๔ ความคิดถึงสั่งให้มาเจอ (๒)
“ต่ายรักพ่อที่สุดเลย” รีบลุกมากอดแขนท่าน ยิ้มมีความสุขโดยไม่ได้คิดว่าตนอาจทำความลำบากให้บุพการี
ภีมเดชพยายามเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงภรรยาและลูกสาวให้อยู่ดีกินดี แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่เคยได้ใจคู่ชีวิตสักที ร่ำอยากให้ตนขายที่เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายตลอด ทั้งที่ผืนดินทั้งหมดคือมรดกตกทอด ตนไม่มีทางขายแน่นอน
“พ่อมีรางวัลคนเก่งให้ด้วยนะ เห็นลูกขยันอ่านหนังสือตลอดแล้วคะแนนสอบกลางภาคก็ออกมาดี...พ่อเลยซื้อตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักอยู่กรุงเทพฯ ไม่รู้ว่าอยากไปหรือเปล่า” เพียงแค่ท่านพูดจบร่างบางก็โถมกอดทันทีด้วยความดีใจ
ไม่คิดว่าบิดาจะลงทุนซื้อตั๋วเครื่องบินราคาแพง ทั้งยังจองที่พักให้หล่อนอีกต่างหาก เป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับคนมัธยัสถ์อย่างพ่อตน
ถึงกับยอมควักเงินจ่ายให้บุตรสาวได้คลายเครียดจากเรื่องสอบ หล่อนยิ้มกว้างด้วยแววตาที่เป็นประกาย
“ไป อยากไปค่ะพ่อ! ต่ายรักพ่อมากที่สุดเลย”
“ต่ายไปก่อนนะ” ผละจากคุณภีมเดชก็รีบวิ่งเข้าบ้านไม่คิดชีวิต เธออยากเห็นตั๋วเครื่องบินที่บิดาจองไว้ เป็นครั้งแรกจะได้นั่งพาหนะนกยักษ์ แค่คิดก็ตื่นเต้นจนไม่อาจปิดบังความสุขที่เอ่อล้นได้
ยิ่งทำให้คนที่ควักเงินจ่ายคิดว่าคุ้มค่ากับเงิน ขอเพียงลูกมีความสุขก็พอแล้ว
“ค่อยๆ เดินสิ อย่าวิ่งเดี๋ยวก็ได้หกล้มกันพอดี เฮ้อ ลูกหนอลูก..” ถึงกับส่ายศีรษะด้วยความระอาปนเอ็นดู ยิ้มขำท่าทีที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนแรกคิดเห็นนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด พอบอกว่าให้ไปกรุงเทพฯ ก็ยิ้มแฉ่งมีความสุข
กว่าจะได้กลับคอนโดมิเนียมก็เย็นย่ำ อติกานต์ถูกเลือกให้มาช่วยงานวิจัยของอาจารย์ประจำสาขาวิชา เขาเห็นว่าเป็นการดีที่จะสร้างผลงานให้ตัวเอง ในอนาคตก็คงหางานได้ง่าย คนที่มีคอนเนคชั่นมักเป็นต่อเสมอ
ตนยังไม่ได้คิดว่าอยากทำอาชีพอะไร แต่เริ่มสนใจเกี่ยวกับการทูตเมื่อได้เรียนสาขาวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ถึงขั้นเลือกเป็นวิชาโทที่อยากศึกษา คิดจะไปฝึกงานที่สถานเอกอัครราชทูตประเทศไทยในต่างแดน แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกประเทศไหน
สองมือถือเอกสารเอาไว้แน่น ตาแทบจะปิดเพราะอดนอนหางานช่วยอาจารย์เมื่อคืน พรุ่งนี้ว่างจึงคิดจะใช้เวลานอนทั้งวัน
“อ่ะ ขอโทษครับ...กระต่าย!” ด้วยความไม่ระวังเขาก็เดินชนกับคนที่สวนมาพอดี เอ่ยขอโทษทันควันแต่เมื่อเห็นดวงหน้าหวานก็เบิกตากว้าง เรียกชื่อหล่อนเสียงดังอย่างตื่นเต้น อยากทิ้งของในมือแล้วคว้าร่างบางมากอด
ไม่คิดว่าหล่อนจะมายืนตรงหน้า เขานอนน้อยจนฝันไปหรือเปล่า
แต่ชนกับเธอเมื่อครู่...ไม่น่าจะเป็นเพียงความฝัน
“ตกใจหรือดีใจ ร้องดังขนาดนั้นคนมองเต็มเลยไม่เห็นหรือไง” ถึงกับเอ่ยเตือนเพราะพวกตนอยู่ล็อบบี้ของคอนโดมิเนียม มีคนเดินเข้าออกและนั่งอยู่โซฟาเยอะพอสมควร ต่างหันมามองด้วยความสนใจจนร่างหนาต้องรีบจับจูงมือบางไปยังลิฟต์
“ทำไมมาหาพี่ได้ ตัวจริงหรือเปล่าเนี่ย เฮ้ย ดีใจอ่ะ หัวใจเต้นแรงเลยลองจับดูสิ มาได้ไง มาตอนไหน ไม่เห็นโทรมาบอกก่อนเลย ถ้าพี่ไม่อยู่คอนโดล่ะ” ถามรัวทั้งยังจับมือเธอมาทาบตำแหน่งหน้าอกข้างซ้ายของตนเพื่อพิสูจน์ว่าดีใจแค่ไหน
ถ้าอยู่ในที่ลับตาสักหน่อยคงได้ดึงหญิงสาวมากอดให้สมกับความคิดถึงแล้ว
“พี่ไม่อยู่ต่ายก็กลับสิ ยากอะไร”
“ไม่ให้กลับ ป่ะๆ ขึ้นไปบนห้องพี่ดีกว่า” รีบลากเธอเข้ามาในลิฟต์เพื่อไปยังห้องของตน แต่เพื่อนสนิทกลับรีบวิ่งมาพร้อมสอดกายเข้ามาในกล่องโดยสารอย่างรวดเร็ว
“ไอ้ปลื้ม มึงไม่ไปกับพวกกู...น้องกระต่าย ไม่คิดว่าจะได้เจออีก พี่ดีใจที่ได้เจอ” เอ่ยชวนอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันมองหญิงสาวที่ยืนข้างกัน พอได้สบตาหล่อนก็ปิดปากเงียบทันที
ตอนแรกจะชวนเพื่อนไปเที่ยวยามค่ำคืนเพราะได้ข่าวว่าคืนนี้อติกานต์ว่าง พอเห็นลัลนาจึงรีบเอ่ยทักทายสาวน้อยหน้าตาน่ารัก ยิ้มกริ่มแล้วยื่นมือหมายจะจับเพื่อทักทาย ก็ถูกร่างสูงตีมือเสียงดังเป็นการเตือน
“พูดอย่างเดียวมืออย่าต้อง แฟนกูไอ้สัตว์” ด่าไม่ไว้หน้า ปารมีไม่ได้สะท้านกลับรีบแก้ต่างให้ตัวเอง
“ก็รู้ว่าแฟนเพื่อน ไม่ใช่แฟนเพื่อนกูก็จีบไปนานแล้วล่ะ”
“สวัสดีค่ะพี่ป๊อด ไม่เจอนานพี่ป๊อดหล่อขึ้นมากเลยนะ สาวชอบเยอะแน่เลย” ชื่นชมให้เขาได้ยิ้มเต็มปาก ทั้งยังยกมือเสยผมตัวเองเหมือนว่าหล่อนักหนาจนคนเป็นเพื่อนถึงกับส่ายศีรษะด้วยความระอาปนหมั่นไส้
หลงตัวเองไม่มีใครเกินเพื่อนคนนี้หรอก
“ธรรมดา ทุกวันนี้คนจีบพี่เยอะกว่าไอ้ปลื้มอีก คือพี่มันหล่อ ดูดี ฐานะรวย นิสัยก็รวย ต่ายสนใจเปลี่ยนแฟนไหม” ยังคงจีบไม่หยุดพัก ทำเอาอติกานต์อดใจไม่ไหวคิดจะถีบให้ติดผนังลิฟต์ พอดีกับประตูเปิดออกจึงรีบคว้ามือหล่อนแล้วพาออกจากกล่องสี่เหลี่ยม
“อ้าวไอ้เวรนี่ มึงจะเงียบปากหรือให้กูถีบ”
“เงียบแล้วครับ ไว้เจอกันครั้งหน้านะน้องต่าย อยู่นานแค่ไหนอ่ะ เผื่อพี่จะพาไปเที่ยวรอบกรุง พี่มีรถ...” ปารมียังคงกดเปิดประตูลิฟต์แล้วยียวนเพื่อนที่ขี้หวงไม่เลิก
“กูมีตีน มึงจะแดกไหม” ย้ำเสียงเข้ม
“ใจร้าย ปลื้มใจทำไมร้ายกับเค้าแบบนี้ล่ะ ไปก็ได้ ไม่อยู่เป็นก้างหรอก...เชอะ” สะบัดหน้าหนีแล้วกดปิดประตูลิฟต์ทันที
“ไอ้นี่มันน่ารำคาญจริงๆ เราไปดีกว่า” ไม่วายเอ่ยบ่นคนที่ชอบชวนตนเถลไถล พาร่างบางเข้าห้องทันที โชคดีที่จ้างแม่บ้านมาทำความสะอาด ไม่อย่างนั้นหล่อนคงเห็นห้องของเขารกยิ่งกว่ารังหนู สร้างความอับอายแก่ตน
ลัลนาสำรวจรอบห้องขนาดสี่สิบตารางเมตร แบ่งสัดส่วนชัดเจนเน้นโทนสีเข้มตามความชอบของผู้อาศัย เธอถอดรองเท้าไว้หน้าประตู ค่อยเข้ามานั่งยังโซฟาของห้องนั่งเล่นที่ฝั่งตรงข้ามตั้งจอโทรทัศน์ขนาดสี่สิบสองนิ้วเอาไว้
“ห้องพี่นี่อยู่คนเดียวหรือเปล่า แอบเอาใครมาซ่อนไว้ไหม” สอดส่ายสายตาแล้วลุกจากโซฟาเพื่อสำรวจห้องเขาอย่างจริงจัง เปิดประตูห้องนอนที่มีเตียงกว้างตั้งตรงกลาง กับตู้เสื้อผ้าแบบบิวท์อินและโต๊ะติดหน้าต่างซึ่งกรุด้วยกระจกเห็นวิวเมืองหลวง
น่าอยู่จนหล่อนอยากมาเรียนที่นี่ซะแล้ว...
“จะมีใครล่ะ ก็รอต่ายมาอยู่ด้วยกันเนี่ยแหละ ไม่มีใครซ่อนไว้ทั้งนั้น...” สวมกอดหล่อนจากทางด้านหลังเมื่อวางของทุกอย่างลง คิดถึงหญิงสาวเหลือเกินจนไม่คิดว่าจะเป็นความจริง
รักทางไกลมันเหนื่อย...
ทว่าพวกเขาก็ประคับประคองความสัมพันธ์ เชื่อมั่นกันและกันเพื่อรอวันที่ได้กลับมาเคียงใกล้อีกครั้ง
“ต่ายเชื่อพี่ พูดเล่นไปอย่างนั้นแหละ” เผลอเอนกายพิงอกกว้าง
สายตาสองคู่มองภาพเบื้องหน้าด้วยความสุข เหมือนว่าเวลาที่รอคอยสิ้นสุดลง ถึงเธอจะมาอยู่ที่นี่ไม่นานก็สามารถเติมเต็มความรู้สึกให้เขาได้
คิดถึงเหลือเกิน...
“กินข้าวมาหรือยัง ให้พี่เวฟอาหารให้ไหม” เขาเริ่มหิวเพราะยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เที่ยง ทว่าคำถามของเขาสร้างความสงสัยให้แก่หล่อน
“กินข้าวเวฟเหรอ...ไม่เอาหรอก เดี๋ยวต่ายทำอาหารให้พี่กินดีกว่า ลืมแล้วหรือไงว่าต่ายเป็นลูกมือของพ่อ ทำกับข้าวเป็นเหมือนกัน” พูดจบก็ปลดมือหนาออกจากเอวของตน เดินไปโซนครัวแล้วเปิดตู้เย็นเพื่อดูว่ามีวัตถุดิบอะไรพอทำกินบ้าง
“วันนี้รอดแล้ว” แสดงอาการดีใจออกนอกหน้า แล้วรีบมาช่วยหล่อนล้างผัก หุงข้าวเพื่อทำอาหารเย็นกินด้วยกัน
ติ้งน่อง ติ้งน่อง
เสียงกดออดด้านหน้าทำให้อติกานต์ต้องผละจากคนรัก เขานึกสงสัยว่าใครมาขัดขวางความสุข แต่พอลองนึกว่าใครจะขึ้นมาบนนี้ได้บ้างก็รู้ทันที
“แป๊บนะ น่าจะเพื่อนมาหา”
ต้องเป็นประกายมุกอย่างแน่นอน เธอมักจะมาชวนเขาไปอ่านหนังสือหรือเอาชีทเรียนให้เขายืม กลายเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว
“มุก ว่าไง” ทักทายเป็นกันเอง เธอยิ้มกว้างให้เขาพร้อมเอ่ยถึงธุระที่ทำให้ต้องมายืนหน้าห้องของอติกานต์
“เราจะขอยืมชีทซอคแอ๊นหน่อยได้ไหม ของเราน่าจะลืมไว้ชมรมหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ รบกวนหรือเปล่า”
“ไม่รบกวนหรอกเรื่องแค่นี้เอง” บอกอย่างเอื้อเฟื้อ กำลังจะปิดประตูห้องเพื่อไปหยิบเอกสารการเรียนให้หล่อน แต่ร่างบางกลับดันประตูเอาไว้พลางขอร้องเสียงหวาน
“งั้นเราขอเข้าไปรอข้างในนะ”
“ตามสบาย..” เปิดประตูเป็นการต้อนรับ ประกายมุกยิ้มกว้างมีความสุข
ไม่ใช่ครั้งแรกที่มานั่งในห้องของเขา แต่ส่วนมากไม่ได้อยู่นานเพราะเจ้าของห้องดูเหมือนจะหวงพื้นที่ส่วนตัวเหลือเกิน เธอจึงใช้โอกาสนี้มานั่งยังห้องนั่งเล่น ทว่ารอยยิ้มต้องหุบลงกลายเป็นเหยียดปากตรงยามพบเจ้าของหัวใจตัวจริงของอติกานต์
“พี่มุกสวัสดีค่ะ”
ลัลนามาได้อย่างไร...
“อ่า...น้องต่าย มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ” ทักทายรุ่นน้องพลางถามด้วยความสงสัย เธอคิดว่าทั้งสองเลิกกันไปแล้วซะอีก
อติกานต์ไม่ได้กลับบ้าน แทบไม่ติดต่อลัลนาด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดถึงยังคบกันล่ะ
“วันนี้ค่ะ ต่ายมาเที่ยวเลยแวะมาหาพี่ปลื้ม พี่มุกล่ะคะ” แม้จะไม่ค่อยชอบใจที่อีกฝ่ายบุกเข้ามาหาแฟนตนแต่ก็เก็บอารมณ์ได้อย่างมิดชิด ยิ้มโต้ตอบรุ่นพี่คนสวยเหมือนไม่ได้ติดใจสงสัย
“พี่มายืมชีทเรียนจ้ะ ของพี่ทำหายไปไหนก็ไม่รู้...พี่ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะหวานนะ แต่ไม่นานพี่ก็ไปแล้วล่ะ ห้องพี่อยู่ข้างล่างนี่เองจ้ะ” คำบอกเล่าเหมือนกำลังประกาศสงคราม ลัลนาเริ่มร้อนใจที่รู้ว่าแฟนของตนอยู่ใกล้กับสาวสวยมากขนาดนี้
คงไม่มีอะไรหรอก เธอต้องเชื่อใจเขาสิ
“อ้อ ตามสบายค่ะ” เลือกจะเมินแล้วยิ้มให้แขกของอติกานต์ ค่อยเดินกลับมาทำอาหารเหมือนเดิมไม่ได้ชวนคุย
ประกายมุกเม้มปากแน่นอย่างน้อยใจ เธอเป็นถึงลูกสาวของผู้ว่าราชการจังหวัด มีตรงไหนที่ไม่คู่ควรกับเขาบ้าง
แล้วลัลนาเป็นใคร...ลูกคนขายข้าวแกงที่ไม่มีอะไรทัดเทียมตนได้เลย
แล้วเหตุใดจึงได้หัวใจของอติกานต์ไป!
