โอ๊ยๆ พี่เด่นช้ำในตายกันพอดี”
“หึ... หนังหนาขนาดนี้ไม่ตายง่ายๆ หรอกค่ะ...”
หญิงสาวเง้างอดค้อนเขาโดยลืมไปว่าตอนนี้เธอตกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของเขาเรียบร้อยโรงเรียนอัคราไปแล้ว...
“หากพี่เด่นเป็นอะไรไปจะร้องไห้ขี้มูกโป่งเสียดายพี่ล่ะไม่ว่า”
“ยี้ พูดเข้าข้างตัวเองหน้าไม่อาย แต่เอ๊ะ... นี่ปล่อยรักนะคะ คนอะไรฉวยโอกาสที่สุดเลย...”
ปากว่าเขาแต่ก็นึกได้ว่าตนเองอยู่ในอ้อมกอดอุ่นของเขา อ้อมกอดที่ทำให้เธออุ่นซ่านไปทั้งใจอย่างที่เคยนึกปรารถนาไว้ว่าวันหนึ่ง เธอจะได้รับการโอบกอดและปกป้องจากใครสักคน... และวันนี้เธอก็กำลังจะได้รับมันจากผู้ชายคนนี้ แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นเพียงความหลงใหลหรือภาพลวงตาให้เธอหลงไปเองหรือเปล่า... คนที่เร้นหลีกจากวงการมายามาพักใจอดหวั่นไม่ได้...
“หึหึ... สายไปแล้วล่ะคนสวย เพราะเมื่อถูกขังไว้ในกรงใจของพี่เด่นแล้วก็ออกยาก...”
ชายหนุ่มพูดทั้งยังสายตาหวานเยิ้มมาให้เธอจนหญิงสาวหน้าแดง ใครนะว่าคุณเด่น พี่ชายใหญ่แห่งบ้านดีแลนด์เป็นผู้ชายที่เงียบขรึมเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในไร่ในป่า ซ้ำยังปากร้ายขวานผ่าซากไม่สนใจใคร ไม่สนใจโลก แต่เท่าที่เธอเห็นและสัมผัสกับเขาด้วยตนเองกิตติศัพท์ที่ได้ยินมามันช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
ผู้ชายที่เห็น ที่ได้สัมผัสได้ตอนนี้คือผู้ชายช่างพูด ช่างเอาใจขยันทำให้เธอหน้าแดง ให้ขัดเขิน ที่สำคัญเขาทำให้เธอร้อนรุ่มและหนาวสั่นได้ในเวลาเดียวกัน และเหนือสิ่งอื่นใดคือ เขาได้ขโมยหัวใจเธอไปแล้วทั้งดวง...
“ปล่อยนะคะมากอดกันไว้แบบนี้จะเดินได้ไง เดี๋ยวใครเขาก็มาเห็นอายเขาตายเลย...”
หญิงสาวเง้างอดพยายามผลักอกแกร่งให้ห่างอกนุ่มของตนด้วยใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อรับรู้ถึงกระแสความร้อนที่ส่งผ่านมาจากร่างแกร่งของเขา
“ก็ใครจะมาเห็น คนงานทุกคนในไร่ถูกสั่งให้อยู่ห่างๆ เรา หากเจอยอดรักกับพี่อยู่ด้วยกันที่ไหนให้หลบไปไกลๆ ใครมาเสนอหน้าโดยไม่มีเรื่องสำคัญจะถูกไล่ออก...”
เขาบอกหน้าตาเฉยทำให้ยอดรักตาโตอย่างคาดไม่ถึง... ถึงว่าล่ะ เธอสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่ายามใดที่เธออยู่กับอัคราจะไม่ค่อยมีใครเข้ามาใกล้ ทุกคนจะค่อยๆ หลบฉากออกไปอย่างแนบเนียนหรือไม่ก็จะมีธุระด่วนทันที ที่แท้ก็เพราะคำสั่งของเขานี่เอง
“คนเจ้าเล่ห์...”
“ก็ไม่รู้ล่ะ เจ้านายจะจีบสาวทำเมียเสียที ใครมาขวางคนนั้นถือว่าซวยโดนไล่ออกไปที่มาขวางความสุขของเจ้านาย”
“คนอะไรพูดเอาแต่ได้ ใครเขาจะยอมเป็นเมียตัวเองกัน แฟนก็ยังไม่ได้เป็นเสียหน่อย..” หญิงสาวอุบอิบเปิดช่อง
“งั้นก็ไม่ต้องปงไม่ต้องเป็นแล้วฟงแฟน เป็นเมียเลยทีเดียว”
คนตัวโตกว่าก็พูดเอาแต่ได้ซ้ำยังทำหน้าขึงขังเหมือนจะน่ากลัวใส่เธออีกด้วย ยอดรักค้อนเขาแล้วค้อนอีกอย่างหมั่นไส้เต็มกำลัง ไม่เคยคิดเลยว่าตนจะมาเจอคนจริงที่เข้ามาจีบเธอทื่อๆ แล้วยังเข้าถึงเนื้อตัวเธอได้อย่างง่ายดายเพียงนี้...
เพราะอะไรกันนะเธอถึงได้ยอมเขาขนาดนี้หากเป็นคนอื่นคงโดนเธอเหวี่ยงวีนจนบ้านแตกหรือไม่ก็โดนชกหน้าหงายกับไปแล้วแต่นี่เธอกลับยินยอมให้เขาเสียทุกทาง ทำไมน่ะหรือ...
ก็เพราะเธอมีใจให้อัคราอย่างไรล่ะ เธอเองก็รักเขาเช่นกัน... เสียงกระซิบในใจบอกอย่างนั้น...
“คนบ้า พูดเองเออเองเสร็จสรรพ ไม่ถามกันสักคำว่าเขาอยากจะเป็นเมียตัวเองมั้ย”
“ไม่รู้ล่ะ พี่เด่นให้คุณแม่ไปสู่ขอยอดรักกับมาเซอร์ที่บ้านเด็กกำพร้าแล้ว และท่านก็ตกลงน้องๆ ที่บ้านเด็กก็ยินดีกับเราสองคนแล้วด้วย ทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้งงานแต่ง ชุดเจ้าสาว การ์ดแต่งงาน ของชำร่วย...”
“ฮ้า... อะไรนะคะ...”
ยอดรักเงยหน้ามองเขาตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน... นี่เขาพูดเรื่องจริงใช่ไหม เธอกำลังถูกเขาขอแต่งงาน หรือมัดมือชกกันแน่ หรือมันเป็นทั้งสองอย่าง...
“ก็ตามนั้น ยอดรักได้ยินไม่ผิดหรอก... แต่งงานกันนะครับยอดรัก ได้โปรดมาเป็นเมีย เป็นแม่ของลูกๆ เรา มาสร้างครอบครัวกับพี่เด่นเถอะนะครับ...”
อัคราเอ่ยปากขอดื้อๆ โดยที่คนถูกขอแต่งงานได้แต่ยืนนิ่งมองเขาเหมือนสิ่งประหลาดที่สุดในโลก... นี่เขาไม่ได้ล้อเธอเล่นใช่ไหม...
“เอ่อ คือ รัก... รักงง ไปหมดแล้ว คือ เราเพิ่ง...”
ยอดรักส่ายหน้าอย่างสับสน แล้วยิ่งอึ้งหนักเข้าไปอีกเมื่อเขาคุกเข่าตรงหน้าเธอพร้อมทั้งยืนดอกกุหลาบสีขาวหนึ่งดอกมาตรงหน้าเธอซึ่งมันดูคอตกๆ ชอบกล
“คือ.. พี่ซ่อนมันไว้ที่กระเป๋าหลังกางเกงกะว่าจะให้รักเมื่อเช้าแต่รักงอนพี่เดินหนีมามันเลยเหี่ยวๆ นิดหน่อย”
อัคราพูดเขินๆ ใบหน้าคมคร้ามแดดดูขัดเขินน่ารักน่าหยิกไม่น้อย แต่เธอต้องควบคุมตัวเองให้รู้เรื่องที่กำลังเผชิญก่อน ยอดรักบอกตัวเองอย่างหวั่นไหวและมึนงง...
“เรื่องนั้นรักไม่ซีเรียสหรอกค่ะ แต่อยากรู้ว่าสิ่งที่พี่เด่นพูดมาทั้งหมดนั้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไร มันไม่มีเหตุผล เราเพิ่งเจอกัน แล้วรักก็ว่า เอ่อ... คือ มันเร็วเกินไป...”
“ไม่เร็วเลย ยอดรัก... พี่รอยอดรักมาปีกว่าแล้วไม่รู้เหรอ นะครับแต่งงานกันเถอะ พี่เด่นรอไม่ไหว พี่รอไม่ได้อีกต่อไป ใจจะขาดแล้วยอดรักจ๋า... นะๆ แต่งงานกันเถอะนะๆๆ”
อัคราออดอ้อนทั้งยังเข้ามากอดเอวบางไว้แล้วแนบใบหน้าลงกับซุกซบกับร่างสาวหอมละมุน ยอดรักหน้าแดงก่ำหวั่นไหวทั้งขัดเขินทั้งตื้นตันใจทั้งอิ่มเอมใจปะปนกันไปหมด แต่ที่แน่ๆ เธอมีความสุขที่สุด...
“อุ๊ย... พี่เด่น ลุกขึ้นมาก่อนค่ะ ลุกสิคะคนบ้าอย่าทำแบบนี้นะ... อื้อ ไม่เอาลุกขึ้น...”
ยอดรักมองซ้ายมองขวาทั้งรั้งให้ร่างใหญ่ลุกขึ้นจากตรงนั้นเพราะกลัวว่าใครจะมาเห็นเธอกับเขาในสภาพนี้ แม้เขาจะบอกว่าสั่งทุกคนห้ามเข้ามาวุ่นวายก็เถอะ แต่เธอก็หวั่นไหวกับความใกล้ชิดของเขา...
“ไม่ลุกจนกว่ายอดรักจะตกลง...”
เขาทำเสียงงอแงได้น่าหมั่นไส้ที่สุด ยอดรักกลอกตามองฟ้าสดใสอย่างอ่อนใจแต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม...
“หากพี่เด่นไม่ลุกนะ รักจะไม่ตกลงแต่งงานด้วย...”
สิ้นคำพูดเธอชายหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วร้องเสียงดังลั่นทั้งกระโดดตัวลอยด้วยความยินดี...
“ไชโย้ ไชโย เย้ๆๆ ยอดรักตกลงแล้ว ยอดรักตกลงจะแต่งงานกับฉันแล้ว ไอ้เด่นจะมีเมียแล้วโว้ย...”
“พี่เด่น คนบ้า เบาๆ สิคะ แล้วใครบอกว่ารักจะตกลงแต่งงานกับพี่เด่นกัน ยังไม่ได้พูดสักคำ...” คนตัวบางหน้าแดงกับอาการดีใจจนโอเวอร์ของเขาทั้งค้อนเขาอย่างหมั่นไส้
“ก็ไม่รู้ล่ะ พี่ลุกแล้ว รักก็ต้องตกลงแต่งงานกับพี่สิ”
“อะไรกัน มาขอเขาแต่งงานด้วยกุหลาบขาวดอกเดียวแถมยังเหี่ยวๆ เนี่ยนะ กลางทุ่งหญ้าโล่งๆ มีม้าเล็มหญ้าอย่างสบายอารมณ์ด้วยนี่นะ ไม่เห็นจะโรแมนติกเลย หากรักตกลงแต่งงานด้วย มิต้องให้ม้ามาเป็นเพื่อนเจ้าสาวเหรอคะ...”
ยอดรักผายมือออกไปข้างๆ พร้อมทั้งมองไปรอบกายแล้วพูดเหมือนประชดเขาแก้เก้อ แต่เธอก็ยืนอยู่กลางทุ่งหญ้าที่มีเจ้าม้าหนุ่มสาวหลายตัวกำลังเล็มหญ้าอยู่อย่างสบายอกสบายใจ แต่ตอนนี้บรรดาม้าทั้งหลายตางยืนมองเขากับเธอเหมือนงงๆ และสงสัยว่าหนุ่มสาวกำลังคุยอะไรกัน ยิ่งตอนที่อัคราร้องดีใจพวกม้าต่างก็ร้องฮี๊ๆ ขานรับเหมือนรู้สึกรู้สมด้วยกระนั้น ยิ่งเจ้าดวงดีม้าหนุ่มที่เธอเคยขี่หลังมันมาแล้วนั้นยืดตัวยกขาหน้าขึ้นตะกายฟ้าด้วยท่วงท่าคึกคะนองยิ่งทำให้ยอดรักหมั่นไส้ทั้งคนทั้งม้ายิ่งนัก เหมือนกับว่าเขากับพวกม้าสมรู้ร่วมคิดกันไม่มีผิด คราวนี้ยอดรักโยนความผิดไปให้บรรดาเจ้าม้าเสียเลยด้วยไม่รู้จะแก้เก้ออย่างไรดี
“ความจริงพี่กำลังจะมาชวนรักไปสถานที่แห่งหนึ่งมากกว่า แต่รักก็งอนพี่เดินมาที่นี่ก่อนนี่นา พี่กลัวพลาดก็เลยชิงขอรักแต่งงานกันไว้ก่อนหากรักไม่ตกลงจะได้ฉุดเข้าบ้านขังไว้บนเตียงสักสองสามคืน...”
เขาพูดยิ้มๆ นัยน์ตาพราวแต่มันสื่อความหมายบ่งบอกว่าเขาพูดจริงทำจริงเลยทีเดียว...
“บ้าจัง นี่ไม่ใช่สมัยคนป่านะคะ พอใจใครจะได้ฉุดเขาเข้าถ้ำน่ะ”
“ไม่รู้ล่ะหากรักไม่ตกลง พี่เด่นจะทำแบบนั้นจริงๆ แต่เอาเถอะ มาถึงขนาดนี้แล้วพี่จะพารักไปที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ที่พี่ตั้งใจสร้างมันเพื่อยอดรัก หลับตาสิครับ...”
อัคราบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนใบหน้าหล่อเหลาที่มีไรหนวดเคราเขียวๆ นั้นช่างเต็มไปด้วยความรักที่ฉายชัดออกมาทั้งใบหน้าและแววตาจนเต็มเปี่ยม และยอดรักก็รับรู้มันได้อย่างง่ายดาย...
เพราะเธอก็รักเขาเช่นเดียวกัน ยอดรักบอกตนเองได้อย่างมั่นใจที่สุด...
