5 อารมณ์ดี
หลังออกจากร้านเสื้อ ฮุ่ยเฉินก็แวะมาที่ไนต์คลับที่ตัวเองเป็นหุ้นส่วนอยู่ แม้ว่าตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงเย็น ยังไม่มีลูกค้ามาใช้บริการ แต่ก็มีพนักงานร้านเข้ามาจัดเตรียมส่วนต่างๆ ให้เรียบร้อย อยู่ จึงมีการเดินเข้าๆ ออกๆ กันอย่างวุ่นวาย
เมื่อพนักงานเห็นว่าใครเดินเข้าร้านมา ก็ทักทายด้วยความนอบน้อม ซึ่งฮุ่ยเฉินที่ได้ไปหาลูกชายมาแล้วก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ จึงส่งยิ้มทักทายกลับไปให้ ทำเอาพนักงานแตกตื่นกันไปแทบทั้งร้าน เพราะตั้งแต่เห็นอีกฝ่ายมาที่ร้านนี้ ไม่เคยมีครั้งใดที่คนไม่มาพร้อมกับอารมณ์อึมครึมมืดมัว
พนักงาน 1 “นี่!เธอเห็นเหมือนที่ฉันเห็นไหม?”
พนักสาวสามสี่คนเข้ามารวมตัวกระซิบกันเสียงเบาด้วยความประหลาดใจอยู่ที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม
พนักงาน 2 “เห็นสิ! ถ้าอารมณ์ดีอย่างนี้ทุกวันก็ดีสินะเจริญตาดี เสียดายความหล่อ เห็นทีไรมีแต่ความเศร้า ฉันละอยากจะเข้าไปกอดปลอบจริงๆ” เอ่ยอย่างไม่กลัวตาย ด้วยท่าทีเสียดายหนัก
พนักงาน 3 “นั่นสิ... แต่เสียใจด้วย ฉันกับเธอไม่มีวาสนานั้นหรอก”
โดยมีอีกคนพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อน เพราะรู้ถึงสถานะของตัวเองดี พูดจบ ก็แยกย้ายกันไปทำงานตามหน้าที่ของใครของมันต่อไป
ส่วนคนที่เดินผ่านเข้าไปหลังร้าน ทันทีที่โผล่หน้าเข้าไป ในห้องทำงานของผู้จัดการร้าน เจ้าของห้องก็ส่งเสียงทักทายทันที
“โย่ว! อารมณ์ดีนี่วันนี้ สงสัยพระอาทิตย์ จะกลับมาตกทางทิศตะวันออกแล้ว” อี้หยางชายรูปร่างผอมสูง อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับฮุ่ยเฉิน ผู้ที่เป็นทั้งหุ้นส่วนและผู้จัดการร้านเอ่ยแซว เมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินอารมณ์ดีเข้ามาในห้องทำงาน
“อืม อารมณ์ดีนิดหน่อย” คนถูกแซวบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มีความสุข
“เรื่องอะไร” ถามด้วยความสงสัย ทั้งยกแก้วเหล้ามาให้ และนั่งลงที่โซฟาด้านข้างเพื่อพูดคุยด้วย
ฮุ่ยเฉินจึงเล่าเรื่องที่ตัวเองได้เจอกับเด็กชายตัวน้อยให้เพื่อนฟัง ทั้งยังเอารูปที่ไปเที่ยวกันวันนี้มาให้ดูด้วย
“ก็น่ารักดีนะ” อี้หยางบอกตามความคิดของตัวเอง เมื่อเห็นเด็กชายตัวน้อย หน้าตาน่ารักกำลังเล่นเครื่องเล่น และยิ้มอย่างมีความสุขในจอมือถือ เมื่อดูจนพอใจแล้วก็ส่งมือถือคืนเจ้าของ
“อืม ฉันก็ว่าอย่างนั้น” ตอบรับอย่างเห็นด้วย พร้อมกับรับมือถือคืนมา แล้วดูรูปในหน้าจอที่เปิดค้างไว้อย่างรักใคร่และเอ็นดูด้วย
“นายว่าเหมือนฉู่อวี้ไหม” ถามเพื่อนอย่างต้องการหาแนวร่วม สาเหตุที่เอารูปมาอวด ก็เพราะอยากให้อี้หยางเห็น ว่าเด็กน้อยคนนี้เหมือนกับคนรักที่จากไปมากแค่ไหน เนื่องจากตอนที่ยังทำใจไม่ได้ ชอบมารำพึงรำพัน ทั้งยังชอบเอารูปคนรักของตัวเองออกมาดูบ่อยๆ จนอีกคนรู้ถึงหน้าตาคนรักของเขาแล้ว
“เหรอ? ไหนขอดูให้ชัดๆ สิ” หยิบมือถือกลับไปดูอีกครั้ง
“ก็มีส่วนคล้ายนะ หรือว่าจะเป็นเด็กที่นายกำลังตามหา?”
“ตอนแรกฉันก็คิดอย่างนาย แต่เด็กคนนี้ก็มีพ่อให้เห็นอยู่ ฉันจึงคิดว่าคงไม่ใช่” ฮุ่ยเฉินบอกตามความคิดของตัวเอง ถึงอาอวี้จะไม่เหมือนพ่อก็คงไม่แปลก เพราะเด็กบางคนก็เหมือนแม่มากกว่าพ่อนั่นเอง
“อืม...ก็มีเหตุผล” อี้หยางตอบรับ ทั้งนึกภาพตาม เพราะตัวเองก็มีลูกสาวที่หน้าตาไม่เหมือนพ่อแม่เลย แต่ไปเหมือนแม่ภรรยาเสียมากกว่า
“แล้วยังไงนายถึงถูกชะตานักล่ะ” ถามด้วยความสงสัย เพราะเพื่อนไม่ใช่พวกที่เห็นเด็กน้อย แล้วจะรักใคร่ได้ขนาดนั้น แต่คราวนี้ ถึงขนาดยอมให้อีกฝ่ายเรียกตัวเองว่าป๊าเลย
“ไม่รู้เหมือนกัน อาจเป็นเพราะว่าเขาเหมือนฉู่อวี้ล่ะมั้ง ฉันเลยรักเขา” ตอบแล้วก็ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ โดยไม่ได้เล่าถึงความรู้สึก ตอนที่อุ้มอาอวี้ครั้งแรกให้เพื่อนฟัง เพราะแค่นี้เพื่อนก็จะหาว่าเป็นบ้าอยู่แล้ว
“บ้าเกินไปแล้ว” คนฟังว่าให้อย่างที่คิดจริงๆ ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบบ้าง
นั่งพูดคุยกันสักพัก คนอารมณ์ดีก็ลุกขึ้นเตรียมจะกลับ อี้หยางจึงเอ่ยด้วยความประหลาดใจขึ้นมาอีกหน “โย่ว! จะกลับแล้ว?”
“อืม จะรีบกลับไปเคลียร์งานด้วย” ฮุ่ยเฉินให้เหตุผล
“อ้อ ดีแล้ว ดื่มทุกวันมันไม่ดีต่อสุขภาพ” บอกอย่างยินดี ที่เพื่อนไม่กินเหล้าแทนน้ำอีกแล้ว
หลังออกจากไนต์คลับ ฮุ่ยเฉินก็ตรงกลับมาบ้านทันที เขาอยากจะเคลียร์งานให้เสร็จ เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้มีเวลาไปหาอาอวี้อีก เพราะเขาอยากจะมีส่วนร่วมในการหัดพูดของลูกชายตัวน้อยด้วย
เมื่อมาถึงบ้าน พ่อบ้านก็รีบออกมาต้อนรับด้วยความดีใจน้ำตาแทบไหล ยิ่งเห็นเจ้านายของตัวเองมีสีหน้าสดชื่นอารมณ์ดี ก็ยิ่งขอบคุณสวรรค์ จึงอดที่จะร้องไห้หลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้ในท้ายที่สุด
“วันนี้อารมณ์ดีจังเลยนะครับ ไม่เมากลับมาด้วย ตาแก่คนนี้ล่ะดีใจจริงๆ ที่คุณฮุ่ยไม่ทำร้ายตัวเองอีก” พ่อบ้านพูดไปก็เช็ดน้ำตาไป เพราะนานแล้วที่เขาไม่ได้เห็นสีหน้าแบบนี้จากผู้เป็นเจ้านาย นายท่าน นายหญิง และคุณฉู่ที่อยู่บนสวรรค์คงจะดีใจ
“ที่ผ่านมา ลำบากลุงหลี่แล้วครับ” ฮุ่ยเฉินเอ่ยด้วยความรู้สึกผิด เนื่องจากที่ผ่านมา ได้ทำตัวให้พ่อบ้านที่เป็นดั่งญาติที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตน ต้องเป็นห่วงอย่างมาก
“กระผมไม่เป็นไรหรอกครับ ขอแค่คุณฮุ่ยอยู่ดีมีสุข กระผมก็ดีใจแล้ว” พ่อบ้านหลี่เอ่ยอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องลำบาก ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า ยังไม่รู้เลยว่าวันนี้เจ้านายของตัวเองดีใจด้วยเรื่องอะไร
หรือว่ามีคนรักใหม่แล้ว? ถ้าใช่ก็ดีสิจะได้ไม่ต้องทนทุกข์อย่างที่ผ่านมา...คิดอย่างคาดเดา ก่อนจะถามออกมาด้วยความอยากรู้ “ว่าแต่ คุณฮุ่ยอารมณ์ดีเรื่องอะไรล่ะครับ พอจะบอกตาแก่คนนี้ได้หรือเปล่า”
คนถูกถามจึงเล่าเรื่องของอาอวี้ให้พ่อบ้านฟังอย่างเดียวกับที่เล่าให้อี้หยางฟัง และยังเอารูปมาให้ดูด้วย ทั้งสั่งพ่อบ้านให้ทำกับข้าวสักสองสามอย่าง ไปส่งให้สองพ่อลูกคู่นั้น ที่ห้องเสื้อของถงหลินด้วย ในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยง
“ได้ครับ กระผมก็นึกว่าคุณฮุ่ยมีคนรักใหม่แล้วเสียอีก” พ่อบ้านเล่าความคิดของตัวเอง ให้ชายหนุ่มฟังด้วยความผิดหวัง เพราะเรื่องไม่ใช่อย่างที่คิด
“โธ่... ลุงหลี่ครับ ใช่ว่าคนเราจะรักกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้น” ฮุ่ยเฉินหัวเราะให้กับความคิดของพ่อบ้าน ที่พยายามอยากให้เขาหาคนมาแทนที่ฉู่อวี้ ซึ่งเขาก็เข้าใจดีว่า เพราะความเป็นห่วง อีกฝ่ายถึงได้มีความคิดอย่างนี้
พูดจบ ก็เดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง เพื่อจัดการงานที่ลั่วหมิงนำมาให้ เพราะวันนี้เขาไม่ได้เข้าบริษัทเลยทั้งวัน
เช้าวันต่อมา เมื่อฮุ่ยเฉินมาทำงาน แม่บ้าน รปภ. ทั้งพนักงานที่อยู่ในออฟฟิศ ต่างก็พากันซุบซิบถึงเจ้านายของตัวเอง ที่วันนี้มาทำงานเช้ากว่าปกติ ทั้งยังมีสีหน้าสดชื่น อารมณ์ดี อีกต่างหาก
“อารมณ์ดีจังเลยนะครับ เจ้านาย” ลั่วหมิงทักทาย เมื่อเข้ามาในห้องทำงานของฮุ่ยเฉิน และนั่งลงยังเก้าอี้ตรงข้ามกับคนเป็นเจ้านายด้วย
“หน้าฉันมันฟ้องขนาดนั้นเลยเหรอ” ขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย เพราะสามคนแล้วนะที่ทักอย่างนี้มาตั้งแต่เมื่อวาน
“ครับ หรือว่าเจ้านายมีคนรักใหม่แล้ว?” ลั่วหมิงถาม อย่างคาดเดา และจ้องสังเกตเจ้านายไปด้วย
“ใช่” ฮุ่ยเฉินตอบเสียงดังฟังชัด ทั้งมองหน้าคนถามไปด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม แววตาหวานฉ่ำอย่างกำลังครุ่นคิดถึงคนคนนั้น
“ใคร?ที่ไหนครับ” ลั่วหมิงถามด้วยความสนใจใคร่รู้ และยื่นหน้าเข้าไปใกล้ รอคอยคำตอบอย่างใจจดจ่อ
“นายไง” คนถูกถามตอบ ทั้งทำตาหวานเชื่อมใส่ด้วยอย่างต้องการกลั่นแกล้งผู้ช่วยของตัวเอง
พอได้เห็นและได้ยินอย่างนี้ ลั่วหมิงที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ก็รีบดันเก้าอี้ถอยหลังไปที่หน้าประตูทันที ด้วยความตกใจ
ไม่ใช่ว่าเขารังเกียจเจ้านายของตัวเองหรอกนะ แต่ได้ยินกิตติศัพท์เรื่องบนเตียงของเจ้านาย มาจากคู่ขาที่เจ้าตัวเคยนอนด้วย เมื่อครั้งที่คุณฉู่จากไปตอนแรกๆ ซึ่งตอนนั้นเจ้านายของเขาเสียใจมาก จึงทำตัวเหลวไหลประชดชีวิต กว่าจะตั้งหลักได้บริษัทก็เกือบจะไม่รอดแล้ว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่า เขาไม่ได้ทานทนพอที่จะรับกับความดุเดือดเลือดสาดนี้ได้
แต่เมื่อตั้งสติได้ว่าเจ้านายล้อเล่น ก็รีบขยับเก้าอี้กลับเข้ามาใหม่ พร้อมว่าให้อย่างไม่จริงจัง “เจ้านายน่ะ ล้อเล่นอย่างนี้หัวใจผมจะวายตายเอาได้นะครับ”
“มีอะไรก็รีบพูดมา” คนเป็นเจ้านายหัวเราะอารมณ์ดีที่ได้แกล้งอีกฝ่าย ทั้งยังถามเรื่องที่คนเข้ามาหาเขาในห้องทำงานด้วย
ลั่วหมิง คือ ผู้ช่วยที่ติดตามฮุ่ยเฉินมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทนี้ ดังนั้นทั้งคู่จึงเปรียบเสมือนพี่น้องคนในครอบครัวกันไปแล้ว เมื่อเวลาส่วนตัวที่ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วย ทั้งสองคนก็มักจะคุยเล่นหยอกล้อกันเป็นประจำ แต่เวลาที่อยู่ข้างนอก ลั่วหมิงก็จะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างขยันแข็งขัน ไม่ขาดตกบกพร่อง เป็นแบบอย่างให้กับพนักงานคนอื่นได้ดี
หลังคุยเรื่องงานกันเสร็จแล้ว ลั่วหมิงก็ย้ำเรื่องสำคัญไม่ให้เจ้านายลืม “วันนี้สี่โมงเย็นมีงานเลี้ยงเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัทที่โรงแรม a อย่าลืมนะครับ”
“อืม รู้แล้ว” ฮุ่ยเฉินตอบรับ แล้วคนกำชับก็ออกจากห้องไป
.....................
สิบเอ็ดโมงครึ่ง ที่ห้องเสื้อถงอี
“สวัสดีครับ ผมเป็นพ่อบ้านของคุณฮุ่ย เอาข้าวที่คุณฮุ่ยสั่งไว้มาส่งน่ะครับ” ลุงหลี่เอ่ยกับอาหนาน เมื่อเดินเข้ามาในร้าน
“ขอบคุณครับ ลำบากคุณพ่อบ้านแล้ว” อาหนานกล่าวขอบคุณ และนำน้ำชามาเสิร์ฟให้
“เอ่อ ลูกชายคุณล่ะครับ” เอ่ยถาม เมื่อไม่เห็นเด็กชายตัวน้อย ตามที่เจ้านายเอ่ยถึง
“อ้อ เขานอนกลางวันน่ะครับ” อาหนานตอบด้วยรอยยิ้ม
“ครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” เอ่ยขอตัว เนื่องจากมีลูกค้าเดินเข้าร้านมา
แม้จะเสียดาย ที่ไม่ได้เห็นหน้าลูกชายของอาหนาน แต่วันหน้ายังมีโอกาสอยู่ จึงไม่ติดใจมากเท่าไหร่ แต่หน้าตาของคนพ่อนี่สิ ก็ดูดีใช้ได้เหมือนกันนะ ผมสั้นรองทรงต่ำ ตาเรียวสวย จมูกโด่งเล็กรับกับริมฝีปาก ดูๆ ไป ก็ค่อนไปทางสวยเสียมากกว่า ผิวพรรณหรือก็ดูดี ดูนุ่มนิ่มเกลี้ยงเกลา อายุน่าจะยี่สิบต้นๆ แม้จะยังเด็ก แต่ก็น่าจะเป็นคนมีความรับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นจะดูแลลูกชายและร้านตัวคนเดียวได้อย่างไร ไม่รู้ว่าคุณฮุ่ยสังเกตหรือเปล่านะ หรือสนใจแต่ลูกชายของคนเขา อย่างนี้ก็เสียดายแย่
ลุงหลี่ที่ยืนอยู่นอกร้าน มองอาหนานด้วยความสนใจ ทั้งครุ่นคิดไปด้วย
...................
ฝ่ายฮุ่ยเฉินที่นั่งอยู่ในห้องทำงานตอนนี้ ก็กำลังมองดูรูปที่ถ่ายมาเมื่อวานด้วยความเหม่อลอย ทั้งคิดอย่างเสียดายว่าวันนี้คงไม่ได้ไปหาลูกชายตัวน้อยแล้ว
ขณะที่กำลังดูรูปถ่ายอยู่ พ่อบ้านก็โทรเข้ามารายงาน ว่าได้ทำกับข้าวไปส่งให้สองพ่อลูกนั้นแล้ว
“ลุงหลี่ได้เจอกับอาอวี้ไหมครับ” ฮุ่ยเฉินถามอย่างคิดถึงลูกชายตัวเอง
(ไม่เจอครับ เด็กนอนกลางวันไปแล้ว) ลุงหลี่ตอบและรออยู่นาน ก็ไม่มีคำถามใดเพิ่มมา จึงวางสายไป
“เป็นอย่างนี้จริงๆ ด้วย หลงแต่ลูกชายของคนเขา ไม่ได้ชายตาแลพ่อเขาเลยจริงๆ” ลุงหลี่งึมงำอยู่คนเดียวด้วยความเสียดาย ทั้งคิดว่า เขาควรจะแนะนำฮุ่ยเฉินดีไหมนะ ว่าถ้าจีบพ่อจะได้ลูกพ่วงมาด้วย ปาก้อนหินครั้งเดียว ได้นกถึงสองตัวเลย
ลุงหลี่ที่ยังยืนอยู่หน้าร้านเสื้อ มองอาหนานที่กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งด้วยความสนใจ
ทางด้านอาหนาน ที่กำลังทำงานด้วยความขยันขันแข็ง กลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่าได้ถูกคนจับจ้องและจับจองไว้ให้เจ้านายของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
