บทที่ 16 พล่ามไร้สาระ
ซิงเอ๋อร์ได้ยินแล้วก็พยักหน้าเบาๆแล้วพูดว่า “คุณหนู ฮูหยินรองไม่ชอบคุณหนู ตอนนี้คุณหนูตาสว่างแล้ว ซิงเอ๋อร์ก็ดีใจแทนเจ้าค่ะ”
“อืม” หลินหวานหว่านหยักหน้า นางมองดูตัวเองในกระจก ทันใดนั้นก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงถามไปว่า “ใช่สิ ซิงเอ๋อร์ ในเมื่อวันนี้เป็นงานพิธีส่งชา อี้อ๋องจะมาไหม?”
“หากเป็นพิธีส่งชา อี้อ๋องเตี้ยนเซี่ยไม่มาเจ้าค่ะ ได้ข่าวว่าจะส่งคนในวังมาทำงานพิธีส่งชา”
ซิงเอ๋อร์ครุ่นคิดแล้วพูด
หลังจากนั้นสักพัก ซิงเอ๋อร์ที่ละเอียดประณีตก็ทำทรงผมให้หลินหวานหว่านเสร็จแล้ว หลินหวานหว่านจัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผมแล้วเดินออกไปด้านนอก
เมื่อวานหลินหวานหว่านไม่ได้ออกไปข้างนอก และคืนก่อนก็กลับมาแบบมืดๆ นางไม่ทันได้สังเกตสภาพของจวนอัครเสนาบดี จะว่าไปแล้ว วันนี้เป็นครั้งแรกที่นางได้เดินเที่ยวในจวนอัครเสนาบดีเลยนะ
มีศาลาเย็นให้นั่งพัก เสียงนกร้องกับดอกไม้ที่หอมฟุ้งทั่วบริเวณและทิวทัศน์ที่สวยงาม
ตอนที่หลินหวานหว่านเดินตามซิงเอ๋อร์ออกไป ทันใดนั้นทางด้านกำแพงก็เกิดเสียงอาละวาดขึ้นมา
เสียงตะคอกที่โกรธจัดอย่างเห็นได้ชัดของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น “หลินหวานหว่าน เจ้าออกมาเลยนะ!”
ถึงแม้จะมีกำแพงกั้นเอาไว้ แต่ก็สามารถเห็นพวกสาวใช้พยายามห้ามเขา แล้วพูดเสียงเบาว่า “คุณชายโอวหยาง วันนี้เป็นพิธีส่งชาของคุณหนูใหญ่ คุณชายอย่ามาหาคุณหนูเลยนะเจ้าคะ”
“คุณหนู คุณชายโอวหยางมาเจ้าค่ะ” ซิงเอ๋อร์มองหลินหวานหว่านอย่างเป็นห่วง
หลินหวานหว่านรู้ว่าซิงเอ๋อร์เป็นห่วง
ตระกูลโอวหยางมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลหลิน จะว่าไปแล้ว โอวหยางเฟยฝานกับนางและหลินหว่านฉิงก็ถือว่าเป็นคู่รักในวัยเด็ก ทั้งที่โอวหยางเฟยฝานชอบหลินหว่านฉิง แต่หลินหวานหว่านมองไม่ออก บวกกับที่หลินหว่านฉิงตั้งใจหลอกล่อ เจ้าของร่างเดิมที่ไม่รู้ประสีประสาอะไรก็ไล่ตามหลังโอวหยางเฟยฝานอย่างไม่ลดละ
“ข้าไม่ได้โง่จนไปยุ่งกับผู้ชายที่ไม่มีใจทั้งที่ข้าก็มีคู่หมั้นแล้วหรอกนะ” หลินหวานหว่านเอ่ยปากพูด นางเดินต่อไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ทันทีที่ไปถึงพุ่มกุหลาบ ชายร่างสูงชุดขาวเดินเข้ามาจากด้านนอก ดวงตาของเขาใสดั่งน้ำ ในมือของเขาถือพัดเหล็กสีดำ เขาดูอ่อนโยนแต่ก็มีความกล้าหาญแฝงอยู่ด้วย
แต่ทว่า สายตาที่เขามองหลินหวานหว่านนั้นกลับเต็มไปด้วยความรังเกียจ พอเดินไปถึงหน้าหลินหวานหว่านก็พูดอย่างเย็นชาว่า “ฉิงเอ๋อร์ไปทำอะไรเจ้า เมื่อคืนเจ้าถึงได้ตั้งใจรังแกนาง? ทำให้ตอนนี้นางกลัวจนไม่กล้าออกจากห้องด้วยซ้ำ!”
รังแกนาง? หลินหว่านฉิงเป็นบ้าอะไรอีก?
หลินหวานหว่านเงยหน้าขึ้นมองโอวหยางเฟยฝาน นางรู้ว่า ถ้าเป็นเจ้าของร่างเดิมล่ะก็ อาจจะรีบเข้าไปอธิบายแก้ตัวแล้ว แต่คนที่ไม่ชอบตัวเอง ไม่ว่าจะอธิบายยังไง เขาก็ไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดอะไร วันนี้เป็นพิธีส่งชาของข้า หรือคุณชายโอวหยางคิดจะหาข้ออ้างไร้สาระนี่มาขวางข้า? หรือว่า วันนี้เจ้าเพิ่งรู้ใจตัวเอง เสียดายข้างั้นสินะ?” หลินหวานหว่านไม่แก้ต่างใดๆ และนางไม่จำเป็นต้องมาอธิบายด้วย
“เจ้า!” โอวหยางเฟยฝานไม่คิดว่า หลินหวานหว่านที่ก่อนหน้านี้เอาแต่เซ้าซี้เขา ตอนนี้กลับพูดจาหยอกล้อเขา เขาอึ้งเล็กน้อย ต่อมาก็กำหมัดแน่นแล้วพูดว่า “เจ้าพล่ามไร้สาระอะไรอยู่!”
“ไม่ใช่หรอกหรือ งั้นก็ดีเลย” ตอนที่หลินหวานหว่านพูดคำนี้ก็รู้สึกปวดหัวใจเล็กน้อย น่าจะเป็นความรู้สึกของเจ้าของร่างเดิม แต่ก็ดี นางข่มอารมณ์ความรู้สึกนี้ลงไป แล้วเงยหน้ามองโอวหยางเฟยฝาน แววตาซึ่งเคยเต็มไปด้วยความหลงใหลนั้นก็หลงเหลือแต่ความเย็นชาเท่านั้น
เหมือนชายตรงหน้าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง
