บทที่ 3. เบื้องหลังเสือหิว...
กุ้งเต้นยิ้มแหยๆ ให้เพื่อนรักที่เดินหน้าหงิกมาหาด้วยท่าทางเอาเรื่อง แต่ก็เหมือนมีมารหรือนางฟ้าเข้ามาขวางขัดหรืออย่างไรไม่ทราบได้เมื่อแม่บ้านสาวหน้าวอกเดินมาขวางยอดรักไว้ด้วยท่าทางที่เรียกว่า วอน... วอนหาเรื่อง...
“นี่หล่อน หยุดก่อน...”
น้ำเสียงที่แมวเรียกยอดรักนั้นถือว่าเป็นการเรียกจิกหัวเลยก็ว่าได้ ยอดรักยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้วยิ่งรู้สึกฉุนกึกจนอยากจะอาละวาด เพียงแต่ตอนนี้เธอยังมีสติดีอยู่ คนมีสติโชคดีทุกวันๆ ท่องไว้ยอดรัก... หญิงสาวบอกตัวเอง เพราะเธอไม่อยากจะเผชิญโชคร้ายเหมือนใครบางคนที่ยืนขวางเธอไว้...
“เป็นคางคกก็อยู่ส่วนคางคกนะคุณแม่บ้าน”
ยอดรักเหยียดยิ้มมองด้วยท่าทียียวนชนิดที่เรียกว่านางอิจฉาในละครน้ำเน่าชิดซ้ายเลยทีเดียว นางร้ายตัวจริงเสียงจริงตรงหน้าเธอก็เช่นกัน...
“แกว่าใครเป็นคางคกยะ”
“ก็ใครล่ะ ที่ชอบทำตัวตีเสมอนาย อยากขึ้นวอจนหางสั่น”
“ที่สำคัญ ไม่เคยตักน้ำใส่กะลาชะโงกดูเงาดูหนังหน้าตัวเองว่าเหมือนนางกุลาหน้าปรุไปทุกวันๆ ด้วย”
กุ้งเต้นได้ช่องเสริมขึ้นมายิ่งทำให้แมวรู้สึกเหมือนกำลังโดนรุม นี่เธอกำลังโดนรังแกชัดๆ แม่บ้านสาวคิดเข้าข้างตัวเองอย่างน่าสงสารทั้งที่ตนเดินมาหาเรื่องเขาเอง...
“กรี๊ดดด พวกหล่อนจะรุมฉันใช่ไหม อ๊ายยย ฉันจะฟ้องนายใหญ่ว่าพวกแกรุมด่าว่าและทำร้ายฉัน”
“โอ๊ย... นี่หล่อน หัดมองโลกให้กว้างๆ มั่งนะยะ นี่ไม่ใช่ละครน้ำเน่าหลังข่าวนะถึงจะได้มาเต้นเร่าๆ กระทืบเท้าระริกๆ เหมือนในละคร วุ้ย... นี่กะเทยหลงเข้ามาในยุคทีวีขาวดำรึไงนะ”
กุ้งเต้นซึ่งเห็นท่าทางเต้นกระทืบเท้าเร่าๆ และกรีดร้องเหมือนในละครน้ำเน่าที่นางร้ายมักทำตามบทในสมัยก่อนๆ ทำ ซึ่งสมัยนี้นางร้ายเขาพัฒนาไปไกลไม่แสดงท่าทางแบบนี้แล้ว เพราะนางร้ายสมัยนี้ยั่วผู้ชายเก่งเอาตัวเข้าแลกหรือบางบทบาทก็แรดเงียบ กุ้งเต้นก็คันปากอดไม่ได้จึงว่าเข้าให้
“แก.. พวกแก... ฝากไว้ก่อนเถอะ...”
แมวโกรธจนตัวสั่นแต่ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่ชี้หน้ายอดรักและกุ้งเต้นก่อนจะล่าถอยกลับไปเมื่อเห็นท่าทางไม่ยอมลงให้ตนของทั้งสองสาวที่กอดอกมองเธออย่างท้าทาย...
