บทที่ 8 แผนของทินธร
“และถ้าเขาก่อปัญหาให้ครอบครัวเราอีก คุณจะทำยังไง”
“ผมจะยกทุกอย่างให้ทินธร พอใจหรือยัง” ชายกลางคนพูดด้วยความโมโห ก่อนเบี่ยงตัวเดินจากไปท่ามกลางสายตาเป็นประกายของทินธรที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“คุณแม่ครับ...นี่ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม ที่คุณพ่อพูดเมื่อกี้ เขาพูดจริงใช่ไหมครับ ว่าผมจะได้ทุกอย่างแทนเตมินทร์” วีรดาเผยรอยยิ้มกว้าง แล้วก้าวเท้าไปหาลูกชายของเธอ ด้วยท่าทางสุขุม
“ไม่ได้ฝัน ทุกอย่างคือความจริง ต่อไปทินต้องทุ่มเทให้บริษัทมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัว แสดงให้คุณพ่อเห็นว่าลูกของแม่เป็นคนมีความสามารถแค่ไหน ที่ผ่านมาแม่สร้างให้ทินเป็นเด็กที่เรียนเก่งที่สุด สร้างให้ทินเป็นคนอ่อนโยนในสายตาของทุกคน จนถึงตอนนี้ทินก็เห็นแล้วว่าทั้งบอร์ดบริหาร ทั้งคุณไตรภพต่างก็พอใจในความสามารถและนิสัยของลูกแม่แค่ไหน ที่เหลือทินต้องพยายามมากกว่านี้ แล้วทุกอย่างของวายุภักษ์จะตกเป็นของลูกแต่เพียงผู้เดียว” หญิงกลางจัดเนกไทให้ลูกชายอย่างถนอม
“แม่ครับ” ทินธรฉายแววตาเป็นประกายบางอย่างออกมา ก่อนที่วีรดาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“มีอะไร”
“ลำพังความสามารถของผมอย่างเดียว ก็ไม่แน่ว่าคุณพ่อจะใจอ่อนจริง แต่ถ้าเตมินทร์มันก่อปัญหาซ้ำ ๆ ก็จะช่วยให้คุณพ่อตัดสินใจง่ายขึ้นไม่ใช่เหรอ ผมจะทำให้เตมินทร์มันก่อปัญหาขึ้นมาอีก ทำให้ชื่อเสียงของคุณพ่อและบริษัทเสียหาย ทุกอย่างอาจจะง่ายขึ้น”
“ลูกจะทำยังไง ตอนนี้ไอ้เตมินทร์มันไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว มันก็เหมือนหมาจนตรอก มันจะสร้างปัญหาอะไรให้บริษัทได้อีก” วีรดาพูดพร้อมเลื่อนสายตาไปมาอย่างใช้ความคิด
“แม่อย่าลืม ว่าเตมินทร์มันเป็นเด็กมีปัญหา มันทำได้ทุกอย่างเพื่อเอาชนะเรา ผมเชื่อว่ามันกำลังจะปั้นสถานบันเทิงแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อแสดงให้คุณพ่อเห็นว่ามันก็มีความสามารถ และที่มันเลือกทำธุรกิจนี้ก็เพราะมันรวยเร็ว ฉากหลังแฝงด้วยสิ่งผิดกฎหมายมากมายแค่ไหนก็ไม่รู้ ถ้ามันอยากรวยเร็ว ผมเชื่อว่าฉากหลังของมันต้องมีสิ่งผิดกฎหมายแน่ ๆ" ชายหนุ่มหยุดพูดไปครู่
“ลูกมีแผนอะไรกันแน่” หญิงกลางคนยืนลุ้น
“ผมจะทำให้สถานบันเทิงของมันถูกปิด พร้อมข่าวฉาวว่าทายาทของวายุภักษ์กระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง...ไม่แน่ว่าการที่มันถูกจับ อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายให้คุณพ่อทนไม่ได้อีกต่อไป” วีรดาชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งพลางหันมายังลูกชายด้วยความไม่เข้าใจ
