บทที่ 14. ตามเก็บกวาด
ข่าวของพลกับกุ้งเต้นนั้นโด่งดังไปทั้งอำเภอและความรักของพวกเขาก็ทำให้ทุกคนต่างยอมรับและมาแสดงความยินดีแม้แต่คนที่เคยพูดจาดูถูกถากถางพวกเขาไว้ ก็ได้มาขอโทษและแสดงความยินดีไปกับพวกเขาด้วยในวันผูกข้อไม้ข้อมือของพลกับกุ้งเต้น...
นายใหญ่แห่งไร่อัครานั้นจัดพิธีการให้อย่างเอิกเกริกแม้จะไม่ได้จัดเป็นงานแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่อลังการแต่ก็เต็มไปด้วยความครึกครื้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะรอยยิ้มแห่งความสุขของทุกคน ยกเว้นคนสองคนที่ถึงกับอยากจะคลั่งอกแตกตายเสียให้ได้...
“ไหนว่าปล่อยข่าวแบบนี้แล้วจะกำจัดนังกะเทยควายนั่นได้ไงล่ะ ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ”
พิชฎาแผดเสียงใส่แมวหลังจากที่ทั้งสองหลบเข้ามาเก็บตัวอยู่ในห้องของพิชฎาในขณะที่คนงานต่างพากันไปดื่มกินฉลองงานมงคลของกุ้งเต้นกับพลกันอย่างสนุกสนาน
“ก็ใครจะไปคิดล่ะว่าไอ้พลมันจะชอบไม้ป่าเดียวกัน... ก็มันแมนทั้งแท่งแบบนั้น”
“แต่เธออยู่มานานก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นคนยังไง แล้วทีนี้เราจะกำจัดนางยอดก็ไม่ง่ายล่ะสิในเมื่อนังเพื่อนรักมันอยู่ข้างๆ แถมตอนนี้คนงานก็แห่ชื่นชมพวกมันราวนางฟ้านางสวรรค์”
“ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องใช้แผนสำรอง...”
“ฉันไม่ได้อยากทำแบบนั้นเลยนะ มันอันตรายเกินไป”
“นี่อย่าบอกนะว่าเธอเกิดกลัวขึ้นมา”
“เปล่า เพียงแต่ว่าหากนังยอดมันเป็นอะไรมากไปกว่านั้นแล้วจะมีหลักฐานสาวมาถึงตัวเราต่างหาก เพราะนังกะเทยควายมันยังอยู่หากเกิดอะไรขึ้นมันจะต้องสงสัยฉันแน่ๆ เพราะมันเกลียดฉันจะตายไป” พิชฎากระแทกเสียงอย่างอารมณ์เดือดพล่านเมื่อแผนกำจัดกุ้งเต้นไม่ได้ผล
“เราก็ทำแบบเนียนๆ เหมือนให้มันเกิดอุบัติเหตุสิ หรือบางทีเธอก็น่าจะทำให้มันเข้าใจผิดไปเลย ซึ่งหากจะทำให้มีการเข้าใจผิดมันก็มีสองทางให้เลือกไม่ใช่เหรอที่สำคัญ เราสองคนก็จะหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาด้วย...”
“ใช่แล้ว... จริงๆ ด้วย เธอนี่ฉลาดกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีกแน่ะแมว... ฉันลืมไปเลยนะเนี่ย หากเธอไม่เตือนสติฉัน แหม... ฉันนี่แย่จังมัวแต่คิดเรื่องนังกุ้งเต้นจนลืมใครอีกคนไป...”
สองอสรพิษหันมายิ้มใส่ตากันอย่ามีเลศนัยชั่วร้าย ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็คิดจะหลอกใช้กันและกัน...
พิชฎามองหน้าอาทิตย์อย่างชิงชังหากว่าเธอไม่ต้องการตัวช่วยเธอจะไม่มีวันมาพบเจอผู้ชายอย่างเขาเป็นอันขาด แต่แผนนี้เธอต้องพึ่งพาเขา และมันจะต้องสำเร็จที่สำคัญเธอจะได้แก้แค้นผู้ชายตรงหน้าด้วย ผู้ชายที่หลอกใช้และไถเงินจากผู้หญิงทำตัวหน้าตัวเมียแบบอาทิตย์ควรจะได้รับบทเรียนเสียบ้าง...
“หึหึ.. แผนเธอนี่สุดยอดไปเลย ว่าแต่พวกนั้นจะหลงกลเธอแน่เหรอ...”
“แน่นอนสิ เธอแค่ทำตัวให้เป็นปกติ ปลอมตัวเป็นคนงานเข้าไปก่อน ส่วนเรื่องเวลาและสถานที่เดี๋ยวฉันกับแมวจะบอกเธอทีหลังแต่เรามาเตรียมแผนกันไว้ก่อนให้แน่นอนจะได้ไม่ผิดพลาด...” พิชฎาบอกอย่างมั่นใจ
“จริงๆ แล้วคุณอาทิตย์ก็แค่ทำตามแผนที่เราวางไว้ ส่วนเรื่องอื่นๆ เราจะจัดการเองค่ะ เมื่อสำเร็จแล้ว คุณอาทิตย์อยากได้อะไร รับรองว่าเหมือนเสกได้...”
แมวเสริมเพื่อสร้างความละโมบให้เกิดในใจของเขา อาทิตย์ปรายตามองแมวอย่างมีความหมาย สายตากรุ้มกริ่มสำรวจหญิงสาวตรงหน้าอย่างหมายมาด ซึ่งแน่นอนว่าไม่พ้นคืนนี้เขาจะต้องได้นอนกับเธอเขามั่นใจพันเปอร์เซ็นต์...
“ถ้าเธอสองคนรับปากมั่นเหมาะขนาดนั้นฉันก็เพียงแค่รอเวลาสินะ...”
“ใช่... แต่ตอนนี้เราต้องไปแล้ว แต่แมว... เธอมีอะไรจะแนะนำเขาเกี่ยวกับการปลอมตัวเข้าไปในไร่ไม่ใช่เหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะ จะได้ไม่มีใครสงสัย...”
พูดจบพิชฎาก็เดินออกไปจากห้องพักของบังกะโลที่มีความเป็นส่วนตัวอยู่มากซึ่งพวกเธอเปิดไว้เพื่อนัดพบกับอาทิตย์นั่นเอง
ลับหลังพิชฎาแล้วอาทิตย์หันมามองหญิงสาวร่างบอบบางตรงหน้าอย่างเปิดเผยถึงความต้องการ แม้แมวจะหน้าดำเป็นปื้นเพราะฝ้าแดดที่แม้จะรองพื้นหนามากก็ยังเห็นรอยฝ้าชัดเจนอยู่ แต่รูปร่างหน้าอกหน้าใจของเธอก็เร้าใจเกินกว่าเขาจะมองข้าม และสายตาแพรวพราวที่เจ้าหล่อนขยันส่งให้นั้นทำให้อาทิตย์คึกคักอยู่ไม่น้อย เรียกได้ว่าอยากลองของแปลกขึ้นมาทันทีเลยทีเดียว...
“ฉันคิดว่าเราน่าจะคุยกันแบบสบายๆ สบายเนื้อสบายตัวดีกว่าไหม...”
อาทิตย์กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าเจ้าเสน่ห์พร้อมทั้งเดินมาเข้ามาแมวด้วยสายตาบ่งบอกความกระหายอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเจ้าหล่อนก็ทอดสายตามองเขาอย่างเชิญชวนเปิดเผย
เมื่อนายแบบหนุ่มหน้าตาหล่อเหลารูปร่างเร้าใจมาอยู่ตรงหน้าเธอก็รู้สึกสั่นระริกด้วยความอยากขึ้นมาทันที วันนี้เธอจะแสดงบทนางแมวยั่วสวาทสักทีหลังจากที่ห่างหายเรื่องพวกนี้ไปร่วมเดือน เนื่องจากคนงานหนุ่มๆ ในไร่ไม่ตกหลุมพรางของเธอแล้ว เธอก็เหมือนอดอยากปากแห้งไปเลยทีเดียว...
“ก็ดีค่ะ เพราะเรื่องนี้เราคงต้องคุยกันยาว...”
แมวมองอาทิตย์ด้วยประกายตาหยาดเยิ้มก่อนจะค่อยๆ เดินนวยนาดไปที่เตียงขนาดคิงส์ไซซ์ด้วยท่วงท่าเร้าใจ ชนิดที่อาทิตย์ซึ่งเคยผ่านผู้หญิงมาแล้วมากมายยังอดกลืนน้ำลายไม่ได้...
เห็นทีคราวนี้คงต้องคุยกันยาวอย่างที่เธอว่าจริงๆ
ยอดรักปรายตามองคนที่ยังหน้าทนอยู่ในชายคาบ้านของเธออย่างแสนจะทึ่งในความไร้ยางอายของพิชฎา ไม่รู้ว่าเธอจะทนได้อีกนานแค่ไหน หากไม่เห็นแก่ว่าต้องการบางสิ่งบางอย่างจากการอยู่ที่นี่ของพิชฎาเธอคงตะเพิดเจ้าหล่อนไปนานแล้ว แต่จะว่าไปพิชฎาก็มีความหน้าด้านหน้าทนที่น่านับถืออยู่ไม่น้อย เพราะแม้เธอจะทำตัวเหินห่างไม่ใส่ใจไม่อยากพูดอยากคุยด้วย พิชฎาก็มาคุยกับสามีของเธอแทน ซ้ำยังเข้ามาวุ่นวายในบ้านของเธอราวกับว่าเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง จนบางครั้งเธอรำคาญจนต้องรีบออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้า และกลับเข้ามาค่ำๆ พร้อมกับอัคราที่ก็ไปขลุกอยู่กับเธอที่โรงทอ
แม้เธอกับอัคราจะแสดงออกว่าไม่ชอบการกระทำของพิชฎาแต่เจ้าหล่อนก็ยังตีมึนอยู่ต่อโดยบอกว่ายังหาที่อยู่ใหม่ที่ปลอดภัยไม่ได้ และต้องการความช่วยเหลือเรื่องทนายความจากอัครา ซึ่งเหตุผลก็ฟังไม่ขึ้น ครั้นเธอจะไล่พิชฎาออกไปอย่างสาดเสียเทเสียก็มีแต่จะเหนื่อยเปล่าและก็คงจะมีผลกระทบกับภาพลักษณ์ของเธอด้วย เพราะตอนนี้เธอเห็นข่าวของตนเองในหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิงและนิตยสารประเภทซุบซิบดารานางแบบแล้ว และแม้ว่าสำนักพิมพ์ที่ลงข่าวของเธอจะถูกอัคราจัดการขั้นเด็ดขาดถึงขนาดสั่งปิดสำนักพิมพ์แห่งนั้นไปแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในใจที่เธอยังโดนโจมตีด้วยข่าวเสียๆ หายๆ อยู่ไม่เลิก และเธอเพิ่งมารู้ว่าเจ้าของและบรรณาธิการของสำนักพิมพ์แห่งนั้นเคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพิชฎามาก่อน
ซึ่งยอดรักไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนิตยสารเล่มนี้ชอบลงข่าวของเธอนัก และเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมเขาจึงยอมปิดตัวเองลงโดยไม่ออกมาโวยวายสักนิด เพราะหากโวยวายตัวเขาเองก็อาจจะโดนภรรยาเล่นงานหนักกว่าเดิม อีกทั้งยังปิดตัวเองเงียบเชียบซึ่งพิชฎาเองก็ยังไม่รู้เรื่องว่าอัคราอยู่เบื้องหลังของการปิดสำนักพิมพ์ของคู่ขาเก่าและความเน่าเฟะของตนนั้นอัคราก็รู้มาตลอด...
“อดทนอีกนิดนะครับยอดรัก อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้ว..”
“ก็อดทนอยู่นี่ไงคะ อดทนจนยอมให้สาวๆ คนอื่นมาเกาะแกะสามีของรักจนจะสึกหมดแล้ว... อดหวั่นใจไม่ได้เลยค่ะว่าอาจจะเสียทีเขาสักวัน”
หญิงสาวค้อนสามีอย่างไม่จริงจังนักขณะเดินชมสวนกุหลาบที่ผลิดอกบานสะพรั่งด้วยกัน อัครามองหน้านวลของภรรยาอย่างรักใคร่แล้วก้มลงหอมแก้มเธอแรงๆ อย่างมันเขี้ยว แล้วตวัดร่างอิ่มเอิบด้วยอายุครรภ์ที่เพิ่มขึ้นมากอดไว้หลวมๆ
“ไม่มีทางหรอกครับ ต่อให้ผู้หญิงสาวกว่าสวยกว่ามาทอดสะพานให้ถึงที่พี่เด่นก็ไม่สะทกสะท้านหรอกครับ เพราะพี่เด่นรักเมียคนเดียว...”
“ทำพูดดีไปค่ะ รักเห็นพี่เด่นพูดจากับเขาสุภาพจะตายทั้งที่เวลาทำงานเสียงดุอย่างกับอะไรดี จนคนงานนี่หงอไปหมดแล้วค่ะนายใหญ่ขา”
“ก็เขาเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารนี่นา พี่เด่นก็ต้องสุภาพกับเขาสิ...” อัคราพูดยิ้มๆ ทำให้ยอดรักหันมาค้อนขวับเง้างอดเล็กน้อยแม้จะรู้ว่าเขาพูดประชดก็ตาม
อัครามีแง่มุมความคิดสุขุมเยือกเย็นมีเหตุมีผลและอ่อนโยน ซึ่งขัดกับบุคลิกดุดันดิบเถื่อนดูใจร้อนของเขา แม้อัคราจะพูดจาโผงผางเสียงดังและเด็ดขาดจนคนงานในไร่เกรงกลัว แต่นั่นก็เพราะเขามีบุคลิกและความเป็นผู้นำที่ดี ที่เธอพร้อมจะติดตามเขาไปได้ในทุกๆ เรื่อง
ในขณะเดียวกันอัคราก็เป็นสามีที่พร้อมจะให้ภรรยาเช่นเธอเป็นผู้นำในเรื่องบางเรื่องที่เขาเห็นว่าเธอตัดสินใจได้ดีกว่า ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นโชคดีที่มีเขาเป็นสามี และเธอก็รักเขาเกินกว่าจะยอมเสียเขาไปอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ยอดรักทำได้เพียงรอเวลาจัดการกับคนที่คิดจะมาแย่งของรักของเธอให้เด็ดขาด...
“ค่ะ พิชฎาเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารมากๆ เลยค่ะ น่าสงสารจนต้องพากันหนีเจ้าหล่อนมาหลบภัยกันที่นี่” ยอดรักยิ้มให้สามีแล้วแนบแก้มลงกับอกกว้างของเขา
“หึหึ... เมียพี่นี่ช่างประชดประชันจริงๆ”
“ก็มันจริงนี่คะ นี่หากว่าเขาไม่เคยหักหลังรักมาก่อนและทำเรื่องเจ็บแสบไว้กับรัก รักก็คงใจอ่อนกับเขาและหลงกลเขาอีกแน่ๆ และอาจจะเสียพี่เด่นให้เขาไปจริงๆ”
“พี่ไม่มีวันรักใครนอกจากยอดรักของพี่”
“รักรู้ค่ะว่าพี่เด่นรักรักมาก แต่สำหรับผู้หญิงอย่างพิชฎาหล่อนร้ายเกินกว่าจะไว้ใจ อีกอย่างหล่อนก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อความสุขของตนเอง พี่เด่นก็รู้นี่คะ”
“เรื่องนั้นพี่รู้ดีจ้ะและจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายจิตใจเมียพี่อีก”
“ขอบคุณนะคะที่รักรักและทำเพื่อรักมาตลอด รักโชคดีจังที่มีพี่เด่นเป็นสามี แต่หากหล่อนจะมาแย่งพี่เด่นไปจริงๆ รักก็ไม่ยอมหรอกค่ะ สามีดีๆ หล่อๆ รวยๆ แบบนี้จะหาได้ที่ไหน จริงมั้ยคะ...”
ยอดรักยิ้มหวานให้สามีขณะเดินเข้าไปในห้องทำงานซึ่งสร้างเป็นเรือนกระจกที่มิดชิดอยู่ในสวนกุหลาบซึ่งอัคราสร้างขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ ห้องทำงานกว้างขวางของรองประธานแห่งดีแลนด์ซิลด์ที่ยอดรักดำรงตำแหน่งอันทรงอำนาจนี้อยู่ และรองประธานคนนี้ก็มีอำนาจการตัดสินใจเหนืออัคราผู้เป็นท่านประธานใหญ่แห่งดีแลนด์ซิลด์อีกด้วย ซึ่งข้อนี้ไม่มีพนักงานคนไหนสงสัยในอำนาจอันยิ่งใหญ่ของยอดรักเลยสักคน...
“โอ๊ย เมียพูดแบบนี้พี่เด่นต้องกอดเมียไว้แน่นๆ ไม่อย่างนั้นพี่เด่นจะต้องลอยแน่ๆ”
อัคราพูดพร้อมทั้งโถมกายกอดรักเธอแนบแน่นจนพากันล้มตัวลงนอนเหยียดยาวลงบนโซฟาเบดตัวใหญ่
“อุ๊ย พี่เด่นน่ะ อย่าแกล้งกันสิคะ รักหายใจไม่ออกแล้วนะคะ...”
หญิงสาวพ้อสามีไม่จริงจังนักดวงตาคมสบกับแววตาพราวพรายของสามีอย่างเอียงอายเมื่อเห็นแววตาบ่งบอกถึงความปรารถนาของเขาชัดเจน...
“ไม่ได้แกล้งจ้ะทูนหัว พี่เด่น เอา จริง...” อัครากล่าวด้วยแววตากรุ้มกริ่มในขณะที่มือใหญ่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างอวบอิ่มของภรรยาที่ไม่ขัดข้องป้องปิด...
ยอดรักหลบตาลงเมื่ออัคราโน้มใบหน้าลงมาหาพร้อมทั้งเผยอปากรอรับริมปากหยักได้รูปของเขาอย่างเต็มใจ หญิงสาววาดแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งทั้งยังสอดมือลูบไล้แผงอกกว้างตึงแน่นด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรงของเขาอย่างเอาอกเอาใจ อัคราครางลึกในลำคอด้วยความพอใจกับการตอบสนองแสนน่ารักของภรรยาคนสวย ชายหนุ่มรีบปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตนออกอย่างเร่งรีบทั้งยังรับกำจัดเสื้อผ้าของเธออกจากร่างด้วยความรวดเร็วอีกด้วย...
“พี่เด่นคะพนักงานยังกลับไม่หมดนะคะ อื้ม... พี่เด่นเดี๋ยวก่อนสิคะ...” ยอดรักครางประท้วงเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังมีพนักงานบางคนที่ยังทำงานอยู่ด้านนอกแต่อัครามีหรือจะใส่ใจ...
“ตอนพี่ออกไปสั่งงาน พี่ให้พวกเขากลับกันไปหมดแล้ว ตอนนี้มีแค่เราครับยอดรัก...”
“คนเจ้าเล่ห์...” หญิงสาวพูดได้แค่นั้นเมื่อเขาปิดปากเธอด้วยปากของเขาอีกครั้งซึ่งคราวนี้เขาแทบจะไม่เปิดโอกาสให้เธอหายใจหายคอเลยทีเดียว
ยอดรักครางแผ่วๆ เมื่อปากร้ายและมือร้อนของสามีสร้างความปั่นป่วนเสียวซ่านจนเกินบรรยาย อัคราจับร่างอวบอิ่มให้อยู่ในท่าคลานคุกเข่าอยู่บนโซฟานุ่มแล้วรีบเข้ามาประกบซ้อนแผ่นหลังบางก่อนจะจูบซับขบเม้มผิวสีน้ำผึ้งนวลนุ่มเนียนลอออย่างหลงใหลทั้งมือร้อนก็ฟอนเฟ้นอกอวบใหญ่อย่างถูกอกถูกใจกับขนาดของทรวงสาวที่ขยายใหญ่ขึ้นนิ้วแกร่งสะกิดบี้บดหยอกเย้ายอดอกเกร็งระริกสร้างความปั่นป่วนให้เธอมากขึ้น ทั้งยังเลื่อนไล้ไปหยอกเย้าเกสรสาวฉ่ำเยิ้มอย่างเมามัน...
ยอดรักครางกระเส่าแหงนเงยใบหน้าขึ้นสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เมื่อรู้สึกเหมือนว่าอากาศในห้องเริ่มน้อยลง อีกทั้งเธอยังรู้สึกร้อนรุ่มจนเหงื่อเม็ดโตผุดพรายตามไรผมที่เริ่มยาวขึ้นของเธอ ทั้งที่เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ...
“รักจ๋าหวานเหลือเกินคนดี...”
อัคราครางกระเส่าในลำคอลิ้นร้อนยังคงจูบซับเลียไล้เรือนกายสาวอย่างหลงใหลไม่สร่างซา ก่อนจะค่อยๆ จับเรียวขาเสลาแยกกว้างขึ้นแล้วค่อยๆ ขยับกายแกร่งพรั่งพร้อมของตนเข้าหาร่างงานช้าๆ ความแกร่งกระด้างที่รุกล้ำเข้าสู่ความอ่อนนุ่มอันแสนคุ้นเคยทำให้หนุ่มสาวครางออกมาพร้อมกัน เมื่อความคับแน่นโอบล้อมรัดรอบจนเกิดความเสียวซ่านแผ่กระจายไปทั่วร่างของเขาและเธอ
อัคราหายใจติดขัดขณะค่อยๆ ขยับสะโพกสอบช้าๆ ด้วยท่วงท่าเร้าใจ ชายหนุ่มกัดกรามแน่นเมื่อความคับแน่นของเธอโอบรัดเขาจนแทบหายใจไม่ออก มือหนาข้างหนึ่งจับมั่นที่เอวคอดอีกข้างก็ตรึงบ่ามนไว้ขณะที่เขาเคลื่อนกายเข้าออกช้าๆ แต่เต็มไปด้วยความหนักหน่วงอ่อนหวานในที ยอดรักหันกลับมามองสามีด้วยประกายตาฉ่ำหวานพลางขยับสะโพกมนเข้าหาเขาตอดรัดแก่นกายแข็งแกร่งด้วยจังหวะเร้าใจ ทำให้อัคราอดไม่ได้จึงตีก้นงอนงามเบาๆ อย่างมันเขี้ยวในความซุกซนของเธอ...
“อื้อออ พี่เด่นน่ะ...”
หญิงสาวพ้อสามีแล้วขยับสะโพกเสียดสีกับเขาอย่างซุกซนเร่าร้อนมากกว่าเดิม ในขณะที่อัคราก็แอ่นสะโพกแกร่งเข้าหาอย่างไม่อาจจะทานทนกับความเย้ายวนของเธอได้...
“เด็กดื้อ... โอ้ว รักจ๋า ดีจัง อื้มมม อา รักจ๋า ยอดรัก...”
อัคราครางกระหึ่มเมื่อความเสียวเสียดคับแน่นดูดดึงให้เขาจมดิ่งลงไปในห้วงเพลิงเสน่หาอันร้อนแรงที่ตนเป็นผู้เริ่มจุดประกายเพลิงรักร้อนขึ้นมา
ชายหนุ่มควบขับสะโพกแกร่งเร็วระรัวขึ้นแต่ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนหวานล้ำจับจูงภรรยาจอมซุกซนไปสู่จุดสูงสุดแห่งบทรักที่เต็มไปด้วยรักหวานฉ่ำไม่เสื่อมคลายเช่นทุกครั้ง...
ทางด้านกุ้งเต้นกับพลนั้นต่างเข้าอกเข้าใจกันดีและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขโดยไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขานั้นแตกต่างจากคู่รักหรือคู่แต่งงานคนอื่นๆ แต่ประการใดซ้ำ ตอนนี้ทั้งคู่ยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของคู่รักต่างเพศที่น่าอิจฉา และได้รับการยกย่องในการครองชีวิตที่ดี ถ้อยทีถ้อยอาศัยทั้งการวางตัวของทั้งสองก็เป็นที่ประจักษ์ว่าพวกเขานั้นจริงใจต่อกัน
ความดีและน้ำใจของกุ้งเต้นนั้นไม่ใช่มีให้แค่เพียงกับพลหรือกับน้องพราวเท่านั้น แต่กุ้งเต้นมีน้ำใจและคอยช่วยเหลืองานต่างๆ ในไร่ได้อย่างเหมาะสมและน่ารักตามกำลัง ทำให้เธอเป็นที่ยอมรับของคนงานที่เป็นลูกน้องของพลด้วย อีกทั้งกุ้งเต้นยังเป็นตัวอย่างที่ดีของชายหนุ่มหัวใจสาวที่ทุกคนต่างยกย่องให้เธอเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย ตอนนี้กุ้งเต้นจึงกลายเป็นคนดังของไร่อัคราไปโดยปริยาย...
“ฉันว่านะคะเราปล่อยให้ยายนางแมวฉึกๆ กับยายงูพิษนั่นอยู่ลอยนวลนานเกินไปแล้วนะคะ ”
กุ้งเต้นซึ่งคอยเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของแมวเดินเข้ามาในบ้านในค่ำวันหนึ่งอย่างพินิจพิจารณากล่าวขึ้นเมื่อเธอรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่ต้องทนเก็บอยู่ อีกทั้งเธอกับพลนั้นรู้ดีว่าแมวนั้นออกไปพบกับใครมา
“ผมรู้ครับว่าคุณอึดอัดแต่เรื่องนี้เราต้องใจเย็นครับ รอให้ปลาฮุบเหยื่อก่อนแล้วเราค่อยจัดการ”
“อีกนานไหมล่ะคะ ฉันห่วงนังยอดมันยิ่งรู้ว่าคนพวกนี้มันจ้องจะเล่นงานอยู่ก็ยิ่งห่วงนะคะหรือคุณไม่ห่วง...”
“ผมน่ะยิ่งกว่าห่วงอีกครับ แต่เรายังทำอะไรตอนนี้ไม่ได้ ใจเย็นๆ ครับอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น...”
พลตบหลังมือเธอเบาๆ อย่างปลอบโยนแต่แล้วเขาก็ต้องรีบรับสายโทรศัพท์ที่ตั้งเสียงไว้เฉพาะว่าสำคัญทันที กุ้งเต้นเองก็รีบหันมามองเขสอย่างตื่นเต้นไปด้วย...
“โอเค... ตามมันไปเรื่อยๆ แล้วรีบรายงานมาว่าพวกมันนัดแนะกันที่ไหน...”
“ว่าไงคะมีเรื่องอะไร...” กุ้งเต้นถามทันทีเมื่อเขาวางสายหน้าตาเคร่งเครียด
“ได้เวลาที่คุณจะออกโรงจัดการสิ่งที่อึดอัดแล้วล่ะครับ...”
คำตอบที่ได้ทำให้กุ้งเต้นยกมือทบออกอย่างอดวิตกไม่ได้แล้วเธอก็รีบโทรศัพท์หาเพื่อนรักทันที...
ยอกรักเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะรับประทานอาหารเย็นตามปกติโดยมีพิชฎาที่ยังคงเสนอหน้าทำหน้าที่แม่บ้านให้เธออย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง เหมือนกับว่าเจ้าหล่อนแสดงให้เห็นถึงความเป็นแม่บ้านแม่เรือนดูมีอำนาจและพร้อมจะเป็นนายหญิงคนต่อไปของไร่อัคราอย่างออกนอกหน้า ทั้งที่นายหญิงตัวจริงยังอยู่และอัคราเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะละเลยภรรยาของเขามาสนใจเธอ แม้บางทีเขาจะมาพูดคุยขลุกอยู่กับเธอด้วยเรื่องคดีความที่เคยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเขาไป
แต่จริงๆ แล้วพิชฎาไม่ได้ใช้บริการจากทนายความที่อัคราหาให้เลยแม้แต่ครั้งเดียว และยังไล่ตะเพิดทนายความไปตอนที่เธอแสร้งบอกว่าจะกลับไปจัดการฟ้องร้องขอเลี้ยงดูลูกชาย และให้เหตุผลกับอัคราว่าทนายความฝ่ายเธอนั้นสู้ทนายฝ่ายของอาทิตย์ไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วเธอแอบไปพบอาทิตย์และวางแผนชั่วร้ายกัน...
“วันนี้ฉันทำของโปรดไว้ให้เธอด้วยนะรัก ลองชิมดูสิจ๊ะ”
“ขอบใจนะ ไม่นึกว่าเธอจะน้ำใจงามเช่นนี้...” ยอดรักประชดปรายตามองชามอาหารตรงหน้า
แกงเขียวหวานไก่หน้าตาน่ารับประทานกับขนมจีนถูกนำมาวางตรงหน้าด้วยท่าทางแสนอ่อนหวานของพิชฎาทำให้ยอดรักรู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย ทำไมน่ะหรือ... ก็เพราะเธอเสียดายน่ะสิ เสียดายความสามารถของเจ้าหล่อน พิชฎาเป็นคนเก่งคนหนึ่งไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่แต่อย่างใด แต่นิสัยสันดานนั้น... สวนทางกับหน้าตา
“แหม... รักล่ะก็ ที่ผ่านมาฉันรู้ตัวดีว่าผิดกับเธอมาก ก็อย่างที่บอกฉันเองก็รู้สึกผิดและเจ็บปวดมาตลอด วันนี้ถือว่าเป็นวันดีนะรัก เราจะได้เปิดอกคุยกัน ฉันเองก็อยากจะทำอะไรเพื่อไถ่โทษด้วย ยกโทษให้ฉันนะรัก...”
พิชฎาเดินมานั่งลงข้างๆ แล้วกุมมือของยอดรักไว้พร้อมทั้งมองยอดรักอย่างเว้าวอนน่าเห็นใจ... ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนยอดรักรู้เลยว่าตนจะต้องใจอ่อนกับสายตาท่าทางแบบนี้ของพิชฎาแน่นอน...
“ที่ฉันยังอยู่ที่นี่ อยู่ให้เธอบ่นว่า หรือมองไม่ดีก็เพื่ออยากให้เธอเห็นว่าฉันน่ะจริงใจกับเธอ และอยากจะไถ่โทษทุกสิ่งทุกอย่างกับเธอจริงๆ นะรัก ไม่ได้มีเจตนาอื่นเลยนะจริงๆ”
“เหรอ น่ายินดีจัง...” ยอดรักยกยิ้มแล้วเมินหน้าหนีอยากจะสำรอกออกมานัก
“เธออาจจะยังโกรธฉันอยู่ฉันเข้าใจ แต่อีกไม่นานเธอก็จะไม่โกรธฉันแล้วล่ะรัก เพราะเธอจะเข้าใจในความหวังดีของฉันจริงๆ” พิชฎาพูดด้วยรอยยิ้มหวานชนิดที่ทำให้ยอดรักรู้สึกขนลุกเลยทีเดียว...
“ฉันก็หวังไว้ว่าฉันจะไม่เสียใจที่ไว้ใจเธออีกครั้ง...”
ยอดรักบอกเรียบๆ พลางตักอาหารตรงหน้าเข้าปาก ในขณะที่พิชฎาลอบยิ้มร้ายกาจหัวใจเต้นแรงด้วยความพอใจ...
กินเข้าไปนังยอด แล้วแกก็จะได้ไม่มีโอกาสมาโกรธมาเกลียดฉันอีก ตลอดกาล...
พชิฎายิ้มย่องในใจ...
