ความรู้สึก
เวลาผ่านไปหลายเดือน ในที่สุดเมรีก็เรียนจบสักที สมกับที่หญิงสาวตั้งใจเรียนมาหลายปี เธอคว้าเกรดนิยมอันดับหนึ่งมาได้ยิ่งสร้างความปลาบปลื้มใจให้กับคนในครอบครัว ยกเว้นรามเกียรติ์ที่แสดงออกชัดเจน เขาไม่ได้ยินดียินร้ายในความสำเร็จอีกขั้นของเมรี
ค่ำคืนนี้หญิงสาวได้ขออนุญาตบิดามารดาไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อน ๆ แน่นอนหนึ่งในนั้นก็ต้องมีนายแพทย์ชินดนัย เขาเป็นคนจัดการหาร้านอาหารหรูหราริมแม่น้ำเจ้าพระยา ท่ามกลางวิวแม่น้ำที่สวยงาม แสงสีกรุงเทพฯ ในยามค่ำคืนคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ เหมาะสำหรับการมารับประทานอาหารมื้อเย็น เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศแสนโรแมนติก
“เมย์ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ เลยนะคะ ที่คอยเป็นธุระจัดการจองร้านอาหารให้กับพวกเรา” หญิงสาวส่งยิ้มหวาน พลางส่งแก้วเครื่องดื่มให้กับเขา ท่าทางของนายแพทย์หนุ่มดูดีใจกว่าที่เคย
“ไม่เป็นไรหรอกครับผมยินดี”
“ดอกไม้ได้แล้วค่ะ” พนักงานในร้านเดินเข้ามาพร้อมกุหลาบช่อโต ทำเอาเพื่อน ๆ ของเมรีแซวกันใหญ่ ซึ่งทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน แล้วยังเชียร์ให้คนทั้งคู่ตกลงปลงใจเป็นแฟนกันสักที
“คุณหมอโรแมนติกไม่เบาเลยนะคะ พวกเราแอบอิจฉาตาร้อนเลยนะคะเนี่ย” เจนจิราเพื่อนสนิทของเมรียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เมื่อเห็นเมรีมีชายหนุ่มโพรไฟล์ดีตามขายขนมจีบมาเป็นปี แต่เธอกลับไม่ยอมตกลงคบกับเขาสักที
“สำหรับคุณเภสัชกรคนเก่งครับ”
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ” หญิงสาวจำใจเอื้อมมือไปรับช่อดอกไม้นั้นเอามาถือไว้
ภาพที่เมรีรับกุหลาบช่อโตจากนายแพทย์หนุ่มถูกส่งไปให้รามเกียรติ์ พร้อมกับข้อความที่ทำให้อีกฝ่ายอยากล่องหน ไปกระชากเธอออกจากบรรยากาศแสนโรแมนติก ล้อมหน้าล้อมหลังไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา
“เป็นไงน้องสาวสุดที่รักของมึง ตอนนี้มีหนุ่มหล่อขอเป็นแฟนตัดหน้าไปแล้ว” ขุนพลมารับประทานมื้อเย็นกับครอบครัว เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับเมรีที่นี่
‘แล้วไง’ รามเกียรติ์หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด พลางเดินออกมาจากห้องทำงาน ซึ่งบิดาของเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกชายเป็นนักการตลาดตัวฉกาจ สามารถวิเคราะห์วางแผนผลักดันให้สินค้าเป็นที่รู้จักเพียงชั่วข้ามคืน รวมถึงการสร้างแคมเปญโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้ถึงลูกค้าทุกระดับเป็นไปตามแผนบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ
“มึงไม่มาดูหน่อยเหรอ”
‘กูทำงานอยู่ไม่ว่าง ถึงว่างก็ไม่ไป’ เขาพูดพลางพ่นควันโขมง
“พวกเขาฉลองอะไรกัน ทำไมมีทั้งแชมเปญหรูน่าดื่มจังว่ะ พูดมาแล้วเปรี้ยวปากอยากเดินไปร่วมวงด้วยจัง”
‘เอาสิ!’ น้ำเสียงเข้มดังขึ้นประหนึ่งเห็นด้วยกับขุนเดช
“ไอ้เชี้ยราม มึงบ้าหรือไง กูมีมารยาทผู้ดีมากพอโว้ย”
‘ไม่ใจก็อย่าพูด กูมีโปรเจ็กต์ใหม่คืนนี้ต้องทำให้เสร็จแค่นี้นะ’
“เฮ้ยไอ้ราม! น้องสาวมึงถูกไอ้หมอนั่นมอมเหล้าหรือเปล่าว่ะ เห็นเธอดื่มไปหลายแก้วแล้วนะ”
‘เขาจะหามหมู มึงอย่าเอาคานไปสอด กูไม่ว่างมาฟังเรื่องไร้วาระกับมึงหรอกนะ’
“สุภาษิตอะไรของมึงว่ะ เฮ้! ไอ้ราม!” ขุนเดชถึงกับส่ายหน้าไปมา เมื่อรามเกียรติ์ชิงวางสายไปแล้ว
ในเมื่อบิดาเห็นแม่เลี้ยงกับลูกสาวสำคัญกว่า พอเรียนจบรามเกียรติ์ได้ย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้น เขาได้มาอาศัยอยู่อีกหลังหนึ่งซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากมารดา ชายหนุ่มใช้ชีวิตที่นี่เป็นหลัก เพื่อหลีกหนีภาพของคนที่มาแทนที่มารดา นาน ๆ ถึงจะกลับไปค้างที่บ้านหลังนั้น
พรุ่งนี้เขาต้องส่งงานให้กับผู้ช่วยทศกัณฐ์ ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ใหม่รามเกียรติ์เป็นผู้ออกแบบแคมเปญโฆษณาสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์มานานหลายปี แต่บิดาไม่เคยรู้ เพราะบริษัทที่เขาตั้งขึ้นมานั้น ไม่ได้เปิดเผยในวงกว้าง ส่วนมากเขาจะรับงานที่บริษัทบิดาเป็นหลัก
ชายหนุ่มแค่อยากเป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ คอยขับเคลื่อนผลักดันให้ทศกัณฐ์พีราฟามาซีกรุ๊ปเป็นที่ยอมรับของคนทั้งโลก สานฝันให้กับพิริยา (มารดารามเกียรติ์) ถ้าหากมารดาของเขามองมาจากบนฟ้า นางคงภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้มาก