“เอ้อออ... มาเอาคืนเร็วๆ ด้วยล่ะ ฉันขี้เกียจแบกความขี้อิจฉาของใครไว้นานๆ มันหนัก”
ยอดรักตะโกนตามหลังอย่างขุ่นขวางก่อนจะหันมาถลึงตาใส่กุ้งเต้น
“ส่วนแก นางกุ้งยักษ์ แกตายแน่ๆ”
ว่าแล้วเธอก็วิ่งไล่ทุบกุ้งเต้นซึ่งรู้ตัวว่าจะโดนดีจึงวิ่งหนีกำปั้นของเพื่อนรักไปก่อน สองสาวจึงวิ่งไล่ทุบกันเหมือนเด็กๆ เสียมากกว่าทั้งเสียงร้องวี๊ดว้ายของกุ้งเต้นก็ทำให้ดูครึกครื้นมากกว่าจะจริงจัง... อัคราซึ่งยืนมองพวกเธออยู่บนระเบียงกว้างก็ได้แต่หัวเราะขบขันไปด้วย...
“พวกเธอน่ารักดีนะครับเจ้านาย...”
“ใช่ น่ารัก ยอดรัก... น่ารัก..” อัคราเออออไปกับเสียงห้าวๆ ของ พล ลูกน้องคนสนิท
“แล้วนายก็รักคุณยอดรักด้วยใช่ไหมครับ”
“ใช่ ฉันรักเธอ... เฮ้ย ไอ้พล ไอ้หอกหัก แกนี่มัน...”
อัคราพูดด้วยท่าทางลอยๆ เหมอทนละเมอก่อนจะรู้สึกตัวหันมาตวาดลูกน้องคนสนิทอย่างขัดเขินเหลือกำลังครั้งจะแก้ตัวก็ไม่ได้เมื่อเห็นแววตารู้ทันของพล...
“แหะๆ พลขอโทษคร้าบ ที่แอบมาเสือกเรื่องของเจ้านาย แต่บอกได้เลยว่างานนี้ไอ้พล สนับสนุนนายเต็มที่ และยินดีช่วยเหลือทุกอย่างขอแค่นายสั่งมา...”
“แกอย่าทำเป็นรู้มาก เก่งมากเลยว่ะ ฉันละหน่าย”
“โธ่ นายครับ ผมช่วยได้จริงๆ นะ เอาเป็นว่าหากนายอยากได้คุณรักเป็นแฟนเป็นเมียเร็วๆ ผมยินดีช่วยทุกอย่างเลย”
“ให้มันจริงเถอะ ไม่ใช่พอจะไหว้วานอะไรหายหัว...”
“ไอ้พลเอาหัวเป็นประกันเลยครับเจ้านายยย งานนี้ไอ้พลช่วยจนตัวตายเลย...” พลเข้ามาเกาะแขนอัคราทำท่าตาใสๆ วิ้งๆ ใส่เจ้านายหนุ่มอย่างทะเล้น
“แหม... ไอ้นี่เล่นด้วยแล้วปีนเกลียว ประเดี๋ยวพ่อเตะกระเด็น”
“โห... เจ้านายก็ล้อเล่นนิดหนึ่งก็ไม่ได้ หากเจ้านายอยากให้ทุกอย่างลงตัวลงล็อกเร็วๆ ก็ต้องอาศัยมุก มุกเกี้ยวสาวนะครับจะมายืนแอบมองเขาแบบนี้เสียเวลาเปล่าๆ นา...” พลกล่าวด้วยสีหน้าท่าทางมั่นใจซึ่งเจ้านายหนุ่มที่ไม่เคยจีบสาวเสียทีเพราะมีแต่สาวๆ วิ่งเข้าหา
“ไอ้พล แกนี่รู้ดีทุกเรื่อง สาระแนตลอด...” อัคราพูดพลางส่ายหัวกับลูกน้องจอมรู้มากแต่ในใจเขาก็คิดว่าพลพูดถูก เขาจะต้องรุกและใช้มุกเกี้ยวสาวแบบให้เจ้าหล่อนตกหลุมรักเขาเร็วๆ และชนิดที่ถอนตัวไม่ขึ้นด้วย... แล้วจะเอาแบบไหนดีล่ะ และจะรุกแบบไหนดี...
อัครายืนยิ้มอยู่คนเดียวอย่างยินดีปลื้มเปรมหลังจากที่คุยกับมารดาแล้ว เพราะรู้สึกว่าการครั้งนี้ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากนางอย่างไม่ต้องสงสัย และคำตอบของมารดาทำให้เขามั่นใจที่จะเดินหน้าตามแผนของตน ทางสะดวก.. ทุกอย่างลงตัวแถมผู้ใหญ่ยังเปิดทางและรู้เห็นเป็นใจขนาดนี้เขาเดินหน้าไม่ถอยอยู่แล้ว...
แม่อยากได้หนูยอดรักเป็นสะใภ้ใหญ่ เด่นทำได้ไหมลูก... นั่นคือคำพูดของมารดาที่ยังก้องอยู่ในหัว...
ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนที่นอนกว้างซึ่งว้าเหว่มานานด้วยความรู้สึกอิ่มเอมหัวใจ อีกไม่นานเขาจะมีคนนอนเคียงข้างบนเตียงนี้ ทั้งยามหลับและยามตื่นเขาจะได้เห็นหน้าเธอทุกวันโดยไม่ต้องแอบติดตามข่าวคราวของเธอ ไม่ต้องสร้างสถานการณ์กระชากหน้ากากของใครหรือหลบๆ ซ่อนๆ ที่จะประกาศตนให้รู้ว่าเขา รักเธอมากแค่ไหน...
อัครารู้เรื่องราวของยอดรักมาเสมอนับตั้งแต่เขาได้จูบเธอในวันนั้น เขารู้ว่ายอดรักมีคนรักมีคู่หมั้นและมีเพื่อนรักอีกคนที่แอบที่คิดไม่ซื่อกับเธอ เขาจึงทำทุกอย่างเพื่อให้คนทั้งสองที่กำลังหักหลังเธอเผยธาตุแท้ออกมา...
อาทิตย์ เป็นผู้ชายเจ้าสำอางที่เจ้าชู้และสร้างภาพว่าตนเองนั้นร่ำรวยไฮโซทั้งที่เขาไม่มีอะไรเลยนอกจากหน้าตาที่หล่อเหลาต้องตาต้องใจคนมอง เขาคบกับยอดรักเพื่อหวังปอกลอกเท่านั้นและที่เข้ามาพัวพันกับยอดรักซึ่งเป็นนางแบบชื่อดัง ก็เพื่อให้ตนเองมีข่าวและมีชื่อเสียงตามไปด้วย เพราะแม้เขาเองก็เป็นนายแบบที่หน้าตาหล่อเหลารูปร่างดีแต่ก็ไม่ค่อยจะมีชื่อเสียงเพราะมีชื่อเสียเสียมากกว่า
เนื่องจากอาทิตย์ไม่มีความรับผิดชอบทั้งยังชอบเที่ยวเตร่และหยิ่งผยองจึงไม่ค่อยมีใครอยากจะจ้างงาน เมื่อมีข่าวกับนางแบบดังทุกคนก็ต้องสนใจในตัวอาทิตย์และยิ่งได้เป็นยอดรักเป็นคู่หมั้น งานและเงินก็หลั่งไหลเข้ามาทำให้อาทิตย์กลายเป็นนายแบบเนื้อหอมไปในบัดดล...
ในขณะที่ พิชฎา เพื่อนสาวคนสนิทที่เรียนมาด้วยกันกับยอดรักนั้นก็ร้ายไม่ใช่น้อย พิชฎาเป็นหญิงสาวหน้าตาดีเรียบร้อยอ่อนหวานซึ่งเรียกได้ว่าดูเหมือนจะคนละขั้วกับยอดรักเลยก็ว่าได้ เธอเป็นครูสอนเด็กอนุบาลผู้อ่อนหวานอ่อนโยนน่ารักในสายตาของทุกคน แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าพิชฎานั้นล่ะคือนางมารร้ายตัวจริง
พิชฎาเป็นคนมักใหญ่ใฝ่สูงทะเยอทะยาน และเฝ้าอิจฉาริษยายอดรักมานานปี และเจ้าหล่อนก็รอเวลาที่จะทำลายยอดรักมาตลอด เมื่อยอดรักเป็นแฟนกับอาทิตย์ซึ่งเป็นชายหนุ่มที่ตนหมายตาพิชฎาก็เริ่มเผยธาตุแท้ออกมา...
พิชฎาพยายามจะทอดสะพานให้อาทิตย์ในขณะที่ยอดรักเดินทางไปถ่ายแบบต่างจังหวัดหรือไปต่างประเทศกับกุ้งเต้น ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและผู้จัดการส่วนตัวของยอดรัก จนทั้งคู่แอบได้เสียกันทั้งยังหลอกลวงยอดรักให้ร่วมทำธุรกิจร้านอาหารด้วยกันแต่จริงๆ แล้วทั้งคู่นั้นเอาเงินทุนที่ยอดรักให้มาปรนเปรอบำรุงบำเรอตนเองอย่างไร้ยางอาย
ทั้งพิชฎาเองก็ยังแอบมีความสัมพันธ์กับเจ้าของโรงเรียนที่เธอสอนอยู่เพื่อให้ตนเองได้เลื่อนตำแหน่งและเพิ่มขั้นเงินเดือน และเมื่อภรรยาของเจ้าของโรงเรียนจับได้ว่าเธอแอบตีท้ายครัวพิชฎาจึงถูกไล่ออก และอาทิตย์คือเสาหลักที่เธอจะต้องจับให้อยู่หมัด พิชฎาจึงปล่อยให้ตนเองตั้งครรภ์เพื่อจับอาทิตย์และสร้างเรื่องขึ้นมาว่ายอดรักเป็นคนแย่งสามีของตน เพราะเธอกับอาทิตย์นั้นรักกันมานานและเธอก็กำลังตั้งท้องลูกของเขาอยู่...
แน่นอนว่ายอดรักต้องเสียใจที่ถูกเพื่อนรักและคนรักหักหลัง หลอกลวง แต่เมื่อเขามีข้อมูลและหลักฐานว่าคนทั้งสองนั้นคิดไม่ซื่อกับยอดรักอย่างไรบ้างและความเน่าเฟะของคนทั้งคู่นั้นมีมากแค่ไหน มันก็ถูกส่งต่อไปให้ยอดรักได้รับรู้ผ่านนักข่าวหัวเห็ดคนหนึ่งซึ่งเขาได้จ้างวานให้ติดตามทำข่าวของพิชฎาและอาทิตย์มาตลอด ให้ยอดรักได้เห็นถึงความไม่ซื่อสัตย์และความริษยาของพิชฎาที่มีต่อตัวเธอ
เขารู้ดีว่ายอดรักอาจจะเจ็บปวดกับการกระทำของคนทั้งคู่ แต่เพื่อให้ยอดรักได้รับรู้ถึงความเลวร้ายของหญิงร้ายชายเลวของพิชฎาและอาทิตย์เขาจึงต้องเสี่ยง ซึ่งเขาเองยังนึกชื่นชมจิตใจของยอดรักที่ยังเข้มแข็งและยืนหยัดมาได้โดยที่ไม่ตีโพยตีพายหรือคิดสั้นทำร้ายตัวเอง...
ยอดรักกลับสงบและควบคุมอารมณ์ได้อย่างดี ซึ่งมันทำให้เขามั่นใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องและดีต่อเธอ... ตอนนี้เธอก็มาอยู่ใกล้ๆ เขาแล้ว เมื่อลูกกวางตัวน้อยๆ หลงเข้ามาในดงเสือหิวขนาดนี้แล้วเขาจะปล่อยให้ลูกกวางแสนสวยลอยนวลได้อย่างไร...
“ยอดรัก... เธอคือยอดรักของฉัน ยอดรักของพี่เด่น...” อัครายิ้มกับตนเองด้วยความสุข...
ยอดรักกับกุ้งเต้นกลายเป็นขวัญใจของคนทั้งไร่เมื่อหญิงสาวสวยที่นายใหญ่แห่งไร่อัคราพามาเยี่ยมชมไร่มันสำปะหลัง ฟาร์มเลี้ยงม้าและโรงทอผ้าไหมอันลือชื่อของดีแลนด์ซิลด์ ยอดรักนั้นตื่นเต้นมากเมื่อเห็นกระบวนการทอผ้าไหมที่เธอเคยใส่เดินแบบให้กับดีแลนด์ซิลด์มานับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งมาเห็นการเลี้ยงไหมและการทอผ้าทุกขั้นตอนเช่นนี้เธอก็ยิ่งรู้สึกรักและภูมิใจในความเป็นไทย ได้สวมใส่ผ้าไหมไทยอันงดงามให้คนทั้งโลกได้ชื่นชมความของมันผ่านเรือนร่างของเธอ
ดังนั้นทุกๆ วันที่อยู่ในไร่อัคราเธอจึงสวมใส่ซิ่นผ้าไหมอย่างมั่นใจและยังสวมใส่ได้งดงามไม่เคอะเขินจนสาวๆ ในไร่ต่างพากันสวมใส่ผ้าซิ่นตามแบบเธอกันทุกคน และยังสร้างกระแสการนุ่งซิ่นให้เป็นที่ชื่นชอบของคนในพื้นที่ ซึ่งปกติแล้วจะใส่เฉพาะคนเฒ่าคนแก่และผู้ที่ทำงานในองค์กรหน่วยงานภาครัฐที่สวมใส่กันเฉพาะวันใดวันหนึ่งในสัปดาห์การทำงานเท่านั้นมาเป็นใส่กันแทบทุกวันและใส่กันแทบทุกคน
คนรุ่นใหม่ๆ ต่างก็พากันนุ่งซิ่นกันอย่างสนุกสนานงดงามและปรับประยุกต์ได้ตามใจชอบตามสมัยนิยมได้อย่างลงตัวอีกด้วย และผ้าไหมผ้า ผ้าฝ้ายทอมือของโรงทอดีแลนด์ซิลด์ก็ขายดิบขายดีทั้งในและต่างประเทศจนแทบจะผลิตกันไม่ทันเลยทีเดียวทำให้เกิดการจ้างงานและกิจการของโรงทอเจริญเติบโตรวดเร็วได้อย่างไม่น่าเชื่อ...
“ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเธอจะเชี่ยวชาญการนุ่งซิ่นขนาดนี้ ท่าทางเหมือนม้าดีดกะโหลกไม่น่าจะทำได้เลย...”
ไม่วายที่ปากเจ้ากรรมพูดอะไรออกไปให้ขัดหูเจ้าหล่อนซึ่งหันมาทำตาเขียวๆ ใส่เขา อัคราอยากจะหาอะไรมาครอบปากตัวเองเสียจริงๆ ทั้งที่ตั้งใจว่าตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นี่เขาจะไม่ปากเสียและจะต้องขยันหว่านเสน่ห์ใส่ยอดรัก ทำให้เจ้าหล่อนเห็นความดีเขาให้ได้เพื่อครอบครองหัวใจของเธอ...
“นี่คุณ หากพูดดีๆ ไม่ได้ก็หุบปากไปเลยดีกว่า...”
ยอดรักค้อนเขาแล้วสะบัดหน้าเดินหนีเขาอย่างเง้างอด ผู้ชายอะไรนึกว่าเขาจะปรับปรุงปากให้ดีขึ้นแต่สุดท้ายก็แขวะเธออยู่เรื่อยเชียว...
“รัก ยอดรัก... พี่ขอโทษ...”
อัคราวิ่งเหยาะๆ มาขวางเธอไว้แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนคนฟังหยุดนิ่งด้วยหัวใจพองโตกับสรรพนามที่เขาเรียกเธอ...
“ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังเลย คราวก่อนก็ว่าฉันเป็นตัวเงินตัวทอง แหม... เปรียบเทียบได้ดีมาก นี่หากว่าฉันไม่ได้งานในตำแหน่งประชาสัมพันธ์ของที่นี่ตามคำขอร้องของคุณแม่ดารานะ ฉันกลับกรุงเทพฯ ไปนานแล้ว”
ยอดรักเชิดหน้าบอกเขาเรือนผมซอยสั้นที่เริ่มยาวปลิวไสวตามแรงลมเอื่อยๆ เย็นสบายดูเป็นธรรมชาติใบหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางแต่งแต้มฉูดฉาดเหมือนตอนที่เธอขึ้นปกนิตยสารนั้นสดใสเปล่งปลั่งราวเด็กสาวแรกผลิจนคนมองเผลอไผลเกือบลืมไปว่ากำลังคุยเรื่องอะไรกับเธออยู่...
“โธ่... พี่ขอโทษ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะว่ารักนะครับ นี่คือคำชมจริงๆ นะ”
“เหอะ... น่าปลื้มตายล่ะ หลีกไปเลย...”
หญิงสาวผลักอกกว้างเพื่อให้เขาหลีกพ้นทางของเธอแต่กลายเป็นว่าเขายึดข้อมือบางไว้แน่นทั้งยังรั้งให้เธอเซเข้าไปใกล้เขาในระยะที่แทบจะได้ยินหัวใจเธอเต้นอีกด้วย
ยอดรักหน้าแดงก่ำพยายามขืนร่างไว้แต่ก็จนใจเมื่อเขาตวัดเอวบางไว้ด้วยวงแขนอีกข้าง หญิงสาวเงยหน้ามองเขาด้วยความตระหนกตื่นเต้นและรับรู้ได้ในตอนนี้เองว่าอัครานั้นตัวสูงใหญ่กว่าเธอมากขนาดว่าเธอสูงกว่ามาตรฐานหญิงไทยยังต้องเงยหน้ามองเขา และเนื้อตัวของเขาก็แข็งแกร่งไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงเยี่ยงบุรุษพึงมีที่สำคัญมันทำให้หัวใจเธอสั่นไหวอย่างน่าโมโห...
“นี่คุณ... ปล่อยนะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าฉันเสียหายนะ”
“ไม่มีใครเห็นหรอก ตรงนี้เป็นสถานที่ส่วนตัวของพี่ ไม่มีใครเข้ามาหรอก”
เขาพูดขณะรั้งให้เธอแนบชิดก่อนจะหมุนกายให้แผ่นหลังบางพิงกับต้นไม้ใหญ่ที่กิ่งก้านแผ่สาขาโน้มลงมายังพื้นดินราวกับซุ้มม่านกำมะหยี่สีเขียวให้ความสดชื่นร่มรื่นเย็นสบาย
แต่ใจของเธอนี่สิมันเต้นแรงเร็วจนเหมือนหัวใจจะวาย และไม่ได้รู้สึกรื่นรมย์เลยสักนิด มันหวิวๆ เหมือนจะลอยล่องไปนอกโลกมากกว่า...
“นี่คิดจะรังแกกันรึไง...”
ยอดรักพยายามทำเสียงแข็งใส่เขาทั้งที่ในใจรวมไปถึงแข้งขาของเธออ่อนเปลี้ยเพลียแรงตั้งแต่ที่เขาเรียกตัวเองว่าพี่กับเธอแล้ว
“โธ่ ยอดรักจ๋า เห็นพี่เด่นเป็นคนยังไงกันครับ..” อัคราพูดเสียงนุ่ม
อ๊ายย ผู้ชายอะไรทำหน้าทำเสียงออดอ้อนได้น่ารักน่าหยิกจริงๆ นี่ขนาดว่าหน้าตายังรกด้วยหนวดเคราเขายังน่ารักขนาดนี้แล้วถ้าเขาโหนหนวดเคราแล้วเขาจะทำหน้าได้น่ารักขนาดไหน... อ๊ายย นี่เธอกำลังคิดอะไรน่ะนางยอด... หญิงสาวกรีดร้องในใจที่ไหวระรัว
“ตะ แต่..”
“ใครว่าพี่เด่นจะรังแกยอดรักล่ะครับ พี่เด่นก็แค่จะแก้ไขนิสัยปากเสียต่างหากเลยต้องหาตัวช่วย”
“บ้า ปากใครก็ปากมันสิ ใครจะไปช่วยใครได้ อย่ามาหลอกเต๊ะอั๋งกันเชียว”
“ใครว่าช่วยไม่ได้ รักช่วยพี่ได้สิ รับรองเลยว่าถ้ารักช่วยพี่กำจัดน้องหมาในปากผู้ชายคนนี้จะไม่ปากเสียอีกต่อไป..” อัคราพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ดวงตาคมสีน้ำเงินเข้มดูพราวพรายจนยอดรักใจสั่นรู้สึกขัดเขินขึ้นมาทันที
“ไม่รู้ไม่ชี้ น้องหมาในปากใครมีเยอะก็ไปกำจัดกันเองสิ”
“ไม่ได้หรอกเรื่องนี้พี่เด่นต้องให้รักช่วย ช่วยแบบนี้ไง...”
ไม่ทันที่ยอดรักจะได้ตั้งตัวหรือเข้าใจความหมายของเขา ริมฝีปากหยักสวยแบบบุรุษที่ห้อมล้อมด้วยหนวดรกๆ ก็โน้มลงมาทาบลงบนกลีบปากสาวที่กำลังจะทักท้วงอย่างทันที
ยอดรักตัวแข็งทื่อรู้สึกเหมือนเลือดในกายเย็นเฉียบไปชั่วขณะก่อนที่มันจะรุมร้อนขึ้นมาอย่างรวดเร็วและความร้อนนั้นก็แล่นพล่านไปทั้งกายสาว หญิงสาวรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เธอยกมือขึ้นลูบไล้อกแกร่งและคำคอแข็งแรงของเขาอย่างเผลอไผลและเปิดปากให้เรียวลิ้นร้อนของเขาเข้าไปสำรวจดูดซับความหวานจากโพลงปากสาวของตนอย่างเต็มอกเต็มใจ ทั้งยังจูบตอบเขาอย่างเงอะๆ งะๆ อีกด้วย
ยอดรักหลับตาลงอย่างยอมแพ้กับความอ่อนเดียงสาของตนในเรื่องนี้ในขณะที่อัคราครางเบาๆ ในลำคออย่างพอใจเมื่อเธอจูบตอบเขาอย่างน่ารักแม้จะเงอะงะไปบ้าง แต่มันทำให้เลือดหนุ่มร้อนระอุจนปวดร้าวไปทั้งแก่นกายแกร่งซึ่งตื่นตัวอย่างง่ายดายเพียงแค่ได้กลิ่นกายหอมกรุ่นจากนวลเนื้อนาง...
มือหนาสอดเข้าไปในชายเสื้อแขนกุดตัวสวยเพื่อลูบไล้เนื้อนางนุ่มละมุนมือ ผิวของเธอนุ่มลื่นราวผ้าไหมที่สวมใส่ กลิ่นกายสาวหอมอ่อนๆ ด้วยน้ำหอมชั้นดีผสมผสานกับกลิ่นสาบสาวกระตุ้นให้เขาอยากจะกระชากซิ่นตัวสวยออกจากสะโพกมนแล้วทำอย่างที่ใจปรารถนา แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงลูบไล้เอวบางอ้อนแอ้นกับสะโพกกลมกลึงอย่างหลงใหลและจูบเธอให้สมกับที่รอคอยเพียงเท่านั้นก่อน...
อัคราถอนปากออกมาอย่างแสนเสียดายเมื่อรู้ถึงความไม่เหมาะสมกับสถานที่และเขาต้องยั้งใจไม่ให้ล่วงเกินเธอมากกว่านี้ แค่ในตอนนี้เท่านั้นล่ะ... ชายหนุ่มบอกตัวเองอย่างเอาแต่ใจ...
“ยอดรักจ๋า อย่าทำหน้าแบบนี้ต่อหน้าพี่เด่นได้หรือเปล่า...”
เสียงกระซิบของเขาทำให้หญิงสาวที่หลับตาพริ้ม เผยอริมฝีปากบวมเจ่อน้อยๆ เหมือนจะชวนเชิญให้เขาจุมพิตเธออีกครั้งลืมตามองเขาตาโตด้วยความขัดเขิน...
“คุ คุณ... คนบ้า นี่แน่ะๆๆ”
ยอดรักแก้เก้อด้วยการทุบอกกว้างอย่างโมโหระคนขัดเขินที่สุดในชีวิตแต่มือน้อยก็ถูกรวบไว้อย่างง่ายดายด้วยมือเพียงข้างเดียว ตอนนี้ยอดรักรู้สึกเหมือนตนเองตัวเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับเขา...
“เอ๊า ทุบให้พอใจแต่บอกไว้ก่อนนะว่านี่แค่มัดจำ” เขาพูดหน้าตาตายเหมือนไม่ได้เพิ่งจูบเธอเลยสักนิด
“มัดจำอะไร คุณอย่ามาพูดมั่วๆ นะ แล้วก็ปล่อยเขาด้วย”
”ก็มัดจำว่า ยอดรักจะไม่จูบกับใครนอกจากพี่ไง”
“อ๊าย... คนบ้า ทำไมฉันจะต้องทำอย่างนั้นด้วย ไร้เหตุผลสิ้นดี”
ยอดรักแย้งหน้าแดง นี่มันคนละเรื่อง คนละทาง คนละอย่างกับสิ่งที่เธอคาดหวังว่าจะได้คำตอบ มันคนละเรื่องเดียวกันอย่างสิ้นเชิง อะไรของเขากันเนี่ย...
“ไม่รู้ล่ะ นี่ถือว่าเป็นจูบมัดจำว่ายอดรักจะเป็นว่าที่เจ้าสาวของพี่เด่น เอาล่ะเรากลับบ้านกันเถอะ...”
พูดจบเขาก็เดินนำหน้าเธอไปก่อนทั้งยังผิวปากเป็นเพลงรักอย่างสบายอารมณ์โดยที่เธอได้แต่อ้าปากค้างยืนมองเขาอย่างงงงวย ไม่เข้าใจเลยว่าตนเองกำลังเจอกับอะไรและเขากำลังทำอะไร
แล้วนี่มันเรื่องอะไรกัน เธอถูกเขาจูบมัดจำ แล้วเขายังจับจองเธอเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขาอีกด้วย โอย... นังยอดงง งง และไม่เข้าใจ...
ยอดรักยืนงงอยู่ตรงนั้นเป็นนานจนเขาตะโกนบอกเธอว่าตรงนี้ตอนค่ำๆ งูจะชุมมาก ทำให้เธอต้องรีบเดินเร็วๆ ตามหลังเขาไปอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงทั้งที่ยังงงไม่หายอยู่นั่นเอง...
