บทที่ 8 ขิมไม่สบาย
‘อื้อ สร พี่รักสรมาก’ ปากพร่ำบอกสะโพกก็กระแทกกระทั้นเข้าใส่เธออย่างหนักหน่วง
นี่เธอกำลังเป็นอะไรไป เธอเสียใจอะไรกันแน่ เสียใจที่เขาไม่ได้คิดว่าเป็นเธออย่างนั้นหรือ
“ขิมเกลียดพ่อเลี้ยง ฮือ ฮือ” ร่างเล็กทรุดลงนั่งยองในห้องน้ำ ผมยาวสลวยเปียกน้ำลู่ลงมาจนลีบ
กัลยาไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่หื่นขนาดนี้ มือบางขยี้ริมฝีปากตัวเองแรง ๆ เพื่อให้รอยจูบของคนใจร้ายมันจางหายไป ยิ่งขยี้ก็ยิ่งคิดถึง ขนาดเธอกับคู่หมั้นก็ยังไม่เคยจูบกันเลยสักครั้ง แต่ม่านหมอกกลับได้ทุกอย่างในตัวเธอไปครอบครองทั้งหมด แล้วแบบนี้เธอยังจะมีหน้าไปแต่งงานกับนวพัฒน์ได้อีกอย่างนั้นหรือ
อาบน้ำเสร็จกัลยาเหนื่อยกับการร้องไห้ แถมเมื่อคืนก็แทบไม่ได้นอน เธอหลับไปจนถึงช่วงเย็น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ขิม เปิดประตูให้พ่อเข้าไปหน่อย”
กัลยางัวเงียตื่นอย่างลำบาก ร่างเล็กเมื่อยขบไปหมด กลางหว่างขายังรู้สึกเจ็บนิด ๆ แล้วเดินไปเปิดประตู
“ขิม ตื่นมาทานข้าวก่อนลูกเดี๋ยวค่อยนอนต่อ”
“ค่ะพ่อ” ถึงไม่รู้สึกหิว แต่เธอก็ต้องกินอะไรสักหน่อย เพื่อจะได้ทานยา ตอนนี้รู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้
ร่างบางเดินออกมานั่งที่โต๊ะอาหาร
“ร้อนจะตาย ทำไมใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวด้วย” หรรษธรเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวแต่งตัวมิดชิด ปกติต้องกางเกงขาสั้นหรือไม่ก็เสื้อแขนกุด
“ขิมรู้สึกหนาวค่ะพ่อ เหมือนจะเป็นไข้” ทั้งจะเป็นไข้ ทั้งเพื่อปกปิดรอยช้ำ ถ้าจะให้ลงรองพื้นปกปิดก็คงไม่ไหว
“ให้น้าทำข้าวต้มให้ไหมคะ” สร้อยสุดาเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอย่างใจจริง
“ไม่เป็นไรค่ะ ขิมกินที่มีอยู่ก็ได้ค่ะ ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” กัลยาไม่ได้สนใจความห่วงใยที่สร้อยสุดามีให้นัก อีกอย่างเธอก็ไม่ได้หิวจริง ๆ
สร้อยสุดาจึงไม่บังคับเธอ
บ้านพักข้างโรงงานน้ำตาลประกายฤกษ์ในภาคอีสาน ม่านหมอกมาถึงประมาณสองทุ่ม
“ผมให้รุ่งทำอาหารไว้ให้คุณหมอกแล้วครับ” สุชินเอ่ยขึ้นเมื่อขับรถเข้ามาจอดภายในบ้าน บ้านหลังนี้ม่านหมอกและมธุสรเคยมาพักตลอดเมื่อตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ ถ้าไม่พักที่บ้านหลังนี้ก็ไปพักที่บ้านของหรรษธร ตอนนี้จิตใจเขาไม่ได้จดจ่ออยู่ที่มธุสรอีก
“ขอบใจนะ เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องให้ฉันที”
“ครับผม”
ม่านหมอกเดินเข้าไปในบ้านด้วยความรู้สึกหลายอย่าง เขาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่ รู้แต่ว่ารู้สึกผิดกับผู้หญิงทั้งสองคนที่เขารัก
กัลยานั่งมองโทศัพท์ตัวเอง เธอไม่เข้าใจตัวเองว่าจะรอให้ผู้ชายคนนั้นโทรมาทำไม ในเมื่อเขาก็ไม่เคยมีเบอร์เธอ เขาคงไม่ได้สนใจอะไร ขนาดผ่านมาแล้วทั้งวัน เขาก็ยังไม่คิดจะถามไถ่เธอสักคำ เธอรู้เพราะวันนี้พ่อของเธอไม่ได้พูดถึงเพื่อนรักของเขาเลยแม้แต่คำเดียว
เธอไม่เคยคิดว่าม่านหมอกก็เหมือนผู้ชายคนอื่น ๆ เสียแรงที่เธอรักและเคารพนับถือเหมือนเป็นพ่อแท้ ๆ แต่เขาก็ยังมาย่ำยีเธอได้
ครืด ครืด หันขวับมองโทรศัพท์อย่างมีความหวัง เธอลอบถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นเบอร์แฟนหนุ่ม
“จ้าหนุ่ย”
“กลับวันไหน หนุ่ยจะได้ไปรับ”
“ไม่ต้องแล้วจ้ะ ขิมอยู่บ้านแล้ว”
“อ้าว มาเมื่อไหร่ทำไมไม่บอก”
“พอดีรีบกลับน่ะ เห็นหนุ่ยติดสอบขิมเลยไม่อยากรบกวน”
“งั้นพรุ่งนี้สอบเสร็จเราไปหานะ”
“จ้ะ”
“คิดถึงน้า”
“จ้า”
“หนุ่ยอ่านหนังสือสอบก่อนนะ”
“ตั้งใจสอบนะ”
“โอเคจ้า รักขิมนะ”
“จ้า จุ๊บ ๆ”
ทั้งคำบอกคิดถึงคำบอกรักของนวพัฒน์ แต่ไม่รู้ทำไมกัลยาถึงไม่ได้รู้สึกว่ามีความรู้สึกรักและคิดถึงในคำพูดนั้น อีกทั้งที่เขาบอกจะมาหา เธอกลับไม่ได้รู้สึกดีใจเลยสักนิด เธอไม่รู้ว่าเธอเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ว่าตอนนี้มันเริ่มหนักขึ้นทุกวัน
“หนุ่ยคุยกับใครเหรอ” ปูรดาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำเอ่ยถามคนรัก ทั้งสองแอบคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่สอง อีกไม่ถึงสัปดาห์ทั้งสองก็จะสอบปีสี่ภาคเรียนสุดท้ายเสร็จ
“กับคู่หมั้น” ปูรดาทำสีหน้าไม่พอใจ
“เมื่อไหร่หนุ่ยจะเลิกกับยายนั่นซะที” ปูรดารู้ทุกอย่างว่านวพัฒน์มีคู่หมั้นแต่ทั้งสองก็ยังคบกัน
“ปูก็ทนหน่อยน่า อยู่แบบนี้ก็ดีแล้วนี่นา หนุ่ยก็ไม่ได้ไปนอนกับขิมซะหน่อย” บอกว่าเป็นคู่หมั้นกันแต่ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปเรียน คนหนึ่งเรียนที่อีสานอีกคนเรียนที่กรุงเทพฯ ทั้งสองจึงไม่ค่อยมีเวลาได้ใช้ร่วมกันในฐานะแฟนมากนัก แรก ๆ ความรู้สึกรักมันก็มีมากแต่เมื่อหลายปีเข้า เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าคบกับกัลยาเพราะผลประโยชน์หรือเพราะความรักกันแน่
“ก็รู้ค่ะ แต่มันก็อดหึงไม่ได้นี่นา ถึงยังไงหนุ่ยกับขิมก็เป็นคู่หมั้นกัน ปูก็แพ้อยู่ดี” นวพัฒน์รั้งร่างปูรดาเข้ามากอด
“ตอนนี้หนุ่ยยังต้องพึ่งขิมอยู่ไง เอาไว้ให้หนุ่ยเรียนจบแล้วหาตังค์ได้เยอะๆ ก่อนแล้วหนุ่ยจะเลิกกับขิมนะ” พูดพลางคลอเคลียปลายจมูกไปตามลำคอขาว
“สัญญานะคะ”
“สัญญาจ้ะ” ใจจริงนวพัฒน์อยากเก็บไว้ทั้งสองคน ถึงกัลยาจะไม่ยอมให้เขามีอะไรด้วย แต่ยามที่เขาเดือดร้อนเรื่องเงิน เธอก็ยื่นมือเข้ามาช่วยตลอดอีกอย่างฐานะทางบ้านเธอก็ดีกว่าเขามาก ส่วนปูรดาก็ช่วยเติมเต็มเขาในเรื่องเซ็กซ์ได้ตลอดเวลา แบบนี้ใครจะโง่เลือกรักแค่คนเดียว
ครืด ครืด เกือบสี่ทุ่มเสียงโทรศัพท์ของหรรษธรดังขึ้น
“ว่าไง ทำไมโทรมาดึกจัง” จะไม่ให้ดึกได้อย่างไร เล่นนั่งจ้องโทรศัพท์อยู่เป็นชั่วโมง คิดแล้วคิดอีกกว่าจะตัดสินใจโทรหาเพื่อน
“แกกินข้าวยัง”
“ตอนสี่ทุ่มเนี่ยนะ”
“อือ”
“แกบ้ารึเปล่าเนี่ย มีไรก็พูดมาตรง ๆ”
“ขิมเป็นไงบ้าง”
“เป็นห่วงลูกก็ถามสิวะ ไม่เห็นต้องอ้อมค้อม”
“เออนั่นแหละ ขิมเป็นไงบ้าง”
“ขิมไม่สบาย”
“หา! ขิมไม่สบาย”
“อือ กินข้าวกินยานอนไปละ ลูกสาวแกกลับบ้านมารอบนี้ดูไม่สดชื่นเลยว่ะ” สายตาคนฟังกระตุกวูบ ที่เธอไม่สบายอาจจะเกี่ยวกับที่เขาทำกับเธอด้วยก็เป็นได้ ถึงเมื่อคืนทุกอย่างจะเหมือนความฝัน แต่เขาก็จำความรู้สึกได้ดีทุกอย่าง ไม่แปลกใจที่ทำไมเขาสัมผัสได้ถึงความคับแน่นตัวตนเขาไปหมดแบบนั้น อีกทั้งเขายังรับรู้ได้ว่าสัดส่วนทุกอย่างของกัลยาแตกต่างจากมธุสรแค่ไหน เธอคงเกลียดเขามาก
