บท
ตั้งค่า

บทที่ 13. ความจริงของหัวใจที่เต็มไปด้วยรักแท้...

“พี่เด่นคิดว่าเราจะทำยังไงดีคะ...”

หญิงสาวถามสามีในขณะที่อัครากำลังนวดเท้าให้เธออย่างอ่อนโยนเอาใจ ซึ่งความรักเอาใจใส่ของเขาที่มีต่อเธอทำให้ยอดรักยิ่งรักสามีของเธอมากขึ้นทุกวันๆ ใครจะคิดว่าผู้ชายที่บุคลิกห้าวๆ ผมยาวหน้าเข้มขรึมเต็มไปด้วยหนวดเคราแต่งกายด้วยเสื้อผ้าดูเหมือนเก่าปอนซึ่งบางครั้งก็เลอะดินโคลนซ้ำยังพูดจาเสียงดังขวานผ่าซาก ทำงานหนักอยู่ในไร่คุมคนงานนับร้อยชีวิตกลางแดดกลางฝนอย่างเขาจะอ่อนโยนกับเธอได้เพียงนี้...

“ก็แล้วแต่เขาสองคน อีกอย่างเรื่องแบบนี้มันเรื่องละเอียดอ่อน..”

“และคนที่เอาเรื่องแบบนี้มาทำร้ายกัน จิตใจแย่มาก...” ยอดรักต่อให้อย่างนึกเจ็บใจ...

“อย่าคิดมากครับยอดรัก... ทำใจให้สบายเดี๋ยวลูกเราจะเป็นเด็กที่เครียดเกิดมาจะจิตใจย่ำแย่เหมือนคนพวกนั้น...”

อัคราบอกภรรยาพลางยิ้มให้เธอแล้วบีบมือบางอย่างอ่อนโยนให้กำลังใจ คำพูดของเขาทำให้ยอดรักถอนหายใจเบาๆ

“ขอบคุณนะคะพี่เด่นที่คอยเตือนสติรักอยู่เสมอ...”

“คนเราอยู่ด้วยกันต้องรักกันและคอยเตือนสติกันและกันครับ อีกอย่างเมื่อเรารู้เขารู้เรามันก็จะง่ายต่อการจัดการเรื่องต่างๆ ให้เข้ารูปเข้ารอย เรื่องบางเรื่องเราต้องอาศัยเวลาหากวู่วามยิ่งจะทำให้เสียการ”

“สามีรักนี่ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ ทั้งน่ารักและสุขุมนุ่มลึกอย่างไม่น่าเชื่อ นึกว่าจะปากเสียเป็นอย่างเดียว...”

ยอดรักพูดยิ้มๆ เมื่อนึกถึงครั้งที่เจอกันแรกๆ ที่เขาว่าเธอเสียหายๆ และยังพูดชนิดที่ว่าปากเสียสุดๆ ด้วย

“ก็ตอนนั้นพี่ยังไม่มีเมียนี่ครับก็คะนองปากเป็นธรรมดาที่สำคัญกับรักน่ะต้องพูดท้าทายให้อยากเอาชนะ ไม่อย่างนั้นรักก็จะไม่อยู่ให้พี่ต่อล้อต่อเถียงด้วย...”

อัคราเลื่อนกายมานอนเกยร่างบางกรายๆ แล้วหอมแก้มนุ่มอย่างมันเขี้ยวที่เธอพูดถึงเขาเสียน่าชื่นชมขนาดนั้น...

“ว่าแต่นี่คือคำชมใช่ไหมครับ...”

“ก็ใช่น่ะสิคะ ไม่ชมสามีที่รักจะให้ชมใครล่ะคะ... รักนะคะคนดีของรัก...”

หญิงสาวประคองแก้มสากด้วยไรหนวดของสามีไว้แล้วก้มลงถูปลายจมูกรั้นกับปลายจมูกคมของเขาเบาๆ พลางยิ้มกว้างให้เขาทำให้อัครามองภรรยาตาปรอยด้วยความเสน่หา...

“เมียน่ารักแบบนี้สงสัยสามีต้องให้รางวัล...” อัคราพูดเสียงพร่ามือไม้เริ่มไต่ตามเนื้อนวลอย่างซุกซน...

“พี่เด่นน่ะ ยังนวดไม่เสร็จเลยนะคะ... อุ๊ย... อืม...” ยอดรักครางแผ่วๆ เมื่อปากร้อนของสามีทาบลงมาบนกลีบปากละมุนของตน หญิงสาวเผยอปากรับลิ้นร้อนที่สอดไล้เข้ามาดูดดื่มในโพรงปากสาวอย่างเต็มใจและจูบตอบเขาอย่างเร่าร้อนพอกันเมื่อเลือดในกายของเธอก็เดือดพล่าน และต้องการสัมผัสรักอันลึกซึ้งเร่าร้อนจากเขาเช่นกัน

อัคราครางอย่างถูกใจเมื่อภรรยาตอบสนองตนอย่างน่ารักน่าใคร่ ยอดรักลูบไล้กายแกร่งของเขาอย่างคุ้นเคยมากขึ้น มือเล็กสำรวจร่างแกร่งของเขาอย่างน่ารัก นิ้วเรียวนุ่มนิ่มของเธอให้ความรู้สึกอบอุ่นและเร่าร้อนในคราเดียวกัน ริมฝีปากหวานละมุนระเรื่อเปล่งปลั่งต่างก็จูบพรมไปตามสันกรามแกร่งของเขาอย่างเอาใจเช่นเดียวกับที่เขาทำให้เธอ

อัครามองสบตาหวานฉ่ำด้วยไฟเสน่หาของภรรยาอย่างรักใคร่สุดหัวใจและยอมรับอย่างไม่มีข้อแม้ว่าเขาหลงใหลเธอชนิดที่ว่าหัวปักหัวปำเลยทีเดียว แม้ยอดรักไม่ได้ยั่วยวนเขาหรือทำอะไรมากไปกว่ายิ้มหวานๆ ให้ เขาก็พร้อมจะมอบกายถวายชีวิตให้เธอหมดทั้งตัวและหัวใจแล้ว...

“เมียจ๋าเก่งจัง... อื้ม รักจ๋ารัก ยอดรักของพี่เด่น...” อัคราครางกระเส่าเมื่อปากหวานๆ ที่เขาเพียรจุมพิตอย่างดูดดื่มนั้นผละจากแก้มสากของเขาเลื่อนไล้พรมจูบไปตามลำคอแกร่งเรื่อยลงมายังอกกว้างตึงแน่นด้วยกล้ามเนื้อสวยงามของตน

มือเรียวลูบไล้สะกิดยอดอกแข็งๆ ของเขาเล่นอย่างซุกซนลิ้นเล็กสีชมพูนุ่มก็ตวัดเลียยอดอกอีกข้างอย่างหยอกเย้าสลับข้างกันไปมาสร้างความเสียวกระสันให้กับเขาได้อย่างมากมาย แม้จะเงอะงะไม่เก่งกาจเหมือนสาวช่ำชองมากประสบการณ์แต่การกระทำอันอาจหาญของยอดรักนั้นทำให้เขาร้อนยิ่งกว่าร้อน...

ยอดรักปรายตามองหน้าสามีซึ่งแดงก่ำไม่แพ้ตนด้วยความพอใจและฮึกเหิมมากขึ้นในการสร้างความสำราญให้กับเขา หญิงสาวพลิกร่างขึ้นเหนือร่างแกร่งของเขาแล้วคร่อมกายใหญ่โตไว้ภายใต้ร่างบางอย่างอาจหาญแล้วค่อยๆ ปลดสายเสื้อนอนออกช้าๆ มองเขาด้วยประกายตาท้าทายยั่วยวนเมื่อเสื้อตัวบางค่อยๆ เลื่อนต่ำลงมายังทรวงสล้างอวบอิ่มซึ่งไร้สิ่งปกปิดก่อนที่จะค่อยๆ รั้งมันลงต่ำมายังหน้าท้องเนียนที่เริ่มนูนขึ้นมาน้อยๆ ให้เสื้อมันกองอยู่ตรงจุดนั้นแล้วค่อยๆ โน้มกายลงมาหาชายหนุ่มที่เท้าแขนกับที่นอนมองเธอตาปรอย...

“อีกนิดสิจ๊ะเมียจ๋า...” อัคราครางเสียงแหบแห้งกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอเมื่อความงดงามที่สุดแห่งอิสตรีถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าผืนบางอย่างตั้งใจของเธอ...

“ถ้าอยากเห็นมากกว่านี้ต้องจ่ายค่าปรับค่ะที่รัก...” ยอดรักกระซิบบอกยิ้มๆ แล้วผลักอกกว้างให้นอนราบลงไปกับเตียงนุ่มก่อนจะค่อยๆ ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของอัคราออกช้าๆ จนในที่สุดเขาก็เปลือยเปล่าอยู่ใต้ร่างของเธอ...

ยอดรักมองร่างแกร่งของสามีอย่างรักใคร่หลงใหลแล้วพรมจุมพิตหวานล้ำลงไปบนยอดอกแกร่งอีกครั้ง หญิงสาวเลียไล้กล้ามเนื้อแข็งแรงของเขาอย่างอาจหาญสร้างความร้อนรุ่มปั่นป่วนให้กับคนที่อยู่ใต้ร่างยิ่งนัก ยิ่งลิ้นเล็กร้อนรุ่มเลียไล้ต่ำลงเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกผลักให้ตกลงไปสู่กองเพลิงสวาทร้อนๆ ที่แผดเผาให้ร่างไหม้เกรียมด้วยเพลิงพิศวาสที่ลุกโชน...

แล้วอัคราก็หายใจติดขัดขึ้นมาเมื่อเรียวลิ้นเล็กเลียวนอยู่กับหน้าท้องแกร่งที่หดเกร็งเพราะความเสียวซ่านเกินบรรยาย และยิ่งร้ายไปกว่านั้นเมื่อสาวเจ้าเลื่อนริมฝีปากระเรื่อตำลงไปยังความแข็งกระด้างของชายชาตรีที่ลุกชันปวดหนึบไปด้วยความต้องการที่อัดแน่นอยู่ภายในจวนเจียนระเบิด...

“โอ้ววว... รักจ๋ายอดรัก... โอว...” อัคราครางเสียงดังแทบฟังไม่ได้ศัพท์เมื่อยอดรักครอบครองตัวตนของเขาด้วยปากและลิ้นแสนซนของเธอ

ยอดรักรู้สึกปลาบปลื้มยินดีที่ทำให้สามีสุดสวาทร้องครางกระหึ่มลั่นห้อง และเขาก็แสดงออกถึงความสุขสมที่เธอเป็นผู้ปรนเปรอให้บ้างยิ่งทำให้เธอระรัวลิ้นลงไปบนกายแกร่งของเขาอย่างเร่าร้อนจนอัคราทนไม่ไหวดึงแก่นกายออกจากปากสาวที่ครอบครองเขาอยู่ อย่างไม่อาจจะทนกับความเสียวซ่านที่โจมตีเขาจนแทบมอดไหม้ได้อีกต่อไป...

“พอแล้วทูนหัว ยอดรักของผัว...” อัคราครางชิดริมฝีปากระเรื่อแล้วบดจูบเร่าร้อนลงบนกลีบปากฉ่ำหวานก่อนจะกระชากเสื้อนอนที่กองอยู่กับเอวบางออกอย่างร้อนรนก่อนจะจับเรียวขางามคร่อมร่างใหญ่ไว้แล้วกดสะโพกมนเข้าหากายแกร่งที่พรักพร้อมของตนทันที...

“อ๊า พี่เด่นขา... / โอว รัก รักจ๋ายอดรักของพี่เด่น... โอ้ววว...”

หนุ่มสาวครางกระเส่าร้อนแรงเมื่อต่างโอบรัดกันไว้แนบแน่น ยอดรักแอ่นกายหงายแหงนไปด้านหลังด้วยความเสียวซ่านสุดใจส่งผลให้ทรวงสาวส่ายไหวแอ่นหยัดมาข้างหน้าให้เขาได้ฟอนเฟ้นดื่มกินอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่สะโพกแกร่งก็เคลื่อนไหวระรัวไม่ขาดสาย พอๆ กับสะโพกสาวที่ส่ายร่อนเสนอสนองเขาอย่างถึงอกถึงใจ

เสียงครางกระเส่าดังก้องห้องนอนแสนหวานกลิ่นเพศรสคละคลุ้งอบอวลคละเคล้ากับเสียงเนื้อกายกระทบกันดังกึกก้อง เพลิงรักเร่าร้อนโหมไหม้ร้อนแรงแต่ก็อ่อนหวานอยู่ในทีเพราะต่างฝ่ายต่างปรนเปรอกันอย่างอ่อนหวานเอาอกเอาใจซึ่งกันและกัน ความรักความเสน่หาที่มีถูกถ่ายทอดมาเป็นภาษากายสอดคล้องเร่าร้อนสัมพันธ์กัน ซึ่งมันทำให้ทั้งเขาและเธอต่างก็จับจูงกันไปยังดินแดนฉิมพลีสวาทได้อย่างสุขสม อบอวลไปด้วยความรักที่เบ่งบานฉ่ำหวานหาใดเปรียบครั้งแล้วครั้งเล่า และไม่มีทีท่าว่าจะจืดจางลงเลยแม้แต่ครั้งเดียว...

เช้าวันรุ่งขึ้นยอดรักกับอัคราก็ออกมารับประทานอาหารกันตามปกติแต่กุ้งเต้นนั้นยังไม่ออกมาจากห้องทำให้ยอดรักกระวนกระวายใจกลัวว่าเพื่อนรักจะคิดไม่ตกแล้วทำอะไรวู่วามหรือทำอะไรโดยไม่ปรึกษาตน ท่าทางของเธอทำให้อัคราพลอยเป็นห่วงกุ้งเต้นไปด้วยทั้งสองสามีภรรยาจึงเดินเคาะประตูห้องของกุ้งเต้น

“กุ้ง... แก ไปทานข้าวกันเถอะ กุ้ง แกอยู่รึเปล่า...” ยอดรักเคาะประตูแล้วเรียกเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความร้อนใจ

“สงสัยงานนี้ยายกุ้งคงตรอมใจหนีกลับกรุงเทพฯ ไปแล้วมั้งรัก น่าเห็นใจอยู่นะที่ยายกุ้งโดนข่าวแบบนั้นโจมตี...”

เสียงพิชฎาแทรกขึ้นมาอย่างเยาะหยันอย่างเห็นได้ชัดแต่ใบหน้าของเธอยังระบายยิ้มอ่อนโยนหน้าใสตาใสซื่อเหมือนคนจิตใจดี แต่ในใจของพิชฎานั้นเต็มไปด้วยความสะใจที่งานนี้สามารถกำจัดกะเทยควายให้พ้นทางไปได้ เพราะเมื่อเช้าตรู่เธอเห็นว่ากุ้งเต้นนั้นลากกระเป๋าขึ้นรถของไร่ออกไปพร้อมกับป้าแก้วที่กำลังจะออกไปจ่ายตลาด...

“ฉันว่าเธอเองก็ควรกลับไปได้แล้วเหมือนกันนะเพราะหากอยู่ที่นี่นานไป เธออาจจะไม่มีที่ซุกหัวนอนไปตลอดกาลหรือบางทีอาจจะได้ไปนอนที่อื่น ที่มันไม่ค่อยน่าอยู่นัก...”

“แต่คุณเด่นอนุญาตให้ฉันอยู่ได้จนกว่าฉันจะหาที่อยู่ที่ปลอดภัยอยู่ได้จริงไหมคะคุณเด่น เอ่อ... ดีเลยค่ะที่พูดเรื่องนี้ พอดีว่าพิชชี่จะปรึกษาคุณเด่นเรื่องทนายค่ะ พิชชี่อยากได้ลูกมาเลี้ยงดูคุณเด่นช่วยหาทนายเก่งๆ ให้พิชชี่หน่อยสิคะ...”

พิชฎาเปลี่ยนหัวข้อคุยเข้าหาเรื่องของตนเองหน้าตาเฉยซ้ำยังเข้ามาเกาะแขนอัคราอย่างสนิทสนมด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยจนยอดรักแทบอยากจะกระชากพิชฎาออกมาตบให้คว่ำสมกับความอัดอั้นในใจ แต่เธอมีเรื่องสำคัญกว่าที่จะต้องทำ หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อเรียกสติและปัญญาให้อยู่กับเนื้อกับตัว...

“รักขอตัวก่อนนะคะพี่เด่น รักจะไปตามหากุ้งสงสัยจะไม่อยู่ในห้องแล้ว...”

พูดจบยอดรักก็เดินออกไปโดยไม่สนใจสีหน้าเยาะเย้ยของพิชฎาเพราะเธอไม่คิดจะเสียเวลากับคนอย่างพิชฎา ซึ่งไม่มีความหมายใดๆ กับเธอ และเธอก็มั่นใจว่าอัคราดูแลตัวเองให้หลุดพ้นจากบ่วงมารยาของพิชฎาได้แน่นอน...

“คุณพลคะคุณพล... อยู่ไหมคะ...” เสียงร้องเรียกอยู่หน้าบ้านแต่เช้าทำให้พลเยี่ยมหน้าออกมามองเมื่อเห็นว่าเป็นยอดรักชายหนุ่มก็รีบออกมาต้อนรับทันทีเพราะสีหน้าของเธอบอกชัดว่ามีเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากอย่างแน่นอน...

“มีอะไรครับคุณรักไม่น่าลำบากมาเองเลยโทร. หาผมก็ได้...”

“ไม่ทันแล้วค่ะ กุ้งไม่อยู่ที่ไร่แล้ว... กุ้งไปแล้ว” คราวนี้น้ำเสียงของเธอเจือสะอื้นจนพลใจหายวาบ...

“จริงหรือครับ...”

“ค่ะ... รักไม่รู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับยายกุ้ง แต่ยายกุ้งรักคุณนะคะ ฉันดูออกเพียงแต่หลายๆ อย่างมันทำให้ยายกุ้งพูดหรือแสดงออกมาไม่ได้ทั้งที่ยายกุ้งน่ะกระดี๊กระด๊าจะตาย แต่เมื่อมาเจอคุณยายกุ้งก็เปลี่ยนไป อีกอย่างยายกุ้งแคร์คุณกับน้องพราวมาก รักไม่รู้วาจะบอกยังไงหรือทำยังไง หากคุณมีความรู้สึกพิเศษกับยายกุ้งบ้างรักคิดว่าคุณพลต้องทำอะไรสักอย่างหรือหากไม่ได้รู้สึกอะไรกับยายกุ้ง รักก็คงทำได้เพียงมาบอกเท่านี้...” ยอดรักกล่าวออกมาอย่างอัดอั้นไม่แพ้กันและเมื่อพูดออกมามันก็ทำให้เธอรู้สึกโล่งใจในระดับหนึ่ง

“ผมจะไปตามเธอกลับมา...”

“น้องพราวไปด้วยค่ะคุณพ่อ...” เสียงน้องพราวดังขึ้นพร้อมกับแม่หนูน้อยวิ่งตึงๆ ออกมากอดขาผู้เป็นพ่อไว้ สองพ่อลูกมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มกว้างให้กัน ภาพนั้นทำให้ยอดรักน้ำตาไหลออกมาด้วยความซึ้งโดยไม่รู้ตัว...

“ขอบคุณมากนะคะคุณพล ขอให้โชคดีค่ะ...”

“ขอบคุณเช่นกันครับคุณยอดรัก ผมไปนะครับ ไปลูกพราว”

“ยายกุ้งออกไปพร้อมกับป้าแก้วที่ไปจ่ายตลาด คาดว่าตอนนี้น่าจะอยู่ที่ท่ารถตู้เข้ากรุงเทพฯ ค่ะ รถเที่ยวที่จะออกต่อไปก็น่าจะประมาณสิบโมง คุณมีเวลา 30 นาทีนะคะคุณพล...”

ยอดรักตะโกนบอกสองพ่อลูกที่กำลังจะขับรถกระบะคันเก่าออกไป พลร้องตะโกนขอบคุณมาอย่างลิงโลดก่อนจะบึ่งรถออกไปอย่างรวดเร็ว...

“ฉันขอให้แกโชคดีนะกุ้ง เพื่อนรักของฉัน...”

ยอดรักยิ้มกับตัวเองอย่างเป็นสุขนึกดีใจแทนกุ้งเต้นที่เจอคนที่รักตัวตนอันแท้จริง จริงๆ เสียที

กุ้งเต้นนั่งทอดถอนใจอยู่บนรถตู้ที่ติดเครื่องยนต์รอผู้โดยสารให้นั่งเต็มคันรถซึ่งก็เหลืออีกไม่กี่ที่ กุ้งเต้นมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเรือนสวยแล้วก็พบว่ามันเลยเวลาที่แจ้งว่ารถจะออกมาเกือบสิบนาทีและเมื่อถามพนักงานขับรถก็ขอโทษขอโพยผู้โดยสารคนอื่นๆ อย่างสุภาพ ทำให้กุ้งเต้นต่อว่าเขาไม่ลงซึ่งสาเหตุก็คือรอผู้โดยสารที่โทร. จองที่ไว้อีกสองคนที่ยังไม่มาไม่ถึง ดังนั้นรถจึงยังไม่ทันได้เคลื่อนออกไปตามกำหนดเวลา...

“ใจเย็นๆ นะครับอีกสามนาทีหากเขาไม่มาผมก็จะออกรถเลยครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้เสียเวลา...” พนักงานขับรถหนุ่มบอกอย่างเกรงใจและเต็มไปด้วยความสุภาพทำให้บรรดาผู้โดยสารที่นั่งรออยู่ในรถต่อว่าไม่ลง เข้าใจว่าคนที่จองไว้อาจจะเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่ทำให้ล่าช้าก็ได้..

เมื่อได้เวลาสามนาทีตรงเป๊ะราวกับนัดไว้ผู้โดยสารซึ่งเป็นหญิงสาวคนหนึ่งกับลูกสาววัยประมาณสามขวบของเธอก็มาถึง คุณแม่ยังสาวซึ่งมาช้าและทำให้คนอื่นเสียเวลารีบเอ่ยปากขอโทษคนที่นั่งรออยู่อย่างสุภาพ แสดงถึงความเกรงอกเกรงใจที่หาได้น้อยในสังคมทุกวันนี้ ที่บางครั้งคนที่ทำผิดหรือทำให้คนอื่นเขาเสียเวลานอกจากจะไม่ขอโทษแล้วยังแสดงท่าทีที่ไร้ซึ่งมารยาททางสังคมที่ดีด้วย ซึ่งคำขอโทษของหญิงสาวทำให้ทุกคนในรถไม่ถือสาหาความ...

พนักงานขับรถเดินมานั่งประจำที่คนขับพร้อมจะออกรถแต่แล้วก็มีเหตุขัดข้องชนิดที่ว่าทำให้คนทั้งคนรถร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อมีรถกระบะเก่าๆ คันหนึ่งโฉบมาตัดหน้าไว้ไม่ให้รถตู้โดยสารเคลื่อนไปได้...

“โอ๊ย... อะไรกันวะวันนี้...”

พนักงานขับรถร้องออกมาอย่างพยายามระงับความหงุดหงิดแล้วก็ต้องเงียบไปเมื่อเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถแล้วยืนกางแขนทำท่าให้เห็นว่าต้องการขวางทางรถเอาไว้ พนักงานขับรถเกาหัวแกรกๆ อย่างไม่เข้าใจทั้งสงสัยว่าเด็กหญิงทำอย่างนั้นทำไม...

“น้องพราว...” กุ้งเต้นเงยหน้าเขม้นมองต้นเหตุที่รถหยุดแล้วเปรยออกมาเบาๆ อย่างไม่เข้าใจเช่นกัน แต่ชายหนุ่มที่เดินมายังรถตู้ที่เธอนั่งอยู่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง...

“ขอโทษด้วยนะครับทุกคนบังเอิญว่าผมมาตามหาคนรัก และพอดีว่าเธอนั่งอยู่ในรถคันนี้ด้วย...”

พลเดินมาเปิดประตูรถตู้แล้วกล่าวอย่างสุภาพทั้งยังดึงข้อมือของกุ้งเต้นซึ่งนั่งเบาะที่อยู่ตรงประตูพอดิบพอดีลงมาจากรถ แล้วก็ถามคนขับรถว่ากระเป๋าของเธออยู่ที่ไหน พนักงานขับรถบอกเขาอย่างงงๆ พลก็เดินไปหยิบมันมาอย่างรวดเร็ว

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากทั้งทุกคนในรถต่างก็ยังงงๆ และไม่ทันได้คิดอะไรประตูรถก็ถูกปิดพร้อมทั้งรถตู้ก็เคลื่อนออกไป เหลือเพียงกุ้งเต้นที่ยืนคว้างอยู่ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของผู้คนที่เดินตลาดและจับจ่ายใช้สอยกันอย่างคึกคักเพราะท่ารถตู้โดยสารนั้นอยู่กลางตลาดซึ่งเป็นตลาดประจำอำเภอและวันนี้ก็มีตลาดนัดด้วยทำให้มีคนเยอะกว่าปกติ...

“นี่มันอะไรกันคะคุณพล...” กุ้งเต้นเองก็ยังงงงันอยู่เช่นกันถามขึ้นเมื่อได้สติ เธอมองหน้าสองพ่อลูกที่ยืนมองเธอนิ่งด้วยหัวใจที่เต้นแรง

“ผมบอกไปแล้วว่าผมมาตามหาคนรัก...” พลพูดเขินๆ ใบหน้าคมเข้มแบบฉบับชายไทยขึ้นสีเล็กน้อย

“น้องพราวก็มาตามหาคุณแม่ใจดีค่ะ..” เด็กหญิงพูดขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวจริงจัง...

“เอ่อ แต่...”

“ผมรักคุณนะครับคุณกุ้ง... น้องพราวก็รักคุณ และพวกเราก็ต้องการคุณ...”

ในที่สุดพลก็เอ่ยขึ้น คำพูดของเขาเหมือนมีมนต์สะกดหรือมีอำนาจบางอย่างที่ทำให้กุ้งเต้นรู้สึกเหมือนว่าทุกอย่างรอบกายเธอหยุดเคลื่อนไหว และทุกสายตาของผู้คนก็มองมาที่เขาทั้งสามคนราวนัดหมาย...

“คุณพล...”

“ผมไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ตอนไหนและอย่าถามเลยว่าเพราะอะไร... ผมเองก็อธิบายไม่ถูก ผมพูดไม่เก่งและไม่รู้จะอธิบายมันยังไง ผมรู้แค่ว่าผมรักคุณและผมก็ขาดคุณไม่ได้...”

พลพูดออกมาด้วยความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจในขณะที่น้องพราวเดินมากอดขาของกุ้งเต้นเอาไว้แล้วแหงนเงยมองหน้าของกุ้งเต้นซึ่งก้มลงมองร่างเล็กของเด็กหญิงเหมือนไม่เคยเห็น...

“แล้วคุณไม่อายหรือคะที่มารักกะเทยควายอย่างฉันแล้วน้องพราวไม่อายเพื่อนหรือคะที่มีแม่เป็นกะเทยควาย...” กุ้งเต้นกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้นยังมีแววสะเทือนใจอยู่

“ไม่ค่ะ น้องพราวรัก แม่กุ้ง นะคะ อย่าจากพวกเราไปเลยนะคะ... น้องพราวรักแม่กุ้ง...”

เด็กหญิงพูดประสาซื่อและไร้เดียงสา ซึ่งแน่นอนว่าคำพูดของหนูน้อยนั้นไร้ซึ่งจริตมารยา กุ้งเต้นรู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันพร่าเลือนไม่ชัดนักลำคอก็ตีบตันเหมือนมีก้อนอะไรแข็งๆ จุกแน่นในลำคอจนแสบร้อนไปหมดแต่ในใจนั้นอิ่มเอมอย่างที่สุดจนพูดอะไรแทบไม่ออก...

“คุณเป็นคนดี ทำไมผมจะต้องอายด้วยหากจะรักใครสักคนที่ดีกับผมและลูก คนดีไม่ว่าจะอยู่รูปชายหรือหญิงหรือเขาจะเป็นใครในเมื่อเขาเป็นคนดีเราก็ควรจะรักเขาไม่ใช่หรือครับ... สำหรับผมแล้วคนดีนั้นสำคัญกว่าทุกสิ่ง สำคัญกว่าหญิงหรือชาย...” พลตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาเต็มเปี่ยมด้วยความรักและจริงใจ...

“น้องพราว... คุณพล...” กุ้งเต้นมองสองพ่อลูกด้วยน้ำตาแห่งความซาบซึ้งใจ... น้ำตาของคนที่ใครๆ ก็เรียกเธอว่า กะเทยควาย...

แต่ตอนนี้เธอเป็นกะเทยควายที่ได้รับความรักอย่างแท้จริงจากผู้ชายคนหนึ่งกับเด็กหญิงอีกคนซึ่งเป็นคนที่สำคัญที่กับชีวิตของเธอ กุ้งเต้นปาดน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็กหลงทางแล้วพบเจอใครสักคนมาพากลับบ้านซึ่งท่าทางของเธอทำให้พลมองเธอยิ้มๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอช้าๆ

“กลับบ้านกับพวกเรานะครับคุณกุ้ง...”

“ค่ะ...” กุ้งเต้นพูดได้แค่นั้นแล้วยิ้มกว้างให้เขาพร้อมทั้งอุ้มน้องพราวขึ้นมา

ภาพของคนทั้งสามทำให้ใครหลายๆ คนที่ยืนมองดูพวกเขาอยู่ถึงกับน้ำตาซึมกับความรักของพวกเขาไปด้วย บางคนที่มองเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่เงียบๆ ต่างพากันกัดปากกลั้นเสียงกรีดร้องด้วยความยินดีและอิจฉากุ้งเต้นไว้จนน่าขัน บางคนก็ถึงกับทำท่าเคลิบเคลิ้มราวกับว่าตนเป็นผู้ที่ถูกชายหนุ่มมาสารภาพรักเสียเองกระนั้น บางคนก็เบะปากอย่างริษยาและไม่เชื่อว่าจะมีผู้ชายคนไหนมารักมาชอบคนที่เกิดมาก้ำกึ่งระหว่างเพศอย่างแท้จริงและยังคิดเหยียดหยันเสียด้วยซ้ำ

แต่สำหรับกุ้งเต้นและพลแล้วเขากับเธอต่างรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอนั้นไม่ใช่สิ่งฉาบฉวยจอมปลอม และพวกเขาจะร่วมกันพิสูจน์ว่าความรักอย่างที่พวกเขามีให้กันนั้น มันมีค่ามากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกหรือเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

แต่ความรักระหว่างเขากับเธอนั้นมันคือรักแท้ที่ไม่ได้มีเฉพาะชายจริงหญิงแท้ที่มีให้กันเท่านั้น เพราะความรักคือทุกสิ่ง คือทุกเพศทุกวัยไม่ว่ามันจะอยู่ในรูปหญิงหรือชาย เด็กหรือผู้ใหญ่ ความรักก็คือความรักและ ความดีงามของผู้ที่มีรักนั้นสำคัญกว่าทุกสิ่ง...

สามคนพ่อแม่ลูกที่ทำให้ผู้คนในตลาดต่างมองด้วยความรู้สึกหลากหลายพากันขึ้นรถกลับบ้านปล่อยให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงอยู่ข้างหลัง และไม่ว่าใครจะพูดลับหลังพวกเขาว่าอย่างไร แต่สำหรับกุ้งเต้นและครอบครัวใหม่ของเธอแล้วมันไม่ได้สำคัญเลยว่าใครจะมองพวกตนอย่างไร

ตอนนี้สำคัญที่สุดคือเธอมีชีวิตที่สมบูรณ์แล้ว เธอได้ในสิ่งที่ปรารถนามาตลอดชีวิตแล้ว อย่างอื่นก็ไม่สำคัญอีกต่อไป...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel