บทที่ 15 อี้อ๋องเตี้ยนเซี่ย
หลินหวานหว่านหลับสบายทั้งคืน เมื่อก่อนตอนที่นางอยู่ในสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ นางจะไปที่ห้องวิจัยทุกเช้าเพื่อทำการวิจัย ไม่ก็ช่วยกองทัพหรือช่วยตำรวจสากลวิจัยพิษอะไรทำนองนั้น
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนเลย
ตอนนี้ก็ดีเลย หลินหวานหว่านไม่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้า และสามารถนอนได้ถึงเจ็ดโมงเช้าโดยไม่ต้องกังวลอะไรอีก
แต่นางเพิ่งลืมตาขึ้นมา ซิงเอ๋อร์ก็ยืนอยู่ข้างเตียงของนาง มือก็ถือถาดไว้ “คุณหนูตื่นแล้วหรือเจ้าคะ วันนี้บ่าวเลือกชุดงานพิธีส่งชาไว้ให้คุณหนูตั้งแต่เช้าเลยเจ้าค่ะ”
เมื่อก่อนหลินหวานหว่านก็ชอบเสื้อผ้าโบราณมาก รู้สึกว่าสวยดี นางเอาผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหาซิงเอ๋อร์ แล้วมองดูชุดหงส์สีม่วงที่มีด้ายทองปักไว้ด้านข้างกับชุดคลุมผ้าไหม
เนื้อผ้าของชุดนั้นมีคุณภาพมาก แค่สัมผัสก็รู้ว่าเป็นของดี และรูปแบบกับลายปักนั้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
ถึงแม้หลินหวานหว่านจะชอบชุดนี้ แต่นางก็รู้ว่า นางไม่ควรใส่ชุดนี้
ชุดลายปักหงส์นี้ ทั่วราชอาณาจักรนี้มีเพียงฮองเฮาที่สวมใส่ได้
“คุณหนู นี่เป็นชุดที่ฮูหยินรองเตรียมให้คุณหนูเป็นพิเศษเลยเจ้าค่ะ” ซิงเอ๋อร์พูดถึงฮูหยินเฝิ่งก็ถอนหายใจ
“ข้าไม่ใส่ชุดนี้ ไปหาชุดอื่นมาให้ข้า ชุดนี้โอ่อ่าเกินไป” หลินหวานหว่านลุกขึ้นเดินไปหน้าตู้ไม้แกะสลัก
ซิงเอ๋อร์พยักหน้า ถึงแม้นางจะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหนูถึงไม่ใส่ชุดนี้ แต่นางก็ทำตามที่หลินหวานหว่านสั่ง แล้วไปหาชุดกระโปรงลายดอกบัวอีกตัวมา
ซิงเอ๋อร์ยกเสื้อผ้าขึ้นต่อหน้าหลินหวานหว่านแล้วพูดว่า “แต่วันนี้เป็นวันพิธีส่งชา รอคุณหนูแต่งงานกับอี้อ๋องเตี้ยนเซี่ยแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องเจอกับพวกฮูหยินรองอีกแล้ว!”
“วันนี้เป็นวันพิธีส่งชางั้นเหรอ” หลินหวานหว่านนอนหลับตื่นขึ้นมาก็เกือบลืมเลยวันนี้เป็นวันพิธีส่งชา
พิธีส่งชา ก็เหมือนกับพิธีสู่ขอนั่นแหละ
และอี้อ๋องเตี้ยนเซี่ยที่ซิงเอ๋อร์พูดถึงก็คือว่าที่สามีที่มีการหมั้นหมายกับนางมาตั้งแต่เด็ก
ถ้าจะถามว่าอี้อ๋องคนนี้เก่งมากแค่ไหน?
บอกได้คำเดียวเลยว่า ทั่วใต้หล้านี้ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเขา เขาเข้าร่วมกองทัพตั้งแต่อายุสิบห้าปี กลายเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเมื่ออายุสิบแปดปี ได้รับการอวยยศเป็นอ๋องเมื่ออายุยี่สิบปี ผลงานโดดเด่นมาก
คนที่เก่งกาจเช่นนี้ ฮูหยินเฝิ่งก็ต้องอยากให้หลินหว่านฉิงแต่งงานกับเขาอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อคืนจึงวางแผนอยากทำลายความบริสุทธิ์ของหลินหวานหว่าน สุดท้ายก็ให้หลินหว่านฉิงแต่งงานกับอี้อ๋องแทน
แต่พูดตามตรงนะ หลังจากที่หลินหวานหว่านได้ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมแล้ว นางไม่รู้สึกว่าการแต่งงานกับอี้อ๋องจะเป็นเรื่องดี
ถึงแม้เจ้าของร่างเดิมจะไม่เคยเจอหน้าเขา แต่ได้ข่าวมาว่าเขาชั่วร้ายโหดเหี้ยมและไร้มนุษยธรรม ลูกชายเพียงคนเดียวของอดีตสมุหนายกก็ถูกเขาฟันจนเสียชีวิต ว่ากันว่าเพียงแค่ทำร้ายทาสในเรือนของเขา และหลังจากที่สมุหนายกได้ทราบเรื่องนี้แล้ว ไม่เพียงแต่ไม่กล้าร้องขอความยุติธรรมจากฮ่องเต้ แต่ตัวเองกลับหาข้ออ้างเกษียณและกลับไปบ้านเกิดไปเอง
หลินหวานหว่านรู้สึกว่าเป็นการดีกว่าที่จะอยู่ห่างจากคนโหดร้ายเช่นนี้
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่นางควรคิดในตอนนี้ สิ่งที่นางควรคิดตอนนี้คือการแก้แค้นพวกหลินหว่านฉิง!
“ซิงเอ๋อร์ พอแต่งตัวเสร็จแล้ว พวกเราก็ออกไปกันเลยเหรอ?” หลินหวานหว่านยื่นมือหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแล้วถามซิงเอ๋อร์
ซิงเอ๋อร์พยักหน้า ช่วยหลินหวานหว่านแต่งตัวไปด้วยและเดินไปยังหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หยิบหวีกับปิ่นปักผมทองขึ้นมาแล้วพูดว่า “เจ้าค่ะ พวกเราต้องออกไปเช้าหน่อย ถึงฮูหยินรองบอกว่าออกสายหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่บ่าวรู้สึกว่า ไม่ควรออกไปสายเจ้าค่ะ”
ออกไปสายหน่อยงั้นเหรอ? นี่มันพิธีส่งชานะ
ฮูหยินเฝิ่งพูดเช่นนี้เหมือนกำลังเป็นห่วงนาง แต่ความจริงแล้วอยากเห็นนางอับอายขายขี้หน้ามากกว่า!
หลินหวานหว่านแสยะยิ้มเย็นชา “กล้าสายต่อหน้าอำนาจราชวงศ์? อี๋เหนียงคงอยากได้ชีวิตข้ามากสินะ”
