บทที่ 9 คู่หมั้นลูกสาว
“พรุ่งนี้เดี๋ยวฉันเข้าไป”
“แกอยู่ไหนเนี่ย”
“อยู่โรงงานนี่แหละ เพิ่งมาถึงวันนี้”
“หายป่วยแล้วเหรอ”
“ก็ยังตัวรุม ๆ นิดหน่อย”
“เออ ๆ อย่าลืมกินยาแล้วรีบพักผ่อนซะ”
“อือ แต่ไม่ต้องบอกขิมนะว่าฉันจะเข้าไป” กลัวเธอจะไม่อยู่คุยด้วย
“ทำไม จะมาเซอร์ไพรส์?”
“อือ”
“เออ ๆ เข้ามาละกัน”
“เค”
วางสายกับเพื่อนก็มีสีหน้าหนักใจ
“ขิมจะยอมเจอฉันไหมนี่สิคือปัญหา” ม่านหมอกพึมพำออกมายังไม่รู้เลยว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขาที่สุดแล้วเท่าที่เคยเจอมาทั้งชีวิต มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัย ถึงเธอจะไม่ให้อภัยแต่ก็ขอให้เธอยอมคุยกับเขาบ้าง
เช้าวันต่อมาที่บ้านประกายฤกษ์ ทุกคนกำลังนั่งรับประทานอาหารร่วมกัน น่านฟ้ากลายเป็นคุณพ่อลูกสองและย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านประกายฤกษ์เพื่อไม่ให้พ่อกับแม่เหงาเพราะทั้งสองเกษียณตัวเองตอนนี้ก็อยู่บ้านคอยเลี้ยงหลานตอนเด็ก ๆ เลิกเรียน
“พี่หมอกไปอีสานอย่างนั้นเหรอคะคุณแม่” มนชิตาเอ่ยถามกมลพรรณ เมื่อได้ยินข่าวว่าพี่ชายคนโตไม่อยู่บ้าน
“จ้ะ บอกว่ามีงานต้องไปเคลียร์”
“เรื่องสำคัญเหรอคะ ทำไมต้องไปเอง ทุกทีเห็นให้คุณชลไปนี่คะ” มนชิตายังสงสัยต่อ
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นบอกว่าจะไปพักผ่อนด้วย แม่ก็เลยไม่ได้ถามอะไรมาก ว่าแต่เรื่องของเราเถอะ เมื่อไหร่คุณเทมป์จะมาสู่ขอลูกซะที มนอายุสี่สิบเอ็ดแล้วนะลูก แม่เป็นห่วงเดี๋ยวมนจะมีหลานให้แม่ไม่ได้” กมลพรรณเป็นห่วงจริง ๆ ตอนนี้เป็นห่วงลูกชายคนโตก็มากพออยู่แล้วยังต้องมาห่วงลูกสาวคนเล็กอีก
“แหม คุณแม่ก็มีภูผากับฟ้าใสแล้วไงคะ” มนชิตาหมายถึงลูกทั้งสองของพี่ชายคนรองของเธอ
“แต่พวกเราอยากมีน้องนี่ครับอามน” ภูผาลูกชายคนโตวัยเก้าขวบของน่านฟ้าเอ่ยขึ้น
“ฟ้าใสก็อยากมีน้องค่ะ” ตามด้วยฟ้าใสลูกสาวคนเล็กวัยหกขวบ
“ภูผา ฟ้าใส ไม่พูดแทรกผู้ใหญ่สิลูก” กรรวีเอ่ยห้ามลูกทั้งสองไม่ให้เสียมารยาท แล้วเอามือลูบผมลูกสาวคนเล็กเบา ๆ
“ขอโทษครับ/ค่ะ คุณแม่” ลูกทั้งสองขอโทษแล้วนั่งกินข้าวอย่างสงบเสงี่ยม
“ใครจะมาเอ๊า” น่านฟ้าเน้นเสียง พลางตักข้าวเข้าปากไปด้วย
“สาบานว่านั่นคือปาก” เจ้าตัวแหวใส่พี่ชายทันที
“หึ หึ เจ้าสองคนนี่ ตั้งแต่เด็กยันแก่จริง ๆ” กัมปนาทขำกับลูกทั้งสอง ความจริงคือรักกันมาก แต่ขอหน่อยเถอะ ได้ทะเลาะกันนิดนึงก็ยังดี
“ก็พี่น่านเริ่มก่อนอะพ่อ”
“ก็เลือกมากขนาดนั้นใครเขาจะมาเอา ทำอะไรก็ไม่เป็น” น่านฟ้ายังพูดต่อ น้องสาวคนนี้นาน ๆ จะหยิบจับงานในบ้านที แต่งานนอกบ้านเธอเก่งไม่เป็นรองใคร ตอนนี้เธอกลายเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยอย่างเต็มตัว
“พี่น่าน!” มนชิตาพูดเสียงสูงแล้วทำตาเขียวใส่พี่ชาย เธอไม่ได้เรื่องมากซะหน่อย แค่ผู้ชายที่จะมาเป็นพ่อของลูกเธอถ้าไม่ใช่สายฝอก็ต้องเป็นลูกครึ่งเท่านั้น ไม่อย่างนั้นหางตาเธอก็ไม่มีทางแลเด็ดขาด เธอชอบผู้ชายตัวใหญ่ อย่างแฟนคนนี้เธอก็เพิ่งเปิดใจคบได้ยังไม่ถึงสองปี เทมป์เป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษในมหาวิทยาลัยเดียวกันกับเธอ
“พอได้แล้วลูก คุยกันดี ๆ ได้ไม่เคยถึงสิบคำสักทีสองคนนี้จริง ๆ เลย” กมลพรรณห้ามศึกลูกทั้งสอง
“พ่อได้ยินว่าจักรก็สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับมนนิ่ ได้เจอกันบ้างรึเปล่า” กัมปนาทหมายถึงพี่ชายต่างมารดาของกรรวี แม่ของหลานทั้งสอง ซึ่งภูผาและฟ้าใสไปเยี่ยมอยู่บ่อยครั้ง
“ก็นาน ๆ เจอทีค่ะคุณพ่อ ไม่ค่อยได้คุยกันหรอกค่ะ เขาไม่ค่อยชอบคุยเท่าไหร่” จักรกฤชเป็นคนนิ่ง ๆ และเข้าถึงยาก จึงทำให้เขาโสดมาจนถึงทุกวันนี้ เจอกับมนชิตาทีไรก็ใช่จะคุยนาน ส่วนมากจะเดินหนีเธอซะมากกว่า ถ้าเธอไม่มีแฟนซะก่อนก็กะว่าจะตามจีบซะให้เข็ด จักรกฤชเป็นผู้ชายคนเดียวที่เธอยกเว้น เพราะเขาเป็นชายไทยที่รูปร่างสูงใหญ่
ช่วงสายวันเดียวกันที่บ้านหรรษธร
“สวัสดีครับคุณพ่อ” นวพัฒน์พนมมือไหว้ว่าที่พ่อตา
“สวัสดีครับ นัดกับขิมไว้เหรอ”
“ครับพ่อ”
“ขิมอยู่ในบ้านแน่ะ ตามสบายนะ” หรรษธรยืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน เพราะกว่าเขาจะเข้าไปร้านทองก็เกือบสิบเอ็ดโมงของทุกวัน เพราะเขามีผู้ช่วยอย่างสร้อยสุดาจัดการแทนเขาทุกอย่าง หรรษธรดูแลร้านทองสาขาหนึ่ง ส่วนมัณฑนาน้องสาวของเขาดูแลสาขาสอง
“ครับผม”
นวพัฒน์เดินเข้ามาในห้องรับแขก กัลยาก็เดินออกมาจากห้องพอดี
“ขิมอยากไปเที่ยวไหน เดี๋ยวหนุ่ยพาไป” นาน ๆ เจอกันทีนวพัฒน์ก็อยากตามใจเธอบ้าง
“ขิมยังมีไข้อยู่เลยอะ ไว้วันหลังค่อยไปได้ไหม” บอกคนรักหน้าตาเนือย ๆ เธอยังมีไข้อยู่จริง ๆ ทั้งปวดศีรษะทั้งปวดตามตัว
“อือก็ได้ ไหนขอดูหน่อยว่ายังตัวร้อนอยู่ไหม” ว่าจบก็ใช้หลังมือแตะหน้าผากแฟนสาว
“ขิม ดูสิว่าใครมาหา” หรรษธรเอ่ยขึ้นพร้อมร่างใหญ่ของใครอีกคนเดินตามหลังเข้ามา และทันที่เขาจะเห็นคู่หมั้นของกัลยาทำอะไรกับเธอ กัลยามองเห็นสายตาคู่นั้นแววตาเธอก็ไหววูบลง
“พ่อเลี้ยง!” เสียงที่เอ่ยออกมาเบาหวิว
เขายังจะตามเธอมาทำไมอีก
ภาพที่เขาตอกอัดตัวตนใส่กายเธอก็ผุดขึ้นมาในมโนภาพของเธออีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ…พ่อเลี้ยง” น้ำเสียงไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนทุกครั้งที่เคยเจอ เธอไม่รู้ว่าเขาจำเหตุการณ์ในคืนนั้นได้หรือไม่ แต่เธอทำตัวปกติที่เคยทำกับเขาไม่ได้จริง ๆ
หรรษธรแปลกใจที่ลูกสาวไม่ลุกขึ้นมากอดคอหอมแก้มพ่อเลี้ยงเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน ใช่สิมันก็เจ็ดปีแล้วที่เขาทั้งสองไม่ได้เจอกัน กัลยาโตเป็นสาวขึ้น เธอก็ต้องรักนวลสงวนตัวเป็นธรรมดา นั่นเป็นสิ่งที่หรรษธรเคยพร่ำสอนลูกสาวมาตลอด
“สวัสดีครับพ่อเลี้ยง” นวพัฒน์เรียกม่านหมอกเหมือนกับคนรัก เขาเคยได้ยินชื่อพ่อเลี้ยงของแฟนสาว แต่เพิ่งเห็นตัวจริงวันนี้ ม่านหมอกตัวสูงใหญ่ ผิวขาวออร่า ยังดูหนุ่มแน่นไม่เหมือนผู้ชายอายุสี่สิบห้าแถวบ้านเขาเลยสักนิด
“สวัสดีครับ” ม่านหมอกกล่าวทักทายทั้งคู่พร้อมรับไหว้ วางใบหน้าเรียบเฉย เขาสังเกตเห็นถึงแววตาที่เปลี่ยนไปของกัลยา