“และถ้ามันไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายอย่างลูกคิดล่ะ” ทินธรแย้มยิ้มออกมา
“ถ้ามันไม่ผิด ผมก็จะทำให้มันผิด เหมือนตอนที่มันขายข้อมูลให้บริษัทคู่แข่งไงครับ” วีรดาได้ยินดังนั้น จึงยกมือลูบใบหน้าหล่อเหลาของลูกชายด้วยความภูมิใจ
“เก่งมากลูกแม่”
“แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง” ทินธรพูดด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“ข้อแม้อะไร”
“แม่ต้องทำดีกับนาราให้มาก” หญิงกลางคนชักมือกลับแล้วปั้นหน้าบึ้งตึง
“ทำไมฉันต้องทำดีกับผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนั้น”
“ถ้าแม่อยากให้ทุกอย่างสำเร็จตามแผน พรุ่งนี้ผมจะพานารามาพบแม่อีกครั้ง แม่ต้องทำดีกับเธอทุกอย่าง เพื่อให้เธอไว้ใจและเชื่อใจผมมากกว่านี้ นาราเป็นคนเดียวที่ผมไว้ใจมากที่สุด ว่าจะไม่เอียงเอนไปทางเตมินทร์ เพราะเธอรักผมมาก...”
“รักแกหรือรักที่เงินของแก”
“แม่ครับ นาราไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น เงินซื้อความซื่อสัตย์ของเธอไม่ได้ ผมลองใจเธอหลายครั้งแล้ว”
“ตกลงแกจะรักผู้หญิงคนนี้ให้ได้เลยใช่ไหม ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ ต่อให้ฉันยอมทำดีกับมันและแผนเราสำเร็จ ฉันก็จะไม่มีวันยอมให้แกแต่งงานกับผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนั้นเด็ดขาด”
“ผมก็ไม่ได้คิดจะแต่งงานกับเธอแต่แรกอยู่แล้ว ก็แค่เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เรื่องมาก ไม่ตามติดผม ไม่สร้างปัญหาเหมือนคนอื่น ก็เลยยังไม่ได้เขี่ยทิ้งเท่านั้นแหละ เอาน่าเรื่องนี้เอาไว้ทีหลังได้ไหมครับ พรุ่งนี้แม่รับปากผมก่อนว่าจะทำดีกับเธอให้มากที่สุด” วีรดาถอนหายใจออกมาอย่างไม่มีทางเลือก
“ฉันจะลองฝืนใจดูละกัน” พูดจบหญิงกลางคนก็ตัดสินใจเดินเลี่ยงไปทางอื่น
เสียงเคาะประตูห้องของนาราดังขึ้น ขณะที่เธอเตรียมตัวไปหาสมัครงาน ก่อนวางมือจากทุกอย่างแล้วหันเปิดประตู พบกับทินธรยืนยิ้มอยู่หน้าห้องด้วยท่าทางอ่อนโยน
“พี่ทิน มาทำไมไม่บอกคะ” หญิงสาวเอ่ยทัก สองเท้าของชายหนุ่มย่างเข้ามาในห้องเรียบง่ายของเธอ พลันเลื่อนสายตามองยังชุดน่ารักนั้นแล้วยกมือขึ้นกอดอก
“แต่งตัวสวยแบบนี้จะไปไหนครับ”
“นาว่าจะไปหาสมัครงานค่ะ”
“พี่เคยบอกแล้วว่าให้ไปทำงานกับพี่ นาก็ไม่ยอม”
“นาไม่อยากให้พี่ทินมีปัญหานี่คะ ไม่อยากให้คุณแม่มองนาแย่ไปกว่านี้ ยิ่งตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปได้ดี ถ้านาเข้าไปทำงาน สุดท้ายก็ไม่พ้นคำนินทาจากพนักงานคนอื่น อีกอย่างนาไม่อยากทำให้พี่ทินลำบาก” ชายหนุ่มปล่อยยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อเห็นความคิดของเธอ มันแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าเสียสละเพื่อเขามากเพียงใด
