บท
ตั้งค่า

๕ ปัญหาที่พานพบ (๑)

ปัญหาที่พานพบ

อาหารสามอย่างวางบนโต๊ะกลมขนาดเล็กที่อยู่ติดครัว เจ้าของห้องแทบไม่เคยใช้เลยสักครั้งเพราะส่วนมากออกไปกินข้าวนอก การทำอาหารสำหรับอติกานต์ถือเป็นเรื่องยากกว่าการทำข้อสอบ พอแฟนสาวมาเยือนจึงได้ใช้รับประทานอาหาร

ดวงหน้าคมยิ้มเป็นนิจแล้วมองลัลนาด้วยสายตาหวานเยิ้ม คบกันมานานพอสมควร ตอนแรกก็กลัวว่าระยะทางจะทำให้เลิกรา แต่ก็ยังรักกันจนถึงทุกวันนี้โดยไม่มีปัญหามากวนใจ

ซึ่งเขาไม่รู้เลยว่าสำหรับหญิงสาวที่ได้แต่รอคอยท้อแค่ไหน

ถึงใบหน้าหวานจะแสดงออกว่ายิ้มแย้มมีความสุข แต่ลึกในใจหล่อนกลัวการเลิกราเมื่ออยู่ห่างกัน โดยเฉพาะวันนี้ที่ได้เห็นประกายมุกสามารถเข้านอกออกใน ทั้งยังเรียนคณะเดียวกันมาอยู่ข้างกายคนรัก ก็ตอกย้ำว่าอีกไม่นานพวกเราอาจถึงจุดแตกหัก

เธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้น สิ่งที่คิดได้คือต้องรีบมาเรียนใกล้เขา เพื่อจะได้กันผู้หญิงทุกคนออกห่างอติกานต์

“อะไร มองแบบนั้นหมายความว่ายังไง อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ” เริ่มสงสัยคนรักที่ไม่ยอมแตะอาหาร เอาแต่กำช้อนส้อมแน่นแล้วมองเขานิ่ง สร้างความกังวลแก่หนุ่มหล่อ

ช่วงนี้เขาไม่ค่อยว่างเพราะต้องช่วยอาจารย์ทำวิจัย เผื่อในอนาคตจะให้ท่านช่วยฝากฝังตนเข้าไปทำงานในกระทรวง หรืออย่างน้อยอาจช่วยให้เขาไปฝึกงานที่สถานทูตในต่างประเทศ เป็นความใฝ่ฝันที่ยังไม่ได้บอกลัลนา

กลัวว่าหญิงสาวจะไม่ยอมให้ไปจนนำไปสู่การทะเลาะ ตนไม่ต้องการทะเลาะกับคนรัก

ตั้งแต่คบกันมามีปากเสียงนับครั้งได้ ส่วนมากเป็นหล่อนที่ยอมตลอด หรือบางครั้งเขาก็ลงให้บ้าง อติกานต์จึงไม่รู้ว่าเธอเก็บความอึดอัดเอาไว้ในใจมากแค่ไหน

แต่กระนั้นความรักก็ยังไม่เคยลดลง ลัลนาคิดว่าการได้อยู่ใกล้กันอาจช่วยเรื่องความสัมพันธ์ที่เริ่มเหินห่างให้กลับมาแน่นแฟ้นเหมือนเดิม

“กับพี่มุก...แค่เพื่อนแน่นะ”

เรื่องนั้นคือสิ่งที่หล่อนสงสัย เขาหลุดยิ้มขำ เพิ่งเคยเห็นแฟนของตนหึงหวงออกหน้าออกตา

ปกติเคยเห็นลัลนาหึงซะที่ไหน เก็บอาการไว้ภายใต้ความนิ่งเงียบเก่งจะตาย พอได้ยินอย่างนี้คนตัวสูงก็ยิ้มออก แล้วเลือกเพิ่มความมั่นใจให้แก่คนรัก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่คิดนอกใจเธอเป็นอันขาด อาจมีสายตาวอกแวกบ้าง

ทว่าหัวใจยังคงมอบให้สาวหน้าหวานคนนี้ไม่เปลี่ยน...

“แน่ซะยิ่งกว่าแน่อีก ไม่เคยคิดอะไรกับมุกเลย เพื่อนร้อยเปอร์เซ็นต์ หายห่วงได้พี่ไม่นอกลู่นอกทางแน่นอน” ย้ำให้หล่อนมั่นใจแต่ดูเหมือนลัลนาจะไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่

ถึงจะเชื่อในคนของตัวเอง แต่กับประกายมุกหล่อนไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ ผู้หญิงคนนั้นฉลาดรอบด้าน ถ้าจะแทรกกลางระหว่างพวกตนก็คงทำได้ไม่ยาก หวังเพียงอติกานต์จะหนักแน่นในรัก

ไม่อย่างนั้นเธอก็คงเสียใจที่มองคนผิด...

“จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้” วางช้อนส้อมแล้วยกมือกอดอก คราวนี้ร่างสูงถึงกับหยุดกินข้าวที่แสนอร่อย

ลัลนาได้ฝีมือการทำอาหารมาจากบิดา ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็อร่อยไปหมดทุกอย่าง ถ้าได้อยู่ด้วยกันเขาคงน้ำหนักขึ้น เริ่มอยากให้หญิงสาวมาเรียนที่เมืองหลวงเร็วๆ แล้วสิ

“ต่ายไม่เชื่อใจพี่เหรอ”

“เชื่อมันก็เชื่อ แต่มันก็หวงอ่ะ แล้วพี่มุกเขามีแฟนหรือยัง”

ยอมรับโดยไม่ปิดบังว่าตนหวงเขา เผยรอยยิ้มกว้างของร่างสูงที่มองคนรักอย่างเอ็นดู ค่อยเอื้อมมือมาลูบศีรษะมน ก่อนขยี้อย่างหมั่นเขี้ยวจนโดนสายตาดุจากหล่อน

“เห็นว่าคุยกับเด็กถาปัตย์ พี่ก็ไม่ได้ไปถามว่าคนไหน คนคุยเขาเยอะจะตาย...แต่พี่มีแค่คนเดียว นางสาวลัลนา เปรมาหมดหัวใจเลยนะครับ”

ปิดท้ายด้วยการหยอดคำหวานให้หล่อนได้แย้มยิ้ม ถึงจะพยายามเม้มปากเอาไว้ ทว่าพอได้สบดวงตาคมก็ทำให้เขินตัวม้วนจนต้องส่งค้อนแก้เขิน

“ปากหวาน”

คราวนี้ทั้งสองจึงเริ่มลงมือรับประทานอาหาร พูดคุยเรื่องทั่วไปโดยเฉพาะลัลนาที่บอกว่าตนตั้งใจอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับเขา แต่อัตราการแข่งขันค่อนข้างสูงไม่รู้ว่าจะสอบได้หรือเปล่า ซึ่งอติกานต์ก็เอาใจช่วยเต็มที่

เขาหวังให้เธอได้มาอยู่ด้วยกัน

เธอตักกุ้งของโปรดให้เขา ส่วนตนก็เลือกกินผัก ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรแต่หล่อนเลือกปล่อยวางแล้วอยู่กับคนตรงหน้า อุตส่าห์ได้ตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักฟรีเพื่อมาหาเขาทั้งที ต้องรีบตักตวงความสุขให้มากที่สุด

“แล้ววันนี้นอนไหน นอนห้องพี่ป่ะ เตียงกว้างมาก นอนห้าคนยังได้เลยนะ นอนห้องพี่เนอะ” เพิ่มข้าวอีกจานเพราะอร่อยจากอาหารมื้อพิเศษ ค่อยเข้าเรื่องสำคัญที่ร่างหนาวางแผนเอาไว้ว่าอยากนอนกอดเธอสักคืน

ตั้งแต่คบกันมาหลายปี ทำได้อย่างมากก็แค่หอมแก้ม โอกาสมาถึงจึงอยากพัฒนามากกว่านั้น แต่คงไม่ก้าวข้ามไปยังความสัมพันธ์ยามค่ำคืน แม้ลัลนาจะเลยวัยผู้เยาว์แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ คงต้องรออีกสักพัก

“ไม่เอา ไม่ไว้ใจพี่เท่าไหร่ ต่ายจะกลับไปนอนโรงแรม”

“โธ่ เรามีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งทีนะต่าย จะไปนอนโรงแรมให้เปลืองทำไมล่ะ นอนกับพี่ปลอดภัยหายห่วง” พยายามโน้มน้าวหญิงสาวให้นอนที่นี่ด้วยกัน แต่เธอก็ไม่ใจอ่อนเด็ดขาด กลัวว่าการอยู่ในที่รโหฐานเพียงสองคนจะนำไปสู่เหตุการณ์น่าหวาดเสียว

โดยเฉพาะคนตรงหน้าเป็นพวกมือปลาหมึก เผลอไม่ได้คอยตอดนิดตอดหน่อยตลอดเวลา ตนจึงต้องระมัดระวังตัวไว้ตลอด

“นอนกับพี่ยิ่งน่าเป็นห่วง...กินเสร็จต่ายจะกลับ พี่ไปส่งด้วย” สั่งเขาทันที ร่างสูงทำได้เพียงโอดครวญแต่ทราบดีว่าคงไม่อาจเปลี่ยนใจหญิงสาว แค่อยากนอนด้วยกันสักคืนไม่เห็นว่าจะมีปัญหาตรงไหนเลย

ทำไมหล่อนถึงไม่ยอมล่ะ...

“ก็ได้”

“แล้วปิดเทอมพี่ไม่กลับบ้านเหรอ ม้าบอกว่าพี่จะอยู่ที่นี่” เธอทราบเรื่องจากมารดาของเขา อติกานต์ไม่ยอมบอกตน ดีที่ครั้งนี้มาหาถึงเมืองหลวง ไม่อย่างนั้นก็อาจไม่ได้เจอกันอีกหลายเดือน

พยายามไม่คิดมากหรือเป็นแฟนที่งี่เง่า แต่ยอมรับว่าเธอค่อนข้างน้อยใจ ทำไมเขาไม่บอกตนตามตรง...

แต่ถ้าพูดตอนนี้ก็ทำให้ทะเลาะกัน เสียเวลาเปล่าจึงเลือกเงียบเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

“ไม่ได้กลับ พี่อยู่กลุ่มวิจัยของอาจารย์ป่อง แกให้พี่อยู่ช่วย จะปฏิเสธก็ไม่ได้...แต่ถ้าว่างพี่จะกลับทันที คิดถึงต่าย” พอเจอคำหวานของอติกานต์ ความน้อยใจก็หายไปเหลือเพียงความอิ่มอกอิ่มใจที่เขายังนึกถึงตน

ลัลนาตักกุ้งให้ร่างสูงแล้วตนก็กินผักเหมือนเดิม เธอไม่รู้ว่าจะคบกับเขาไปอีกนานแค่ไหน ความรักจะจืดจางลงเมื่อใด แต่ตอนนี้รู้เพียงมีความสุขที่ได้อยู่กับอติกานต์ อยากคบกันแบบนี้ไปเรื่อยๆ

หวังว่าคงไม่มีอุปสรรคใดมาแยกเราสองคนออกจากกัน...

“ปากหวานไปเรื่อย กินเข้าไปเยอะๆ ข้าวน่ะ” อาหารมื้อนั้นอร่อยที่สุดในความรู้สึกของหล่อน นั่งเล่นที่ห้องเขาสักพักแล้วแฟนสุดหล่อจึงขับรถไปส่งถึงหน้าโรงแรมที่หญิงสาวเข้าพัก

พวกเขาใช้เวลาในการโบกมือลาเกือบครึ่งชั่วโมง อ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้นจนลัลนาขึ้นมาพักชั้นบนพร้อมรอยยิ้มแต้มมุมปากตลอดเวลา

เธอมีความสุขเหลือเกิน และหวังว่าความรู้สึกนี้จะอยู่กับตนไปอีกแสนนาน

เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายเดือน ถึงเวลาที่ผลสอบออกก็เดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ยื่นคะแนนสอบแล้วรอลุ้นอยู่หลายเดือน บนบานศาลกล่าวเพื่อให้ติดมหาวิทยาลัยเดียวกับอติกานต์ หรือไม่อย่างนั้นก็ขอให้ได้อยู่ใกล้กัน

นาฬิกาบอกเวลาว่าผลออกเรียบร้อย หล่อนรีบเข้าไปเช็คชื่อของตัวเองทันที ไม่น่าเชื่อว่าใจจะเต้นเร็วขนาดนี้จนแทบจะหลุดออกมานอกอก

ผลคราวนี้หมายถึงว่าตนจะได้ไปอยู่ข้างกายอติกานต์หรือเปล่า...

เธอไม่ได้เห็นแก่ผู้ชายอย่างเดียว แต่คิดถึงอนาคตของตัวเอง ถ้าได้ไปอยู่ในสังคมใหม่ มีคอนเนคชั่นที่ดีก็เอื้อต่องานในอนาคต หล่อนเลือกเรียนบัญชีเพื่อสามารถต่อยอดอาชีพได้ พยายามทบทวนบทเรียนและอ่านหนังสือสม่ำเสมอ

หวังว่าผลตอบแทนจะไม่ใจร้ายกับตนจนเกินไป

จนกระทั่งเห็นผลว่าตนสอบไม่ติดที่เดียวกับแฟนหนุ่ม แต่เป็นอีกมหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้กัน หัวใจห่อเหี่ยวแล้วก้มหน้ามองพื้น น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเสียใจ ทั้งที่พยายามเป็นอย่างมากในการอ่านหนังสือ แต่ทำไมผลถึงเป็นแบบนี้

แต่ไม่มีเวลาให้เสียใจมากนัก เสียงโครมครามข้างล่างทำให้คนตัวเล็กสะดุ้ง รีบเปิดประตูแล้วเดินลงบันไดเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

“พ่อ แม่...” หล่อนเห็นมารดากวาดข้าวของบนโต๊ะลงบนพื้นจนหมด โดยมีพ่อตามเก็บจึงรีบเข้าไปช่วยทันที ลืมเรื่องผลการสอบอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นการทะเลาะของบุพการีที่ช่วงหลังถี่ขึ้นกว่าเดิม

ส่วนมากจะเป็นมารดาที่หาเรื่องมาค่อนขอดเสมอ หรือบางวันก็หายออกจากบ้านไปเล่นการพนันอยู่บ่อนหมู่บ้านตรงข้าม กลับมาแต่ละทีก็ชวนทะเลาะ งานเย็บผ้าก็เป็นหล่อนที่ต้องทำแทน

“จน จน จน! มีแต่ความจน ฉันไม่ได้จับเงินแสนเงินล้านกับเขาสักที อยู่กับพี่มีแต่ทุกข์ยาก นั่งทำงานหลังขดหลังแข็ง ฉันเบื่อ เข้าใจไหมว่าฉันเบื่อ” โวยวายแล้วทรุดกายลงนั่งโซฟาตัวเก่าที่เบาะขาดจนต้องเย็บให้กลับมาดูสวยงาม

อนงลักษณ์ยกมือขึ้นกุมขมับเมื่อเสียเงินจากการเสียไพ่ไปค่อนข้างเยอะ คิดจะไปถอนทุนคืนแต่ตนกลับหมดตัว พอเจอหน้าสามีที่ไม่ได้รักใคร่ชอบพอก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม พาลหาเรื่องจนภีมเดชต้องคอยปลอบให้ใจเย็น

“พี่ขอโทษที่ทำให้เธอสบายไม่ได้ พี่ผิดเอง”

“โอ๊ย ขอโทษอยู่นั่นแหละ! ถ้าวันนั้นฉันไม่พลาดมีลูกกับพี่ ชีวิตฉันคงไม่เฮงซวยแบบนี้!” คำพูดประนีประนอมกับท่าทียอมเมียยิ่งทำให้โมโหมากกว่าเดิม อนงลักษณ์เดินขึ้นบนบ้านทันทีปล่อยสองพ่อลูกให้ช่วยกันเก็บของที่หล่นเต็มพื้น

“พ่อ เกิดอะไรขึ้น” ได้โอกาสก็รีบถามบิดาด้วยความสงสัย พยายามจะชินกับอาการของมารดาแต่ก็ไม่เคยชินสักครั้ง หล่อนสงสัยว่าท่านเป็นอะไรทำไมถึงฟาดงวงฟาดงาไม่มีเหตุผลกับคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย

นับวันก็ยิ่งเป็นมากขึ้น ถ้าเธอไปเรียนที่กรุงเทพฯ จะเป็นอย่างไร เริ่มกังวลกับเรื่องที่บ้านจนต้องคิดหนักว่าควรเอายังไงต่อไปกับชีวิตของตัวเอง

“ทะเลาะกันนิดหน่อย ไม่มีอะไรหรอกลูก...เมื่อกี้ต่ายจะพูดอะไรเหรอ” เมื่อเก็บของเรียบร้อยก็หันมาถามลูกด้วยความสนใจ ไม่อยากให้ลัลนาคิดมากเรื่องของมารดาที่นับวันแทบจะไม่เห็นหัวใคร เอาเพียงความต้องการของตนเองเป็นหลัก

แต่กระนั้นเขาก็ยังรักภรรยาของตนมาก...

“ต่ายสอบติดมหา’ลัยแล้วนะ แต่ไม่ใช่ที่เดียวกับพี่ปลื้ม เป็นอีกที่แต่อยู่ใกล้กัน...” ใบหน้าหวานสลดลงเมื่อคิดว่าต้องอยู่คนละมหาวิทยาลัยกับแฟนหนุ่ม เธอยังไม่กล้าจะโทรบอกเขาเพราะอติกานต์ค่อนข้างจะลุ้นกับผลสอบมากกว่าหล่อนอีก

ทว่าตอนนี้เขาไม่ว่าง กำลังจัดการเกี่ยวกับเอกสารที่ต้องไปฝึกงาน ซึ่งเธอก็ไม่ทราบว่าเขาจะไปฝึกที่ไหน ทำได้เพียงภาวนาให้อยู่ใกล้กัน

“เก่งมากเลย ไม่ว่าจะติดที่ไหนลูกของพ่อก็เก่งมากแล้ว” ยกมือลูบศีรษะมนพลางเอ่ยชื่นชม หล่อนยิ้มออกมาแล้วเริ่มคิดหนักเรื่องมารดา

ท่านคัดค้านการไปเรียนที่เมืองหลวงมาโดยตลอด หากครั้งนี้เธอไปจะไม่ยิ่งแย่กว่าเดิมเหรอ แค่ทุกวันนี้ยังไม่เคยได้พูดดีกันสักคำ

“แต่เรื่องแม่...”

“เดี๋ยวแม่เขาก็อารมณ์ดี เมื่อกี้มีเรื่องเข้ามารบกวนใจนิดหน่อย อย่าคิดมากเลย หนูไปซื้อของกินข้างนอกเถอะ อ่ะ นี่เงิน” ควักเงินยัดใส่มือของลูกสาว ไม่ต้องการให้ลัลนาคิดมากกับเรื่องของครอบครัว ทั้งที่ตนเองก็แย่พอกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel