บท
ตั้งค่า

4 สนิทสนม2

“ไม่เหนื่อยหรอกครับ ชินซะแล้ว บางทีก็รู้สึกสนุกดีนะครับ วุ่นวายดี” คนถูกถามตอบอย่างอารมณ์ดี ทั้งหันหน้ามาส่งยิ้มให้ด้วยอย่างยืนยัน เมื่อนึกถึงช่วงเวลาแสนวุ่นวายที่ผ่านมา ทั้งลูกชายและลูกค้า แต่ละวันไม่ซ้ำกันเลย ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “แต่กว่าจะลงตัวได้ ก็แทบแย่เหมือนกันครับ ยังดีที่ตอนนี้มีคุณมาเล่นกับอาอวี้ด้วย ช่วงนี้แกกำลังหัดพูดพอดี มีคนมาเล่น มาพูดคุยด้วยบ่อยๆ จะช่วยให้แกพูดเป็นคำ เป็นประโยคมากขึ้นน่ะครับ”

เมื่อนึกได้ว่าลูกชายพูดได้คล่อง และเป็นประโยคมากขึ้น เพราะผู้ชายที่กำลังอุ้มลูกของตัวเองอยู่ ก็รู้สึกขอบคุณจริงๆจึงหันหน้ามามองฮุ่ยเฉินอีกครั้ง และเอ่ยออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ "ขอบคุณคุณฮุ่ยมากนะครับ"

“ยินดีครับ เพราะผมเองก็รักอาอวี้จริงๆ งั้นต่อไปผมจะหาเวลามาบ่อยๆ ” ฮุ่ยเฉินบอกด้วยความยินดี ที่ได้มีส่วนช่วยในพัฒนาการของเด็กน้อย ที่ถือว่าเป็นลูกชายของตัวเองไปแล้ว

"ครับ" ตอบรับคำพูดของอีกฝ่าย แล้วหันไปพูดกับลูกชาย “เอาล่ะ เสร็จแล้ว กินข้าวได้”

เมื่อผัดข้าวเสร็จ และทำให้ความร้อนลดลงแล้ว อาหนานจึงรับลูกชายจากฮุ่ยเฉิน ให้ลงมานั่งที่เก้าอี้เด็ก แล้วจัดแจงเด็กชายให้นั่งกินเอง ส่วนตัวเองก็นั่งกำกับดูแลอีกที

“อาอวี้กินผักด้วยสิครับ” บอกลูกชายเมื่อเห็นเด็กน้อยไม่ยอมกินผัก

“ไม่ อา หย่อย” เด็กน้อยบอก ทั้งทำท่าแหวะใส่ด้วย

“แน่ะ รู้จักอร่อยไม่อร่อยด้วยนะเรานี่” อาหนานเอ่ยด้วยความหมั่นไส้ ทั้งหยิบแก้มนุ่มนิ่มของลูกชายเบาๆ อย่างมันเขี้ยว แต่เด็กน้อยก็ไม่สนใจ จึงถอนใจออกมาด้วยความระอาและปล่อยผ่าน เพราะไม่อยากบังคับ พอดีกับที่ลูกค้าเข้าร้านมาจึงต้องไปต้อนรับ แต่ก่อนไปก็ได้กำชับกับลูกชายว่ากินให้หมดด้วย แล้วจึงจากไป

ส่วนลูกชายที่นั่งกินข้าวอยู่ ก็ทั้งกินทั้งเล่นเลอะเทอะไปหมด ฮุ่ยเฉินที่ดูแลอยู่จึงเอ่ยอย่างหลอกล่อ “อาอวี้กินข้าวดีๆ สิครับ กินหมดแล้ว ป๊าจะพาไปเที่ยวดีไหมครับ”

“ดีค้าบ”

มีเรื่องเที่ยวมาเป็นตัวล่อ อาอวี้ที่ไม่ได้ออกไปไหนเลยก็รู้สึกดีใจ จึงรีบกินข้าวให้หมดอย่างเร็วไว เมื่อกินเสร็จแล้ว ก็รีบจูงมือฮุ่ยเฉินจะออกจากประตูร้านไป

“เดี๋ยวครับ เรายังไม่ได้บอกป๊าอาหนานเลย ต้องขออนุญาตป๊าอาหนานก่อนเข้าใจไหมครับ” ฮุ่ยเฉินสอนเด็กชายไปด้วย ว่าจะไปไหนต้องบอกผู้ใหญ่ก่อน

“ค้าบ” พูดจบ ก็วิ่งไปหาอาหนาน ที่กำลังยืนอธิบายถึงเนื้อผ้าต่างๆ ให้ลูกค้าทราบ เพื่อประกอบการตัดสินใจ

“หนาง หนาง ไปเที่ยวค้าบ” อาอวี้ที่ตัวเลอะเทอะวิ่งเข้ามากอดขาผู้เป็นพ่อ ทั้งทำท่าทางออดอ้อน

“แต่พ่อยังทำงานอยู่เลยนะครับ” คนเป็นพ่อบอกลูกชาย

“ไม่เป็นไรครับ ให้ไปกับผมก็ได้ จะพาไปเล่นที่สวน สาธารณะใกล้ๆ นี้แหละครับ” ฮุ่ยเฉินบอกให้พ่อเด็กได้วางใจ

“แต่ว่า...” อาหนานเอ่ยอย่างลังเล เพราะไม่เคยปล่อยลูกชายให้คลาดสายตาเลยสักครั้ง และแม้ว่าฮุ่ยเฉินจะไปมาหาสู่กันหลายวันแล้วก็จริง แต่ก็ถือว่ายังไม่รู้จักกันดีพอ จึงไม่อยากจะปล่อยลูกชายให้ไปกับอีกฝ่ายตามลำพัง

“อาอวี้ อยากไป ค้าบ” คนเป็นลูกบอกเสียงเบา ทั้งจับขาพ่อเขย่าไปด้วย น้ำตาคลอไปด้วย เมื่อเห็นท่าทางเหมือนตัวเองจะไม่ได้ออกไปข้างนอก

เห็นท่าทางของลูกชาย อาหนานก็ยิ่งลังเล ใจหนึ่งก็ห่วงและคิดมาก อีกใจก็อยากให้ลูกได้ออกไปเที่ยวเล่นบ้างตามประสาเด็ก ให้อุดอู้อยู่แต่ในร้านก็สงสารลูกชาย

“เชื่อใจผมได้ครับ ผมจะดูแลอาอวี้อย่างดี” ฮุ่ยเฉินเอ่ยคำรับรองอย่างหนักแน่นจริงใจ ให้คนลังเลได้คลายใจ

“อย่าไปนานนะครับ” อาหนานเอ่ยกำชับ เมื่อได้คำรับรองแล้ว ก็ตัดสินใจพยักหน้าตกลงให้ลูกชายออกไปกับอีกฝ่าย

“ครับ” ฮุ่ยเฉินรับคำอย่างจริงจัง

ดังนั้นอาหนานจึงขออนุญาตลูกค้า พาเด็กน้อยไปเช็ดหน้าเช็ดตาและแต่งตัวให้ใหม่ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็ส่งให้ฮุ่ยเฉินพาออกไปเที่ยว โดยมองตามไปด้วยความเป็นห่วง กังวลและหวาดระแวง กลัวว่าฮุ่ยเฉินจะไม่พาลูกตัวเองกลับมา

เมื่อทั้งสองเดินออกจากร้านไปแล้ว อาหนานก็กลับมาหาลูกค้าคนเดิมที่รออยู่ หลังจากขอตัวไปแต่งตัวให้ลูกชายเมื่อสักครู่นี้

“ขอโทษที่ให้รอนะครับ” อาหนานเอ่ยขอโทษอย่างนอบน้อม จริงใจ

“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ เอ่อ...ผู้ชายคนเมื่อครู่คือใครเหรอครับ” ลูกค้าถามด้วยความอยากรู้

“คุณฮุ่ย ฮุ่ยเฉินน่ะครับ เขาเป็นลูกค้าร้านนี้และเป็นแฟนคลับของลูกชายผมเอง ชอบมาเล่นกับลูกชายผมบ่อยๆครับ” พูดคุยด้วยอย่างเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

“อ้อครับ” ตอบรับ ทั้งพยักหน้าไปด้วยอย่างรับรู้

“เลือกแบบได้หรือยังครับ” อาหนานถามลูกค้า

“แบบนี้ครับ” ชี้ไปที่แบบและผ้าที่ต้องการ

เมื่อลูกค้าตัดสินใจได้แล้ว อาหนานก็ดำเนินการขั้นตอนต่อไป แต่สักพักก็มองประตู มองนาฬิกา ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“ยังไม่ถึงห้านาทีเลยครับ” คนเป็นลูกค้าเอ่ยแซว

“ผมไม่เคยให้ลูกออกห่างจากสายตานะครับ เลยรู้สึกแปลกๆ” คนไม่เคยห่างลูกยิ้มให้คนแซวด้วยความจนใจ

“ผมเข้าใจครับ พ่อแม่ทุกคนก็ห่วงลูกเป็นธรรมดา ว่าแต่ผมมาทีไรก็ไม่เคยเจอแม่เขาเลยสักครั้ง เห็นแค่คุณที่เลี้ยงลูกอยู่คนเดียว” ถามอย่างสงสัย เพราะมาทีไรก็เจอแค่สองพ่อลูกตลอด

“แม่เขาไปสวรรค์ตั้งแต่คลอดได้ไม่กี่เดือนแล้วล่ะครับ” อาหนานตอบด้วยความเคยชิน เพราะบางครั้งลูกค้าที่เข้าร้านมาเห็นเขาต้องดูแลทั้งตัวลูกค้าเอง และตัวลูกชาย ก็มักจะถามด้วยความสงสัยกันแทบทั้งนั้น

“อ้อ เสียใจด้วยนะครับ” เอ่ยด้วยความรู้สึกผิด ที่เสียมรรยาทถามเรื่องส่วนตัวคนอื่น

“ครับ ผมทำใจได้แล้วล่ะครับ” ตอบกลับอย่างเห็นเป็นเรื่องธรรมดา

และเมื่อจัดการวัดตัว ออกบิลสำหรับมารับชุดเสร็จแล้ว ลูกค้าคนนี้ก็ยังไม่กลับ ยังคงนั่งคุยเป็นเพื่อนอยู่นานสองนาน จนกระทั่งทั้งสองคนที่ออกไปเที่ยวเล่นกลับเข้าร้านมา

“กับมาแย้วค้าบบบ” อาอวี้ที่ถูกฮุ่ยเฉินอุ้มอยู่ร้องบอกอย่างอารมณ์ดี ทั้งสีหน้าก็ดูมีความสุขมากด้วย เพราะได้ออกไปเที่ยวเล่น

“อาอวี้กลับมาแล้ว สนุกไหมครับ” อาหนานเอ่ยอย่างโล่งใจเมื่อเห็นลูกชายกลับมา ทั้งยังถามด้วยว่าไปเที่ยวเป็นอย่างไรบ้าง

“ซาหนุกค้าบบ ของเย่นเย้อะ แยะ เยย” คนเป็นลูกบอกด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“ผมถ่ายรูปส่งมาให้คุณดูด้วยนะ” ฮุ่ยเฉินบอก เพราะเขากลัวว่าคนเป็นพ่อจะไม่วางใจจึงได้ส่งรูปมายืนยัน

อาหนานจึงล้วงเอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แต่ยังไม่ทันจะได้เปิดดู ลูกค้าที่นั่งคุยอยู่ด้วยก็เอ่ยชมอาอวี้ขึ้นมา

“ลูกชายน่ารักนะครับ”

“ขอบคุณครับ เอ่อ...นี่คือคุณฮุ่ย ฮุ่ยเฉินครับ เป็นแขกประจำของอาอวี้และของร้าน ส่วนนี่คือคุณจ้าว จ้าวจื่อเฟิง เป็นลูกค้าประจำร้านนี้เหมือนกันครับ” อาหนานแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” จ้าวจื่อเฟิงยื่นมือมาทักทาย

“เช่นกันครับ” ฮุ่ยเฉินยื่นมือไปจับด้วย

หลังจากทักทาย พูดคุยกันสักพัก จ้าวจื่อเฟิงก็ขอตัวกลับ

“ไหนดูสิ ไปเล่นอะไรมาบ้าง” อาหนานหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาอีกครั้ง เพื่อมาเปิดดูรูปภาพที่ฮุ่ยเฉินส่งมาให้ พร้อมกับยื่นมาให้ลูกชายได้ดูด้วย และคอยถามว่าของเล่นที่เจ้าตัวไปเล่นมา มีชื่อเรียกว่าอะไร เล่นอย่างไร โดยมีอีกคนช่วยสอนให้ด้วย เพื่อให้ลูกชายได้จดจำคำศัพท์เยอะๆ จะได้พูดได้คล่องๆ เพราะตอนนี้เด็กน้อยยังอยู่ในวัยหัดพูด

ที่แท้ ฮุ่ยเฉินก็พาลูกชายตัวน้อยของตัวเอง ไปเที่ยวยังศูนย์การค้าใกล้ๆ ร้าน เพราะที่สวนสาธารณะตอนบ่ายโมง ไม่เหมาะที่จะให้เด็กวิ่งเล่น นับว่ารอบคอบจริงๆ จึงเอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณที่พาอาอวี้ไปเที่ยวนะครับ”

“ขอบคุงแย้ว จุ๊บด้วยค้าบ” อาอวี้พูดขึ้น พร้อมกับพยักพเยิดให้พ่อจุ๊บฮุ่ยเฉินด้วย

“...” เมื่อได้ฟัง อาหนานก็มีสีหน้าเหลอหลางุนงงขึ้นมาทันที

“ฮ่าๆ ๆแกคงจะจำคำพูดมาจากผม ตอนไปเที่ยวกันมาน่ะครับ” ฮุ่ยเฉินหัวเราะเสียงดัง ทั้งอธิบายที่มาให้ฟังอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอ่ยกับอาหนาน “ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ คุณก็รู้ว่าผมเองก็รักอาอวี้เหมือนลูกแท้ๆ ของผม”

“อ้อ ครับ” คนเป็นพ่อตอบรับ ทั้งแอบว่าให้ลูกชายในใจด้วยความมันเขี้ยว ไอ้ตัวแสบเอ้ย!

หลังจากไปเที่ยวกลับมาสักพัก ก็ถึงเวลานอนกลางวันของอาอวี้ เมื่อเด็กชายหลับไปแล้วฮุ่ยเฉินจึงขอตัวกลับ

“ขอบคุณคุณฮุ่ยอีกครั้งนะครับ” อาหนานอดเอ่ยออกมาด้วยความซาบซึ้งใจอีกครั้งไม่ได้ ที่อีกฝ่ายดีกับลูกชายตัวเองจริงๆ เมื่อเดินมาส่งยังหน้าประตู

“ถ้าคุณยังขอบคุณอีก คราวหน้าคงต้องจุ๊บอย่างที่อาอวี้บอกแล้วนะครับ” คนถูกขอบคุณเอ่ยยิ้มๆ อย่างหยอกเย้า เพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าขอบคุณบ่อยๆ

“...” อาหนานที่ได้ยินคำพูดของชายตัวโตตรงหน้า ก็ได้แต่อึ้งตะลึงจนพูดไม่ออก

“ล้อเล่นน่ะครับ” คนหยอกเย้าบอกด้วยความขบขัน หลังเห็นท่าทางอึ้งงันไป เอ่ยจบก็เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งอีกคนให้ยืนหน้าเห่อร้อนด้วยความเขินอายอยู่หน้าประตูทั้งอย่างนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel