บทที่ 8 เลือกคู่
“ท่านแม่แต่ข้าชอบองค์ชายลี่เจียวเจี้ยมากกว่า องค์ชายเองก็เหมือนจะสนใจข้าเช่นกัน ลูกชายท่านแม่ทัพไม่ใช่ว่าไม่ดีแต่ข้าต้องเหนือกว่านางน้องเลวนั่นให้ได้ หรือท่านอยากจะให้มันเยาะเย้อเรากันแน่”
“จริงหรือที่องค์ชายลี่เจียวเจี้ยสนใจเจ้า”
“ไม่รู้สิเจ้าคะ ข้าเห็นองค์ชายมองข้าด้วยสายตาที่หยาดเยิ้มราวกับชอบข้า”
“ยัยเด็กโง่ องค์ชายลี่เจียวเจี้ยน่ะเจ้าชู้เสพสมกับเหล่าหญิงนางโลมเป็นว่าเล่น เจ้าอยากน้ำตาตกในหรือไงกัน”
“ท่านแม่ แต่ข้า...”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น แม่จะให้พ่อเจ้าไปเจรจานัดหมายดูตัวเจ้ากับบุตรชายท่านแม่ทัพใหญ่”
“สำหรับองค์ชายลี่เจียวเจี้ยเจ้าเลิกคิดไปเลย”
“เจ้าค่ะท่านแม่” หนิงจินซูจำเป็นต้องกล่าวตอบรับออกไป
วันรุ่งขึ้นตำหนักจวนองค์ชายลี่หยาง
“คุณหนูหนิงจินเอ๋อ” เหล่าสาวใช้นางกำนัลต่างก้มศีรษะเล็กน้อยทำความเคารพสาวน้อยคู่หมั้นขององค์ชายลี่หยางด้วยความนอบน้อม
“องค์ชายเป็นอย่างไรบ้าง”
“องค์ชายทรงดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะคุณหนู เช้านี้ท่านหมอหลวงบอกว่าองค์ชายเริ่มหายใจปกติแล้ว แต่น่าแปลกองค์ชายกลับไม่ตื่นขึ้นมาสักทีเจ้าค่ะ”
“จริงเหรอ เมื่อไหร่นะองค์ชายถึงจะได้สติฟื้นขึ้นมาท่านหมอหลวงได้บอกไว้หรือเปล่า”
“เปล่าเจ้าค่ะคุณหนู”
“พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่กับองค์ชายเพียงลำพัง”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
“องค์ชายท่านได้ยินข้าหรือเปล่า”
สาวน้อยกล่าวออกมาเบา ๆ เมื่อเธอพาร่างบอบบางของตนเองมานั่งที่ขอบเตียงขององค์ชายลี่หยางจับฝ่ามือที่ผอมจนซีดแต่กับอุ่นมาวางบนตักของตนเอง
“องค์ชายท่านจะรู้มั้ย ว่าข้าเป็นทุกข์แค่ไหน ข้าเป็นห่วงท่านพอ ๆ กับอยากถอนหมั้นกับท่าน แต่ข้าก็ไม่อาจจะทำได้สมรสพระราชทานใครจะกล้าขัดกัน หากท่านยอมเมตตาถอนหมั้นกับข้าก็คงดีข้าคงไม่ต้องทนทุกข์เช่นนี้ อุ้ย...มือท่านขยับแล้ว”
สาวน้อยอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อมือของเธอสัมผัสได้ถึงแรงบีบจากมือหนาที่เธอเกาะกุมไว้
“มีใครอยู่ด้านนอกบ้าง ตามหมอหลวงมาที องค์ชายทรงขยับมือแล้ว”
“เจ้าค่ะคุณหนู บ่าวจะรีบไปตามเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ”
“องค์ชายท่านลืมตาสิ ทำไมท่านถึงไม่ยอมลืมตาเสียที องค์ชายลี่หยางท่านได้ยินข้าหรือไม่”
“หมอหลวงมาแล้วเจ้าค่ะ”
“เชิญท่านหมอหลวงช่วยตรวจดูอาการองค์ชายสักหน่อย เมื่อกี้ตอนข้าจับมือองค์ชายเหมือนข้าสัมผัสได้ถึงแรงบีบที่มือของข้า” สาวน้อยกล่าวพร้อมรีบลุกจากขอบเตียง
“คุณหนูไม่ต้องห่วง ข้าต้องรักษาองค์ชายอย่างดีแน่นอน ขอข้าตรวจดูพระอาการองค์ชายเสียก่อน”
“ฝ่าบาทเสด็จ” เสียงขันทีที่กล่าวตะโกนอย่างเสียงดังมาที่ด้านหน้าจวน
“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท”
“จริงหรือที่ลี่หยางเริ่มขยับตัวแล้ว”
“จริงเพคะฝ่าบาท เมื่อกี้ตอนที่หม่อมฉันจับมือองค์ชายไว้เหมือนองค์ชายจะกำบีบมือข้าแน่น” หนิงจินเอ๋อกล่าว
“ดี นับว่าเป็นข่าวที่ดี หนิงจินเอ๋อข้าคงต้องให้เจ้ามาดูแลองค์ชายลี่หยางบ่อย ๆ เสียแล้วล่ะ เจ้าจะว่าเช่นไร”
“กระหม่อมไม่ว่าเช่นไรเพคะ กระหม่อมยินดีถึงอย่างไรองค์ชายก็เป็นคุ่หมั้นของหม่อมฉัน”
“หากลี่หยางฟื้นขึ้นเห็นเจ้าเป็นคนแรกคงจะดีใจเป็นอย่างมากแน่”
“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท กระหม่อมจะดูแลองค์ชายอย่างดีที่สุดเพคะ”
“ทูลฝ่าบาท พระอาการขององค์ชายทรงฟื้นตัวอย่างเร็วมากพะยะค่ะ”
“หมายความว่าองค์ชายมีโอกาสที่จะหายป่วยจากโรคที่เป็นมาแต่เด็กด้วยใช่มั้ย ท่านหมอหลวง”
“เออ... ฝ่าบาท กระหม่อมไม่กล้ารับประกันพะย่ะค่ะ อยู่ที่ดวงชะตาขององค์ชายด้วยนะพะยะค่ะ”
“ฝ่าบาทเพคะหม่อมฉันเชื่อว่าองค์ชายทรงมีปาฏิหาริย์ฟื้นขึ้นได้อีกครั้ง บางทีสวรรค์อาจเมตตาให้องค์ชายกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงเฉกเช่นคนทั่วไปก็ได้นะเพคะ” หนิงจินเอ๋อกล่าว
“เฮ่อ... คงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์แล้วสินะ หนิงจินเอ๋อยังไงซะในเมื่อเจ้าต้องมาดูแลลี่หยางเจ้าก็มาพักห้องด้านข้างของลี่
หยางก็แล้วกัน ข้าไว้ใจเจ้า”
“ฝ่าบาททรงวางใจได้เพคะ”
“งั้นข้าฝากลี่หยางกับเจ้าด้วย วันนี้ข้ามีหาลือเรื่องบ้านเมืองเขตชายแดนกับเหล่าขุนนาง คงต้องไปแล้ว” ฝ่าบาทกล่าวก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปจากห้องขององค์ชายลี่หยาง
“คุณหนูงั้นข้าขอตัวก่อน” หมอหลวงกล่าวพร้อมเดินออกไปจากห้อง จึงเหลือเพียงสาวน้อยกับองค์ชายลี่หยางเท่านั้น
จวนยู่เซินของท่านเสนาบดีการคลัง
คุณหนูใหญ่ที่วันนี้ต้องเตรียมตัวไปพบบุตรชายของท่านแม่ทัพใหญ่ของแคว้นพร้อมกับท่านพ่อและท่านแม่ของเธอ
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะวันนี้คุณหนูใหญ่ช่างสวยเหลือเกินเจ้าค่ะ” สาวใช้ส่วนตัวของนางในวัยใกล้เคียงกันกล่าว
“แน่นอน ข้าต้องสวยอยู่แล้วในเมื่อข้ากำลังจะไปดูตัวกับคุณชายจวนท่านแม่ทัพใหญ่”
“คุณหนูข้าได้ยินว่าบุตรชายท่านแม่ทัพช่างหล่อเหลาเป็นถึงบัณฑิต แถมยังมิใช่หนุ่มเจ้าสำราญหากคุณหนูต้องออกเรือนด้วยอย่าลืมให้ข้าติมตามไปรับใช้คุณหนูนะเจ้าคะ ข้าอยู่กับคุณหนูมานานข้าไม่อยากแยกจากท่าน” สาวใช้กล่าวอย่างอ้อนวอนขอร้อง
“แน่นอน ข้าต้องนำเจ้าติดตามข้าไปด้วยอยู่แล้ว มิเช่นนั้นใครเล่าจะรู้ใจข้าเช่นเจ้า มีแต่เจ้ากับท่านแม่ที่คอยช่วยข้าทุกอย่าง ช่างน่าเสียดายที่วันนี้นางน้องที่ข้าเกลียดไม่อยู่ที่จวน มิเช่นนั้นข้าอยากจะเห็นสีหน้าของนางว่าจะเป็นเช่นไร ที่ข้าจะกลายเป็นที่หมายปองของชายที่สมบูรณ์แบบ มิใช่นอนเป็นผักป่วยได้เป็นวัน ๆ เช่นคู่หมั้นของนาง ป่านนี้คงเหนื่อยน่าดูที่ต้องรับคำสั่งจากฝ่าบาทให้อยู่ดูแลใกล้ตายเช่นนั้น” หนิงจินซูกล่าวอย่างอวดดีปนเยาะหยัน
“เออ... คุณหนูอย่าไปพูดเช่นนี้ที่อื่นนะเจ้าคะ เพราะอาจทำให้ทั้งตระกูลเซินต้องถูกประหารได้นะเจ้าคะ”
