บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ปาฏิหารย์มีจริง

“ใช่แล้วท่านพ่อท่านแม่ พวกท่านไม่อายคุณหนูหนิงจินเอ๋อหรือไงกัน” องค์ชายลี่เจียวเจี้ยรีบกล่าวเสริมคำพูดพี่ชายอีกคน ก่อนจะมองไปที่สาวน้อยหนิงฮวาด้วยสายตาเจ้าชู้หมายปองเจ้าเล่ห์ เพราะเค้าแอบหมายปองเธอมานานตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอเธอที่วังหลวงเมื่อหลายปีก่อน พร้อมกับได้รับรู้ข่าวการพระราชทานพีธีหมั้นหมายระหว่างเธอกับพี่ชายของเค้า แต่ต่อไปนี้เธอปราศจากคู่หมั้นแล้วเค้าสามารถจีบเธอมาเป็นคนของเขาได้โดยไม่ผิด หนิงจินเอ๋อมัวแต่ก้มหน้าเสียใจจึงไม่ได้เห็นสายตานั้นขององค์ชายลี่เจียวเจี้ยผู้มักมากในกามา

“คุณหนูลุกขึ้นเถิดเหล่าข้าน้อยจะได้นำร่างองค์ชายแต่งองค์ทรงเครื่องเพื่อนำไปประกอบพิธี”

ขันทีท่านหนึ่งกล่าวขึ้น เมื่อเค้ากับเหล่าข้าหลวงและทหารบางส่วนเดินเข้ามาเพื่อจัดการนำร่างองค์ชายลี่หยางไปประกอบพิธีตามธรรมเนียมของราชวังแคว้นตงเยี้ยน

ข่าวการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายลี่หยางถูกป่าวประกาศออกไปจนทั่วแคว้น แม้แคว้นที่คิดเป็นศัตรูแย่งชิงแผ่นดินถึงกับดีใจคิดวางแผนโจมตี ในขณะที่ทุกคนในแคว้นกำลังเสียใจกับการสูญเสียครั้งนี้

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่เป็นโอกาสดีของเราที่จะโจมตี เพราะแคว้นตงเยี้ยนคงไม่มาเตรียมทัพพร้อมรบในขณะนี้หรอก”

“ท่านแม่ทัพฮวงเล่อช่างสมองใสจริง ๆ ท่านทั้งเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจหาตัวจับได้ยาก ทั้งฉลาดสมกับที่ฝ่าบาทชื่นชม”

“ท่านกล่าวชมมากเกินไปแล้ว ว่าแต่ท่านไม่อยู่ร่วมงานขององค์ชายหรือ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าแจ้งข่าวการป่วยไปที่วังหลวงแล้ว รับรองได้ไม่มีใครรู้เรื่องการมาพบท่านของข้าแน่นอน” ชายชราผมขาวในชุดคุมสีดำลึกลับปิดบังใบหน้ากล่าวออกมาอย่างรื่นเริง

“ท่านช่างฉลาดจริง ว่าแต่นางกับลูก ๆ ของข้า สบายดีหรือเปล่า น่าเสียดายที่ข้าไม่มีวาสนาอยู่เคียงข้าพวกเค้า” แม่ทัพแห่งแคว้นยวนหลีผู้เก่งกาจกล่าวออกมาอย่างเศร้าใจนิด ๆ

“ท่านอย่านึกเสียใจไปเลยรอให้ชิงแคว้นตงเยี้ยมาได้ ท่านอยากครอบครองสิ่งใด แค่กล่าวถวายขอต่อฝ่าบาทข้ารับรองได้ว่าคนรักและลูกชายของท่านต้องได้มาเป็นของท่านอย่างแน่นอน ดูเหมือนที่ผ่านมาฝ่าบาทจะล่วงรู้เรื่องขององค์ชายทั้งสองแล้วถึงได้รักแต่องค์ชายลี่หยาง แต่ตอนนี้องค์ชายลี่หยางก็สิ้นพระชนม์แล้ว บัลลังค์นี้ต้องเป็นของลูกชายท่านแน่ท่านแม่ทัพ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย แต่ข้าก็ขัดคำสั่งฝ่าบาทมิได้ ยังไงก็ต้องยึดแผ่นดินนั้นมาเป็นของแคว้นยวนหลีให้ได้

ท่านก็รู้ว่าข้าไม่กล้าขัดคำสั่งฝ่าบาทหรอก”

“แต่ท่านอย่าลืมตำแหน่งของข้าแล้วกันหากวันหน้าท่านสามารถชิงแคว้นมาได้”

“แน่นอน คนอย่างข้ารักษาคำพูดเสมอท่านพ่อตา”

ระหว่างพิธีการจัดงานการสิ้นพระชนมขององค์ชายลี่หยาง ประชาชนทั่วแคว้นต่างแต่งกายชุดสีขาวสวมผ้าโพกศีรษะเป็นการไว้ทุกข์ให้กับองค์ชายในแคว้นของเขาสีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้ากับความสูญเสีย เพราะตลอดที่ผ่านมาเรียกได้ว่าสำหรับแคว้นตงเยี้ยหากไม่มีสงครามก็คงเป็นไปไม่ได้ความสงบหาได้ยากเต็มที ศัตรูคิดแต่หวังแย่งชิงแผ่นดินของแคว้นที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำลำธารภูเขาล้อมรอบ

“องค์ชายไม่น่าจะจากพวกเราไปเลยทำไมพระองค์ถึงได้มีพระชนม์พรรษาที่ช่างสั้นยิ่งนัก”

“นั่นน่ะสิองค์ชายลี่หยางทรงมีเมตตา ฮือ ฮือ เคยส่งมอบเงินช่วยเหลือบุตรชายของข้าด้วยนะ ถึงแม้พระองค์จะทรงเจ็บป่วยบ่อยจนไม่สามารถเดินทางออกนอกวังได้พวกเราทุกคนที่เป็นประชาชนต่างก็ไม่เคยเห็นหน้าขององค์ชายลี่หยางมาก่อนเลยสักคน ข้าเคยเห็นแต่องค์รัชทายาทลี่ตวงกวงกับองค์ชายลี่เจียวเจี้ยน ที่มักออกมาเที่ยวสำราญในหอนางโรมและออกล่าสัตว์ในป่าโดยมีกองทัพทหารตามขบวนเป็นกองทัพใหญ่โต ถ้ามีโอกาสข้าอยากจะเข้าไปในวังเพื่อถวายความเคารพกับองค์ชายลี่หยางสักครั้ง ถึงแม้ตอนนี้พระองค์จะสิ้นพระชนม์แล้ว แต่บุญคุณที่พระองค์เคยมีเมตตามอบเงินช่วยบุตรชายค่ะ ข้าไม่เคยลืมถึงแม้บุตรชายของข้าจะไปออกรบจนตัวตายในสนามรบเพื่อแผ่นดิน ฮือ ฮือ”

“แต่ลูกชายของข้าที่ไปออกรบจนป่านนี้ยังเป็นทหารอยู่ที่ชายแดนอยู่เลย ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง”

หญิงสาววัยกลางคนทั้งสองที่กำลังนั่งขายของอยู่หน้าบ้านของพวกเขากล่าวพุดคุยกันด้วยความโศกเศร้าไม่แพ้ทุกคนในแคว้นตงเยี้ยน เสียงกลองเสียงปี่พร้อมกับเสียงประทัดที่ดังกึกก้องในขณะที่ศพขององค์ชายลี่หยางถูกเหล่าทหารตั้งกระบวนแบกหามเพื่อจะนำไปไว้ในสุสานของเชื้อพระวงศ์กษัตริย์ตงเยี้ยน

“ช้าก่อนพวกเจ้าอย่าเพิ่งพาองค์ชายไปข้าอยากเห็นหน้าองค์ชายเป็นครั้งสุดท้าย”

“ฝ่าบาทตอนนี้เป็นฤกษ์ยามที่ดีเหมาะที่จะนำร่างขององค์ชายไปไว้ในสุสานเชื้อพระวงศ์แล้วหากขืนชักช้า จะเลยฤกษ์ยามได้นะพะยะค่ะ”

ขันทีผู้ยืนอยู่ด้านหลังของฝ่าบาทกล่าวขัดออกมาเบา ๆ

“ถึงอย่างไรข้าก็อยากเห็นหน้าลูกชายข้าเป็นครั้งสุดท้าย หรือพวกเจ้าทุกคนจะรอให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนพวกเจ้าเสียก่อน”

ฝ่าบาทกล่าวออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว จนทุกคนในที่นั้นถึงกับต้องรีบคุกเข่าลงก้มศีรษะแนบพื้น

“ฝ่าบาทพวกกระหม่อมมิบังอาจ โปรดให้อภัยด้วยพะยะค่ะ”

“เร็ว ๆ รีบเปิดฝาพระโลงอย่าได้ชักช้า” ขันทีกล่าวสั่งเหล่าทหารที่ยืนอยู่รอบข้างโรงพระศพ

“ทูลเชิญฝ่าบาท ฝ่าโลงเปิดแล้วพะยะค่ะ”

“อืม”

ฝ่าบาทตอบรับพร้อมเดินเข้าไปทอดพระเนตรองค์ชายลี่

หยางอีกครั้ง พระองค์เอื้อมมืออันสั่นเทาลูบไล้ใบหน้าผอมซูบก่อนที่พระองค์จะรู้สึกแปลกใจเพราะใบหน้าที่พระองค์กำลังลูบไล้กับอุ่นเนื้อตัวไม่เย็นเหมือนคนตาย ฝ่าบาทจึงใช้มือของพระองค์แตะลงที่ที่ปลายจมูกขององค์ชายลี่หยาง จึงสัมผัสกับลมหายใจเบา ๆ ที่แทบเลือนรางขององค์ชายลี่หยาง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel