บทที่ 12. แผนร้ายของงูพิษ
ยอดรักปรายตามองคนที่แทบจะป้อนอาหารใส่ปากให้สามีของตนด้วยสีหน้าเรียบเฉย ในขณะที่อัคราขยับตัวอย่างอึดอัดที่พิชฎาทำตัวใกล้ชิดเขาเกินงามทั้งที่พยายามจะบอกให้พิชฎารู้ตัวว่าที่เขาให้เธอมาพักที่นี่เพียงชั่วคราวเท่านั้น และเมื่อเธอหายดีแล้วเขาจะให้คนไปส่งเธอที่บ้านแต่ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะพยายามอยู่ที่นี่ต่อไปอย่างหน้าทน...
“เธอหายดีแล้วไม่ใช่เหรอพิชฎา พร้อมจะกลับหลุมเดิมรึยัง...” ยอดพูดกล่าวเรียบๆ
“แหม... รักล่ะก็พูดแบบนี้กับเพื่อนเก่าไม่น่ารักเลย คุณเด่นคะทานแกงเขียวหวานหน่อยนะคะ พิชชี่ทำเองกับมือเลยนะคะ”
พิชฎาหันมาทำทีค้อนยอดรักด้วยท่าทางน่ารักน่าชังที่เคยทำให้ผู้ชายหลงใหลมาแล้วหลายราย แล้วทำทีพูดเรื่องอื่นกลบเกลื่อนไปเสียดื้อๆ
“หึ... หากเป็นฉันคงไม่กล้ากินหรอกเพราะกลัวโดนวางยา...” กุ้งเต้นพูดขึ้นลอยๆ ทำให้พิชฎาหันมามองตาเขียวแล้วรีบยิ้มหวานกลบเกลื่อน
“อุ๊ย.. เพื่อนกุ้งไม่ต้องกลัวจ้ะ แกงเขียวหวานเนี่ยพิชชี่ทำให้คุณเด่นทานคนเดียวจ้ะ อีกอย่างพิชชี่ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นหรอกจ้ะ พิชชี่ต่างหากที่กลัวจะโดนวางยาเพราะอาจจะมีคนหึงหวงสามีจนคิดอะไรตื้นๆ”
“โอ๊ยยย... นี่แม่คุ้น... มาอาศัยบ้านเขาอยู่นี่ยังไม่มีความละอาย แถมยังจะมาใส่ความใส่ไคล้เมียเจ้าของบ้านอีก หากจิตใจไม่สกปรกจริงๆ พูดไม่ได้ คิดไม่ได้นะเนี่ย..”
กุ้งเต้นอดไม่ไหวเพราะปากคันยิบๆ เกินจะทนจึงกล่าวออกมาด้วยความฉุนจัดทำให้ยอดรักต้องมองด้วยสายตาติเตือน
“รักอิ่มแล้วนะคะพี่เด่น จะไปที่โรงทอ ขอให้อร่อยนะจ๊ะ อดีตเพื่อน...”
ยอดรักตัดบทในที่สุดก่อนจะเดินออกไปพร้อมกับกุ้งเต้นด้วยมาดของนางพญา ไม่มีท่าทีจะเดือดดาลหรือเต้นแร้งเต้นกาโวยวายเหมือนที่ผ่านมา ทำให้พิชฎาเองออกจะงงๆ กับท่าทางของยอดรักแต่ก็นึกดีใจที่ยอดรักไปพ้นทางเธอจะได้ อ่อย อัคราได้สะดวก...
“คุณเด่นทานสิคะ พิชชี่ทำอาหารมื้อนี้เพื่อคุณเลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ ว่าแต่คุณพิชชี่จะกลับบ้านเมื่อไหร่หรือครับ ผมจะได้จัดการเรื่องเดินทางให้”
“นี่คุณเด่นก็จะไล่พิชชี่กลับหรือคะให้พิชชี่กลับไปเจอเรื่องเลวร้ายและผู้ชายแย่ๆ ที่คอยตามรังควานพิชชี่หรือคะ คุณเด่นอย่าเพิ่งให้พิชชี่ไปไหนเลยนะคะพิชชี่ไม่มีใครอีกแล้ว ถึงจะกลับไปพิชชี่ก็ต้องถูกไอ้อาทิตย์มาข่มขู่ทำร้ายแน่ๆ เลยค่ะ...”
พิชฎาทำทีโอดครวญบีบน้ำตาออกมาขอความเห็นใจ อัคราถอนใจและเริ่มลำบากใจกับอาการดื้อด้านของเจ้าหล่อนมากขึ้นทุกขณะ นี่เขาคิดผิดหรือคิดถูกกันนะที่ให้เธอเข้ามาอยู่ร่วมชายคา...
“เอาเป็นว่าคุณอยู่ต่อไปได้อีกสักระยะก็แล้วกัน เพราะผมเองก็เกรงใจยอดรักซึ่งเป็นภรรยาของผม อีกอย่างเธอก็กำลังท้องผมไม่อยากให้เธอคิดมากหวังว่าคุณคงเข้าใจ...”
“โอ... ขอบคุณค่ะคุณเด่น พิชชี่รับรองได้ค่ะเมื่อมีทางไปแล้วพิชชี่จะรีบไปทันทีไม่อยู่ให้เป็นภาระหรือทำให้ครอบครัวใครแตกแยกแน่นอนค่ะ... ถ้าอย่างนั้นเรามาทานข้าวกันก่อนดีกว่านะคะคุณเด่นจะได้ไม่เครียด...”
พิชฎาหน้าบานด้วยความยินดีแล้วรีบเอาอกเอาใจเขาราวกับว่าตนเองเป็นภรรยาของเขาเสียเอง และอัคราก็ไม่ว่าอะไรเขานั่งรับประทานอาหารกับเธออย่างสุภาพและพูดคุยกับเธอหลากหลายเรื่องราวซึ่งพิชฎาเองก็ยินดีตอบทุกคำถามของเขาเกี่ยวกับตัวเธอ และมันทำให้พิชฎายิ่งมั่นใจว่าอัครานั้นให้ความสนใจตนเพราะหากเขาไม่สนใจเขาคงไม่ถามเธอแน่นอน... เธอมั่นใจเช่นนั้น...
ทางด้านยอดรักกับกุ้งเต้นเมื่ออกมาจากโต๊ะอาหารก็ต่างแยกย้ายกันไปทำงานตามปกติ ทำให้คนที่คอยเฝ้าดูสองสาวขมวดคิ้วด้วยความไม่สบอารมณ์ที่พวกเธอต่างไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่คิดไว้...
“ทำไมนังสองคนนี่มันถึงดูเฉยๆ ไม่มีอะไรผิดปกตินะ...”
ว่าแล้วดวงตาของคนที่แอบมองอยู่ก็เป็นประกายกล้าเมื่อคิดว่าต้องเล่นให้แรงกว่านี้...
“แกกำลังทำอะไรวะนางแมว”
“อุ้ย ป้า... มาเงียบๆ ตกใจหมดเลย”
แมวหันมาเอ็ดป้าแก้วที่เข้ามาทักจนเธอตกใจแล้วเลี่ยงเดินหนีไปเพื่อกลบเกลื่อนพิรุธ...
“แกกำลังคิดจะทำอะไรวะ”
“นี่ป้า หัดมองฉันในแง่ดีบ้างก็ได้นะ”
“หากแกมีแง่ดีให้มองข้าก็มองเว้ย แต่นี่มันไม่มี... แล้วอย่าคิดนะว่าทำอะไรแล้วไม่มีใครรู้ข้าจะเตือนเอ็งไว้ก่อน...”
“อย่ามาเทศแถวนี้น่าป้า แก่แล้วบ่นไร้สาระน่ารำคาญ...”
ว่าแล้วแมวก็สะบัดหน้าเดินหนีไป ป้าแก้วก็ได้แต่มองอย่างปลงสังเวชที่หลานสาวของนางถลำลึกเกินกว่าจะฉุดดึงขึ้นมาจากหลุมบาปที่แมวขุดฝังตัวเอง...
“ข้าเตือนเอ็งได้แค่นี้ล่ะวะ ที่เหลือให้เวรกรรมมันทำงานของมันเอง...”
พลหน้าเครียดเมื่อพบว่าเรื่องที่เขาคาดคิดนั้นมันเป็นจริงดังที่คาดหมาย เรื่องของเขากับกุ้งเต้นนั้นมีคนที่มาปล่อยข่าวและสร้างความเข้าใจผิดและบั่นทอนจิตใจดวงเล็กๆ ของน้องพราวจริงๆ และคนคนนั้นก็ยังไม่หยุดที่จะทำต่อไปรวมไปถึงยังให้ข่าวที่ผิดๆ กับสำนักข่าวบันเทิงแห่งหนึ่งอีกด้วย...
“ไปตามดูว่าใครเป็นบรรณาธิการสำนักพิมพ์นี้และใครเป็นนักข่าว แล้วรีบรายงานฉัน”
อัคราเองก็เครียดไม่น้อยไปกว่าลูกน้องคนสนิทซึ่งเรื่องราวมันเริ่มลุกลามจนเขากลัวว่าจะปิดข่าวนี้ต่อยอดรักไม่ได้
“คุณเด่นคิดว่าจะปิดคุณรักได้นานแค่ไหนครับ”
“เท่าที่ฉันจะปิดได้นั่นล่ะ แต่ไม่ต้องห่วงฉันกับกับเมียเข้าใจกันได้ดี รักเขามีเหตุผลพอสมควร แกรีบไปทำงานตามที่ฉันสั่ง ฉันจะสั่งสอนคนที่มันบังอาจทำลายชื่อเสียงเมียฉันให้มันรู้ว่าอย่ายุ่งกับเรา...”
อัคราเสียงเหี้ยมเกรียมในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลและหลักฐานบางอย่างอย่างใจเย็น ดีที่ว่าช่วงนี้อาการแพ้ท้องแทนยอดรักลดลงบ้างแล้วและเขาก็สามารถทำงานได้ตามปกติแต่สิ่งที่มีมากขึ้นในใจของเขาก็คือความห่วงใยและต้องคอยระมัดระวังเรื่องบางเรื่องให้ดี...
“ครับ...” พลออกไปแล้วอัคราก็ถอนใจออกมาเล็กน้อยอย่างเบื่อหน่าย
ชายหนุ่มปรายตามองนิตยสารเชิงซุบซิบตรงหน้าอย่างรังเกียจทั้งยังนึกขยะแขยงสำนักพิมพ์แบบนี้ที่หากินกับข่าวเสียๆ หายๆ ของเหล่าดารานางแบบ และคนมีชื่อเสียงอย่างไรจรรยาบรรณ อีกทั้งยังพาลนึกชิงชังคนที่ให้ข่าวเช่นนี้กับนักข่าวอีกด้วย หาสาระไม่ได้ยังไม่พอ มูลความจริงไม่มีก็ยังเขียนข่าวออกมาได้เช่นนี้...
นางแบบผิวเข้มตาคมชื่อดังได้ผัวดีผัวรวยแต่นางโลภมากสันดานเดิมเผย เปิดซ่องในไร่ชื่อดังโดยมีกะเทยเพื่อนซี้คอยเป็นนายหน้าค้าเนื้อสด...
ข่าวทำนองนี้ทำให้หนังสือขายดีแต่คนที่โดนพาดพิงถึงนั้นเสียหายอย่างหนักหากเขาไม่จัดการให้รู้สำนึกคนพวกนี้ก็จะไม่หยุดแน่นอน...
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้อัคราค่อยๆ เก็บหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่มีข่าวของยอดรักใส่ลิ้นชักไว้อย่างมิดชิดก่อนอนุญาตให้คนที่เคาะประตูเข้ามา…
“มีอะไรหรือแมว...”
ชายหนุ่มปรายตามองหญิงสาวตรงหน้าโดยไม่แสดงอาการอะไร นานแล้วสินะที่แมวไม่ค่อยมาให้เขาเห็นหน้า...
“คือแมวเอ่อ แมวบังเอิญไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งค่ะ...” แมวทำทีอึกอักซ่อนอะไรไว้ข้างหลัง
“หนังสืออะไรแล้วยังไง...”
“ตอนแรกแมวก็คิดว่าจะไม่บอกคุณเด่นและกลัวว่าคุณรักจะเห็น แต่คิดๆ ไปแมวคิดว่าคุณเด่นควรรู้...”
“เข้าเรื่องเลยดีกว่าแมว หนังสืออะไร ไหนเอามาดูสิ...”
อัคราถอนใจอย่างรำคาญและเสียงเข้มขึ้นแมวจึงเอาหนังสือที่ว่าให้เขาดู อัครามองหนังสือที่แมวเอามาให้ด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดในขณะที่แมวลอบยิ้มสมใจและเริ่มร่ายฉากหักเหลี่ยมของตนทันที...
“คือแมวมีเรื่องที่คิดว่ามันสำคัญจะบอกคุณเด่นด้วยค่ะ...”
แล้วแมวก็สาธยายเรื่องราวต่างๆ ให้อัคราได้รับรู้... แต่แมวไม่มีโอกาสรู้หรอก ว่าเรื่องราวที่เธอเล่ามานั้นมันไม่ได้ทำให้อัคราเชื่อถือแม้แต่น้อย แต่ชายหนุ่มก็รับฟังอย่างตั้งใจ...
ทางด้านพิชฎานั้นกำลังหน้าแดงก่ำและเคร่งเครียดเมื่อได้รับโทรศัพท์จากอาทิตย์ที่ดูเหมือนจะหายไปจากชีวิตของเธอแต่แล้วเขาก็โผล่มาราวกับสัมภเวสีที่ติดตามขอส่วนบุญจากไม่ลดล่ะ แล้วอาทิตย์ได้เบอร์โทรศัพท์เธอมาจากไหนกันมันช่างบ้าบอสิ้นดี...
“เธอมีอะไรก็ว่ามาตรงๆ เลยดีกว่าทิตย์ ฉันไม่มีเวลามาคุยเรื่องไร้สาระกับเธอหรอกนะ...”
“อะไรกันที่รัก ห่างกันไม่ทันไรน้ำเสียงห่างเหินจริงนะ”
“อย่ากวนประสาท เธอต้องการอะไรก็ว่ามา ถ้าจะมาไถเงินฉันไม่มีหรอกนะ และถ้าจะให้ดีฉันแนะนำให้เธอไปเกาะชายกระโปรงผู้หญิงหน้าโง่คนอื่นเถอะ อย่ามาจองเวรฉันเลย...” พิชฎากล่าวด้วยน้ำเสียงรำคาญและรังเกียจ
“หึหึ... เมียจ๋า คิดว่าได้เสี่ยเลี้ยงดูชุบตัวแล้วจะโผไปเกาะผู้ชายคนอื่นได้ง่ายๆ หรือไงกัน อย่าลืมสิว่าเธอยังเป็นเมียฉันอยู่”
ชายหนุ่มพูดอย่างเห็นแก่ตัวพิชฎาเบะปากอย่างขยะแขยงผู้ชายที่ทำตัวเหมือนแมงดาเกาะผู้หญิงกินไปวันๆ
“เธออย่าทำตัวเหมือนแมงดาเลยทิตย์ สะอิดสะเอียดและฉันก็ไม่ใช่โสเภณีให้เธอมาเกาะ อีกอย่างเราจบกันแล้วตั้งแต่วันนั้น...”
“เข้าเรื่องเลยดีกว่าพิชชี่... ฉันเองก็ไม่อยากโยกโย้ ฉันรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไร แล้วอย่าคิดว่าเธอจะหนีฉันพ้น ฉันต้องการเงินและหากเธอไม่ตามใจฉันรับรองเลยว่าฉันจะตามไปกระชากหน้ากากอันแสนสวยของเธอแน่ๆ” น้ำเสียงของอาทิตย์เข้มขึ้นและเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวน่าชิงชัง...
“แก... ไอ้แมงดา ไอ้หน้าตัวเมียนี่แกขู่ฉันเหรอ...”
“เปล่า... ฉันพูดจริง... อีกอย่างหากเธออยู่กับยอดรักเธอก็น่าจะขอหยิบยืมหล่อนมาให้ฉันสักสามสี่หมื่นพอได้หมุนก่อนก็ยังได้นี่นา รักใจอ่อนขี้สงสารจะตายไป”
“ไม่มีทาง นังยอดรักมันเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ได้ขี้สงสารเหมือนเดิมหรอกนะ และฉันก็จะยืมเงินมันมาได้ยังไงไร้เหตุผลสิ้นดี...” พิชฎาแหวกลับไปอย่างเดือดดาล
“แล้วนี่เธอได้เบอร์ใหม่ฉันได้ยังไง...”
“หึหึ... ก็มีผู้หวังดีอยากให้ผัวเมียคืนดีกันบอกมา... เอาเป็นว่าเรื่องนั้นไม่สำคัญเท่ากับเรื่องที่ฉันต้องการหรอก... ว่าไง เธอจะเอาเงินให้ฉันได้เมื่อไหร่แต่เร็วๆ หน่อยก็ดีนะ ฉันต้องการใช้เงินด่วนมาก...”
อาทิตย์พูดเสียงยียวนและจริงจังเรื่องเงินซึ่งมันทำให้คนที่ฟังอยากจะทะลุผ่านคลื่นสัญญาณโทรศัพท์ไปตบหน้าอาทิตย์สักทีด้วยความเคียดแค้นชิงชังในความเห็นแก่ตัวของเขา...
“ฉันไม่มีหรอก หากอยากได้จริงๆ เธอต้องรอให้แผนของฉันสำเร็จก่อน...”
“แผนอะไร...”
น้ำเสียงอยากรู้อยากเห็นของอาทิตย์ทำให้พิชฎาตาโตด้วยความคิดบางอย่าง... มีตัวช่วยที่จะทำให้แผนการของเธอสำเร็จเร็วขึ้นแล้ว...
“ก็แผนที่จะได้เงินมหาศาลจากนังยอดรักน่ะสิ... สนใจจะร่วมมือกับฉันไหมล่ะ...” พิชฎายิ้มอย่างเลือดเย็น...
กุ้งเต้นมองพลอย่างเห็นใจเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วข่าวคาวระหว่างเขากับเธอนั้นมันลุกลามจนกลายเป็นเรื่องใหญ่และทำให้ใครหลายๆ คนจับตามองเธอกับพลมากขึ้นทั้งยังมีการซุบซิบนินทาไปในทางเสื่อมเสียแต่คนที่ไดรับผลกระทบไม่ได้มีเพียงเขากับเธอเท่านั้น น้องพราวเองก็ต้องพลอยมารับเคราะห์และโดนล้อเลียนไม่หยุด...
“ฉันว่าเธอควรจะจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาดนะกุ้ง...”
ยอดรักซึ่งวันนี้เข้ามารับฟังปัญหากับกุ้งเต้นด้วยกล่าวขึ้น ตอนนี้ดูเหมือนเธอสองคนโดนโจมตีจากศัตรูที่แอบซ่อนอยู่หลังฉากแต่พวกเธอก็รู้ดีว่าเป็นใคร...
“มันเล่นเอาความรู้สึกของน้องพราวมาล้อเล่นฉันยอมไม่ได้อยู่แล้ว ว่าแต่คุณจะเอายังไงคุณพล...” กุ้งเต้นพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังหน้าตาขึงขังพร้อมรบเลยทีเดียว
“ผมก็ยังไม่รู้เลยครับ...”
“รักเข้าใจนะคะว่าคุณพลไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ข่าวแบบนี้ แต่พวกเราเคยเจอและจัดการมันได้ค่ะ ให้เราช่วยนะคะ...”
ยอดรักกล่าวด้วยความเห็นใจเพราะเห็นสีหน้าคนสนิทของสามีแล้วเธอก็อดสงสารเขาไม่ได้และรู้สึกโกรธแทนที่ใครบางคนเล่นสกปรกแบบนี้ แถมยังหน้าด้านหน้าทนอยู่ในบ้านของเธออย่างไม่สะทกสะท้านด้วย...
“ฉันว่าเราจัดการคนต้นตอก่อนเลยดีกว่ามั้ยรัก”
“ยังก่อน... เราอย่าเพิ่งสาวไปถึงตัวคนพวกนั้น เอาแค่เรื่องคุณพลก่อนดีกว่าเพราะสังคมชาวไร่มันมีความหมายต่อคุณพลมากและเราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้”
“ขอบคุณคุณสองคนมากนะครับที่เป็นห่วงความรู้สึกของผมกับลูกขนาดนี้ ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรดี...”
“เราเข้าใจคะคุณพล คุณเองก็เป็นผู้ชายทั้งแท่ง ฉันเองก็เป็นเหมือนสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ จะให้ใครมารักจริงจังหรือหวังการยอมรับจากสังคมที่เขาไม่เคยสัมผัสกับชีวิตของคนที่เป็นอย่างฉันจริงๆ ก็มีน้อยและเขาก็คงเข้าใจยาก ฉันคิดตกเรื่องนี้มานานแล้วค่ะ... จะว่าไปมันก็เหมือนกรรมเก่านะคะ หากฉันเกิดมาเป็นผู้หญิงแท้ๆ ก็คงไม่ยุ่งยากหรือทำให้คุณอับอายแบบนี้...”
คราวนี้กุ้งเต้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ จนคนฟังใจหาย ยอดรักเดินมาโอบกอดเพื่อนรักของเธอไว้ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและเห็นใจ เธอรู้ดีว่ากุ้งเต้นเองก็มีความรู้สึกที่พิเศษให้กับพล
แต่ความรักเช่นนี้มันไม่มีทางสมหวังได้เลยและแทบจะไม่มีทางเป็นได้ด้วย... ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจคนที่สร้างความเจ็บปวดให้เพื่อนรักของตน...
“คุณกุ้งครับคือผม... ไม่เคยคิดรังเกียจคุณกุ้งหรือดูถูกความเป็นคุณเลยนะครับ ไม่ว่าคุณจะเป็นแบบไหน ผู้หญิงหรือผู้ชายหรือเพศไหน เพียงแต่ผม...” พลอึกอักพูดไม่ออกบอกไม่ถูกเขาเองก็ไม่รู้จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร...
หากเขาไม่รู้สึกอะไรกับกุ้งเต้นเรื่องมันก็คงง่ายกว่านี้....
“ฉันคิดว่าบางทีถ้าฉันไปจากที่นี่อะไรๆ ก็คงง่ายขึ้น...”
“นังกุ้ง / คุณกุ้ง...”
ทั้งยอดรักและพลพูดขึ้นพร้อมกันเมื่อกุ้งเต้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว ใบหน้าที่เคยระบายด้วยรอยยิ้มแจ่มใสของกุ้งเต้นดูเคร่งเครียดจริงจังและเศร้าสร้อยจนน่าใจหาย...
“กุ้งฉันว่าแก...”
“แกไม่ต้องพูดนังยอด... ฉันตัดสินใจแล้ว...”
ไม่ทันที่ยอดรักจะพูดอะไรกุ้งเต้นก็ขัดขึ้นด้วยรู้ดีว่าเพื่อของตนจะพูดว่าอย่างไร ยอดรักมองเพื่อนอย่างเห็นใจ กุ้งเต้นไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนและหากเป็นเช่นนี้นั่นแสดงว่ากุ้งเต้นแคร์พลมาก...
พลกับยอดรักมองตามแผ่นกลังกว้างของกุ้งเต้นซึ่งเดินเลี่ยงไปเงียบๆ ด้วยความรู้สึกหนึ่งที่เหมือนกันคือ ใจหาย... และลมหายใจติดขัดขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มันเหมือนว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตกำลังจะถูกพรากหรือจากไป...
ยอดรักกับพลหันมามองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี แต่สำหรับยอดรักนั้นรู้ดีว่ากุ้งเต้นนั้นรู้สึกพิเศษกับพลมากแค่ไหนและเธอจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อความสุขของเพื่อนรัก...
แต่พลล่ะ เขาจะทำอย่างไร...
