ตอนที่5 คำขู่
"เราก็เคยทำแบบนี้มาตั้งหลายครั้งจะหวงตัวไปทำไม"
พรนัชชาถอยหลังหนีคนที่กำลังจะเข้ามาประชิดตัวเธออีกครั้ง "แต่ภูกำลังจะแต่งงาน แล้วเราก็เลิกกันไปแล้วด้วย อย่าทำแบบนี้อีก"
"ภูจะทำ ภูจะยัดเยียดสถานะเมียน้อยให้พลอย" ภูเมฆแสยะยิ้มสีหน้าเจ้าเล่ห์ น้ำเสียงของเขาชัดเจน ไม่มีท่าทีสะทกสะท้านกับคำพูดที่ดูเห็นแก่ตัว
พรนัชชาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองว่าคำที่ได้ยินเมื่อครู่จะออกจากปากผู้ชายที่เธอมองว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษตลอดมา "ถ้ายังโกรธเรื่องที่พลอยทำกับภู พลอยขอโทษ" หากเขาเปลี่ยนไปเพราะเจ็บใจเรื่องในอดีตเธอก็พร้อมที่จะขอโทษชายหนุ่ม ไม่ว่าจะกี่หมื่นกี่พันครั้งเธอก็ยอม
ภูเมฆส่ายหัวช้าๆ และค่อยๆ ก้าวเข้าหาตัวของพรนัชชาอีกครั้ง "ภูแค่อยากสนุกเท่านั้นเข้าใจหรือยัง แล้วพลอยก็ห้ามปฏิเสธ"
พรนัชชารีบวิ่งหนีเข้าไปในห้องปิดประตูล็อกกลอนแน่นหนา เธอจะไม่ยอมร่วมกระทำความผิดกับเขาแน่ แม้จะยังมีความรักให้ชายหนุ่มมากมายแค่ไหนก็ตาม เพราะรู้ดีว่าคนที่ถูกหักหลังต้องเจ็บปวดแค่ไหน
"ถ้าไม่ยอมดีๆ เพื่อนๆ เดือดร้อนแน่เพราะภูพร้อมทำลายอนาคตพวกเค้าตลอดเวลา” ภูเมฆยืนประชิดหน้าประตูห้องที่พรนัชชาเข้าไปหลบ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยถึงสิ่งที่คิดวางแผนมาตั้งแต่แรก
หญิงสาวยืนนิ่งอึ้ง ขอบตาเริ่มร้อนผ่าว คำพูดดูเห็นแก่ตัวที่จะยัดเยียดสถานะเมียน้อยให้เธอมันทำให้เธอตกใจมากแล้ว เมื่อได้ฟังความคิดชั่วร้ายของภูเมฆพรนัชชาก็เริ่มใจเสียมากขึ้นไปอีก ระยะเวลาหนึ่งปีกว่าที่เขาหายหน้าหายตาจากเธอไป ทำให้ชายหนุ่มที่แสนดีเปลี่ยนไปได้มากมายขนาดนี้เชียวหรือ
“รู้ใช่ไหมว่าทรายกับขวัญดีใจแค่ไหนที่ได้มีที่อยู่ฟรีมีงานที่ได้เงินดี ถ้าไม่อยากให้พวกเค้าหมดอนาคตก็อย่าขัดใจภู" เขาย้ำให้หญิงสาวได้ฟังให้กระจ่างถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นหากเธอไม่ยอมเปิดประตูให้เขาดีๆ
แกร๊กก พรนัชชายอมที่จะเปิดประตู และเงยมองหน้าภูเมฆผ่านม่านน้ำตา "ทำแบบนี้ทำไม" เธอเอื้อนเอ่ยเสียงสะอื้นเพราะรู้สึกผิดหวัง แต่เธอไม่รู้เลยว่าน้ำตาของเธอนั่นแหละคือสิ่งที่ภูเมฆอยากจะเห็นมันมากที่สุด
"ก็บอกแล้วไงว่าแค่อยากสนุก เคยๆ กันมาแล้วยอมนิดยอมหน่อยจะเป็นไรไป" ว่าจบก็แทรกตัวเข้าไปในห้องของหญิงสาว ปิดประตูลงกลอนแน่นหนาเพื่อทำในสิ่งที่เขาต้องการ
ภูเมฆรวบคนตัวเล็กบดจูบเล้าโลมบนเตียงพักใหญ่ แอบไม่ชอบใจที่หญิงสาวไม่มีแก่ใจที่จะมีอารมณ์ร่วมกับเขาแม้แต่น้อย ทุกวินาทีที่เขาหาความสุขจากร่างกายของเธอได้เห็นน้ำตาหยดน้อยไหลอาบแก้มอยู่ตลอดเวลา
แม้ก่อนหน้าจะชอบที่จะได้เห็นน้ำตาของคนตัวเล็ก แต่เมื่อได้เห็นมันในเวลาที่ร่วมบทสวาทกันอยู่ในตอนนี้เขารู้สึกหน่วงในใจแปลกๆ แต่ก็พยายามที่จะไม่ใส่ใจ และย้ำชัดในสมองว่าเขาควรดีใจที่เธอดูทรมานเช่นนี้
“ฮือๆๆๆ..” พรนัชชานอนเปลือยเปล่าสะอึกสะอื้นอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา หลังจากภูเมฆกระทำกับร่างกายของเธอจนเสร็จสมอารมณ์หมายก็ออกไปในทันที ทิ้งให้หญิงสาวนอนร้องห่มร้องให้เจ็บปวดใจกับความสัมพันธ์ที่ถูกยัดเยียด ไม่คิดว่าการที่ชายหนุ่มมีเงินมีอำนาจจะทำให้นิสัยของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ และไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเธอจะพ้นจากสถานะที่เขามอบให้โดยที่ไม่ได้เต็มใจรับเมื่อไหร่กัน
"ทำไมแกถึงจ้างพลอยให้มาดูแลน้องแกวะ ตอนนั้นขนาดหน้าพลอยแกยังไม่อยากจะมองเลย" องศาได้เจอกับภูเมฆก็รีบเอ่ยถามถึงเรื่องที่รับรู้จากขวัญฤทัยทันที เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้ภูเมฆยังมีทีท่าไม่อยากจะกลับมาเป็นเพื่อนกับพรนัชชาอยู่เลย แต่ไหนเลือกที่จะขอให้พรนัชชาไปดูแลน้องสาวตัวเองได้
"ฉันมาคิดหลังจากที่หลวงตาพูด อะไรที่แล้วก็ให้มันแล้วกันไป อีกอย่างการหาพยาบาลที่ไว้ใจได้สักคนก็ไม่ได้ง่ายๆ"
"แกคิดแบบนี้ได้พวกฉันก็ดีใจ พลอยก็คงดีใจเหมือนกัน แล้วพลอยได้ตอบตกลงแกยัง"
“อืม” ภูเมฆพยักหน้าด้วยแววตามีเลศนัย อันที่จริงพรนัชชาก็ไม่ได้ตกลงในคราแรก แต่มีหรือคนอย่างเขาจะให้เธอปฏิเสธได้ง่ายๆ สุดท้ายเธอก็ต้องยอมที่จะทำงานให้เขาแต่โดยดี
"ทำไมยอมรับงานภูล่ะ" ทรายแก้มาถึงบ้านเช่าของพรนัชชาพร้อมกับขวัญฤทัยได้ก็ไม่รีรอที่จะถามถึงเรื่องที่พรนัชชาตกปากรับคำว่าจะเป็นพยาบาลดูแลพราวฟ้าน้องสาวของภูเมฆ
“นั่นสิ” ขวัญฤทัยเอ่ยเสริม เพราะก่อนหน้านี้พรนัชชาฝากเธอตอบกลับภูเมฆเองว่าไม่รับงาน
"คิดไปคิดมามันก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธไง ดีแล้วที่ภูมอบโอกาสให้ฉัน มันเป็นสัญญาณที่ดีที่เราจะเป็นเพื่อนกันต่อได้"
“ดีแล้วล่ะ แกจะได้มีเงินเก็บเยอะๆ แถมไม่ต้องมาทำงานเข้ากะให้เหนื่อยด้วย” ทรายแก้วรู้แบบนี้ก็ใจชื้น เพราะเงินเดือนที่ภูเมฆเสนอให้พรนัชชาสูงกว่าเงินเดือนที่โรงพยาบาลให้ตั้งสามสี่เท่า แถมได้ทั้งที่อยู่ที่กินฟรีด้วย
“พรุ่งนี้จะไปกับพวกเราด้วยใช่ไหม” ขวัญฤทัยเอ่ยถึงเรื่องที่ภูเมฆชวนพวกเธอให้ไปทานอาหารในคาเฟ่ที่ตัวเมือง
“อืม ฉันรับปากภูไว้แล้ว” พรนัชชาพยักหน้าเปรยยิ้มอ่อนอย่างฝืนๆ เธอไม่ได้อยากรับปากอะไรภูเมฆทั้งนั้น แต่หลังจากเมื่อคืนที่เขาโผล่เข้ามาหาเธอขู่สารพัด ทำให้เธอต้องทำตามใจเขาไปเสียทุกเรื่อง
"ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ" อารยาเปรยยิ้มร่าทักทายกับทุกคนที่ร่วมโต๊ะอาหาร เธอดีใจเป็นพิเศษที่ภูเมฆเลือกที่จะพาเธอมาทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ที่สนิทสนม เพราะมันเป็นสัญญาณที่ทำให้เธอได้รับรู้ว่าเขาเห็นเธอเป็นคนสำคัญจริงๆ
ในความเป็นจริงเหล่าเพื่อนๆ ก็แอบตกใจที่จู่ๆ ภูเมฆก็พาว่าที่ภรรยามาเซอร์ไพรซ์ เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของพรนัชชา แต่เมื่อเห็นว่าพรนัชชายังพอจะยิ้มได้พวกเขาก็โล่งอก
"ขอโทษทีที่ไม่ได้บอกว่า ว่าที่ภรรยาจะมาร่วมโต๊ะด้วย ฉันอยากเซอร์ไพรซร์ทุกคนเท่านั้น อีกประมาณสามเดือนฉันก็จะแต่งงานกันแล้ว"
“ดีใจด้วยนะ / ดีใจด้วย” เป็นองศาและขวัญฤทัยเอ่ยยินดีตามมารยาท ส่วนคนอื่นก็ได้แค่ยิ้มเท่านั้น
"แม่เราสองคนเป็นเพื่อนกันค่ะ คุณแม่ของแอ้กับน้าภาคุยกันไว้นานแล้วค่ะว่าถ้าเจอลูกชายจะให้แต่งงานกับแอ้ ตอนนั้นแอ้ก็ไม่คิดว่าน้าภาจะได้เจอพี่ภูจริงๆ นะคะ พอเราได้เจอกันมันเลยเหมือนพรหมลิขิตค่ะ" อารยาเกาะแขนภูเมฆเอ่ยด้วยท่าทีอารมณ์ดี
"ยินดีกับทั้งสองคนด้วยนะ ระหว่างรออาหารเดี๋ยวพวกฉันขอไปเดินเล่นถ่ายรูปก่อนนะภู แกสองคนไปถ่ายรูปให้ฉันหน่อย"
“อืม”
เป็นทรายแก้วที่ขอตัวลุกออกไปจากโต๊ะพร้อมลากเพื่อนทั้งสองไปด้วย หากปล่อยให้พรนัชชาอยู่นานกว่านี้คงได้น้ำตารื้นขึ้นมาแน่ เท่าที่ทรายแก้วเห็นพรนัชชาก็เริ่มฝืนยิ้มไม่ออกแล้ว
"พี่พลอยนี่โสดหรือเปล่าคะ" ให้หลังสามสาวไปได้อารยาก็เอ่ยกระซิบกระซาบกับสามหนุ่ม
"ครับเธอยังโสด" องศาเอ่ยตอบ
"นี่ถ้าพี่ชายของแอ้มาเห็นคงปลื้มเธอแน่ค่ะ ตรงสเปคพี่โอบทุกอย่างเลย" สาวเจ้าชำเลืองมองไปยังพรนัชชา เธอเชื่อร้อยเปอร์เซ็นว่าถ้าโอบเอื้อได้เจอพรนัชชาคงได้แอบชอบตั้งแต่แรกเห็นแน่
คำพูดของหญิงสาวที่ดูจะตรงไปตรงมา ทำภูเมฆเริ่มหน้าเสียไม่สบอารมณ์จนกรกันต์สังเกตได้ และหันไปส่งสายตาให้องศาดูสีหน้าของภูเมฆ
