ต่อต้าน
หลายวันผ่านไป ภายในห้องโถงที่ถูกตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหรา ทว่าบรรยากาศกลับตึงเครียด เมื่อรามเกียรติ์ถูกบิดาเรียกเข้าพบตั้งแต่เช้า
ชายหนุ่มยังคงจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี นับตั้งแต่วินาทีที่รามเกียรติ์ทราบข่าวจากบิดา เรื่องที่เขากำลังจะมีแม่เลี้ยง ทำให้เด็กอายุเก้าขวบสับสนในหัวใจ เริ่มต่อต้านผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของเขากับทศกัณฐ์ (บิดาของรามเกียรติ์) จนกระทั่งเขาโตเป็นผู้ใหญ่ เรียนจบคณะบริหารธุรกิจในสาขาที่บิดาเจาะจงเอาไว้ ในเมื่อผู้ให้กำเนิดเห็นภรรยาใหม่กับลูกสาวดีกว่า จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่รามเกียรติ์ต้องแคร์อีกต่อไป
“เรียนจบแต่ไม่ยอมเข้ามาทำงานที่บริษัท เที่ยวเตร่ไปวัน ๆ คงสนุกมากใช่ไหมราม” น้ำเสียงห้วน ๆ ของทศกัณฐ์ดังขึ้น พลางชี้หน้าต่อว่าลูกชายอย่างเหลืออด
“ก็สนุก ผมมีความสุขดี” รามเกียรติ์พูดออกมาหน้าตาเฉยไม่เดือดไม่ร้อน ประหนึ่งถ้อยคำของบิดาเป็นเพียงประโยคบอกเล่า ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจ
“ได้! แกต้องการท้าทายอำนาจฉันใช่ไหม หนูเมรีเรียนจบเมื่อไหร่ฉันจะยกตำแหน่งรองประธานให้กับเธอทันที ทุกวันนี้ฉันคงพึ่งพาแกไม่ได้ น้องเป็นผู้หญิงยังมีความรับผิดชอบมากกว่าแกเสียอีก”
“เทิดทูนกันเข้าไป ขอให้ลูกสาวคนโปรดของคุณพ่อดูดีในสายตาแบบนี้ตลอดไปนะครับ จุ๊บ!” รามเกียรติ์แสยะยิ้มร้าย ก่อนจะส่งจูบให้กับบิดาด้วยแววตาทะเล้นยียวนกวนประสาท
“ไอ้ราม! ไอ้ลูกเวรเอ๊ย!” ทศกัณฐ์พยายามระงบอารมณ์โกรธที่มันแล่นอยู่ในใจ เขาอยากเดินออกไปกระชากคอเสื้อลูกชายแรง ๆ แล้วตบสั่งสอนสักสองสามที แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่คิด
“คุณรามน้าขอพูดอะไรด้วยหน่อยสิ” โมราเดินตามรามเกียรติ์ไปที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งชายหนุ่มให้แม่บ้านเตรียมไวน์เย็น ๆ ไว้ให้ เพื่อบรรเทาอาการหัวร้อนที่พร้อมบวกกับผู้เป็นบิดาได้ทุกเวลา
“มีอะไรเหรอครับ ที่พ่อของผมให้ไปยังไม่พอใจอีกเหรอ” เขาพูดประชดประชันออกมา พลางยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ
“น้ากับเมรีไม่เคยต้องการอะไรที่เป็นของคุณรามเลยนะคะ ตอนนี้คุณทศก็อายุมากแล้ว เมรีเองก็เป็นผู้หญิงจะดูแลบริษัทใหญ่โตแบบนั้นได้ยังไง”
“นั่นมันเรื่องของเขา และปัญหาของเธอไม่เกี่ยวกับผมสักหน่อย” รามเกียรติ์แสยะยิ้มร้าย เมื่อชายหนุ่มคิดว่าสองแม่ลูกคือปรสิต
“คุณจะเชื่อน้าหรือไม่ก็ตาม ตลอดระยะยี่สิบปีที่ผ่านมาน้าแค่หวังให้คุณรามกับพ่อปรับความเข้าใจกัน น้าไม่ได้มาแทนที่ใคร แต่น้ามาทำหน้าที่ของตัวเอง หน้าที่ของคนรัก หน้าที่การดูแลคุณรามให้มีชีวิตที่ดี และที่สำคัญหน้าที่ของความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง”
“ยิ่งคุณน้าพูดก็เหมือนแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ถ้าให้พูดตามเนื้อผ้า คุณน้าก็แค่ผู้หญิงที่รักความสบาย ใช้มารยาแย่งความรักที่พ่อของผมเคยมีให้กับแม่ไปจนหมด” โมราถึงกับถอนหายใจออกมา เพราะไม่ว่าเธอจะอธิบายยังไงรามเกียรติ์ก็คงไม่ฟัง
“น้ามาทีหลังแม่ของคุณก็จริง แต่น้ามาหลังจากที่แม่ของคุณรามจากไปแล้ว น้าไม่ได้แย่งคุณทศมาจากคุณรามหรือว่าแม่ของคุณรามเลยนะคะ น้ายังคงเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความปรารถนาดีต่อคุณทศกับรามเสมอ”
“คุณน้าเลิกเสแสร้งเถอะครับ พ่อไม่ได้อยู่แถวนี้สักหน่อย”
“ถ้าทุกอย่างคือการเสแสร้งดังที่คุณรามพูดมานั้น น้าคงเสแสร้งได้มาราธอนยาวนานมากเลยนะคะ” คราวนี้โมราพูดพลางฝืนยิ้มออกมา เพราะเธอไม่คิดว่ารามเกียรติ์จะเกลียดเธอมากถึงเพียงนี้
“นั่นสิครับไม่เหนื่อยบ้างเหรอ แต่ผมเหนื่อยแทน” ประโยคที่ไม่เคยรักษาน้ำยังคนฟัง โมราได้ยินจนชิน เธอได้แต่หวังว่าสักวันรามเกียรติ์จะยอมรับความปรารถนาดีที่เธอมีให้กับเขา
“แม่จ๋าเมย์ไปฝึกงานแล้วนะ” เมรีไม่ทันสังเกตเห็นรามเกียรติ์ เพราะมัวแต่ล้วงหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋า
“ไปยังไงให้แม่ไปส่งไหม วันนี้พ่อต้องไปพบลูกค้าก่อนเข้าบริษัท”
“ไม่ต้องค่ะแม่ พอดีวันนี้หมอชินมารอรับที่หน้าบ้านแล้วค่ะ”
“ร่าน!” น้ำเสียงเข้มดังลอดไรฟัน จนโมรีต้องเอียงหูฟัง
“คุณรามว่าอะไรนะคะ”
“เปล่า” เขาพูดพลางคว้ากุญแจรถจักรยานยนต์คันหรู ซึ่งเขาซื้อมาในราคาเจ็ดหลักขับผ่านทีทำเอาสาว ๆ กรี๊ดกันให้วุ่น เท่เกินห้ามใจแต่มันอันตรายเกินไปเขาจึงไม่เคยให้ใครมาเสี่ยงด้วย
ในเวลานี้สิ่งที่ทศกัณฐ์กำลังกังวล คือเรื่องของลูกชายที่กำลังจะกลายเป็นความแตกหัก ถ้าหากปล่อยทุกอย่างเอาไว้แบบนี้ทุกอย่างที่สร้างมากับมือต้องพังทลายเป็นแน่ รามเกียรติ์อายุยี่สิบเก้าปีแล้ว เขาควรเข้ามามีบทบาทในบริษัทได้แล้ว
“คุณทศค่ะ คุณไม่สบายหรือเปล่า”
“ผมปวดหัวนิดหน่อย”
“เดี๋ยวโมไปหยิบยาให้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอก ผมแค่คิดมากเรื่องเจ้ารามน่ะ”
“คุณรามไม่ฟังใครเลย โมขอโทษนะคะที่เป็นสาเหตุให้คุณกับลูกผิดใจกัน”
“มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก ผมเองที่ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ จนเวลาผ่านไปรามกลับไม่มีความรับผิดชอบ เขาทำเหมือนกับบริษัทที่ผมสร้างมากับมือ ไม่มีค่าอะไรเลย” ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจทำให้ชายสูงวัยเริ่มโทษตัวเอง ที่อบรมเลี้ยงดูลูกชายไม่ดีพอ
“ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวโมจะช่วยพูดกับคุณรามเอง” ในเวลานี้สิ่งที่โมราทำได้ ก็คงหนีไม่พ้นการปลอบใจสามีของเธอ
เมื่อรามเกียรติ์ขับรถออกมาจากบ้าน เขาตรงไปที่บริษัทพลางกำชับให้ผู้ช่วยคนสนิทของบิดาปิดเป็นความลับ ชายหนุ่มเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้ไว้ซึ่งผลประโยชน์ในส่วนของมารดา เขาไม่อยากได้ในส่วนที่เป็นของบิดาเลยสักนิด ต่อให้ทศกัณฐ์ยกหุ้นทั้งหมดให้กับโมราเขาก็ไม่เสียดาย แค่เสียใจที่บิดาเห็นคนอื่นดีกว่าลูกในไส้
