บทที่ 3 แม่เลี้ยง ลูกเลี้ยง พี่สาว
“คารวะท่านแม่ใหญ่ คารวะพี่หญิงหนิงจินซู” สาวน้อยกล่าวทักทายทำความเคารพด้วยการย่อถอนสายบัวอย่างน่ารักนอบน้อม ถึงแม้พวกเค้าจะไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่ตามภาษาลูกเมียน้อยเมียหลวง แต่หนิงจินเอ๋อก็ต้องทำตามมารยาทไม่งั้นพวกเค้าอาจพูดจาลบหลู่ท่านแม่ของเธอที่เสียไปแล้วก็ได้ ซึ่งเธอเองก็เจอจนชินเวลาลับหลังท่านพ่อ พวกเค้ามักเล่นงานเธอเสมอ
“เอาล่ะ พ่อขอเข้าวังก่อนเรื่องที่เราคุยกันวันนี้หวังว่าเจ้าจะคิดทบทวนให้ดี หากเจ้ายังนึกถึงวงศ์ตระกูลบ้าง”
ชายวัยกลางคนกล่าวก่อนที่จะหันหลังเดินออกจากห้องโถงใหญ่ทิ้งให้สาวน้อยผู้เป็นบุตรสาวคนเล็กที่เกิดจากภรรยาคนที่สอง
“อุ้ย... ดูสิท่านแม่ น้องหญิงของข้าถึงกับหลั่งน้ำตาเช่นนี้ คงไม่ใช่คิดมาขอร้องท่านพ่อเรื่องถอนหมั้นอีกแล้วสินะ”
หนิงจินซูกล่าวออกมาเมื่อพ้นแผ่นหลังของบิดาไปแล้ว จนเธอแน่ใจว่าจะไม่ได้ยินการสนทนาต่อไปนี้
“นั่นน่ะสิ คนอย่างเจ้าไร้แม่เลี้ยงดูอบรมมาแต่เด็ก ได้องค์ชายลี่หยางมาเป็นสามีในอนาคตก็นับว่าเป็นบุญยิ่งแล้วหนิง
จินเอ๋อ เจ้าจะอยากถอนหมั้นไปทำไมกันเล่า”
หญิงวัยกลางคนผู้เป็นนายหญิงใหญ่แห่งจวนเสนาบดีการคลังกล่าวยิ้มแย้มเหยียดริมฝีปากเชิดหน้าออกมาอย่างเยาะเย้อ
“ฮิ ฮิ ฮิ น้องหนิงจินเอ๋อหากวันหน้าสามีของเจ้าไม่อาจทำให้เจ้ามีบุตรสืบสกุลได้ข้าในฐานะพี่ใหญ่ ข้ายินดีหาชายอื่นมาหลับนอนกับเจ้าได้นะ เจ้ารักเด็กมากแถมยังปรารถนาอยากจะมีบุตรเป็นของตนเองมากขนาดนี้ ข้ากลัวว่าสามีในอนาคตเจ้าคงทำให้เจ้าฝันสลายแล้วล่ะ เอาเป็นว่าถึงตอนนั้นข้าจะยอมยกบุตรสักคนให้เจ้านำไปเลี้ยงดีหรือไม่ ฮิ ฮิ “
คำกล่าวของสองแม่ลูกสร้างความอับอายและแค้นใจจน
หนิงจินเอ๋อถึงกับกำมือแน่น แทบอยากเดินเข้าไปตบสั่งสอนสองแม่ลูก ตั้งแต่เล็กจนโตเธอจำความได้ชีวิตของเธอถูกสองแม่ลูกกลั่นแกล้งระลานมาโดยตลอด
“ต่อให้องค์ชายลี่หยางไม่สามารถทำให้ข้าท้องมีลูกได้ ข้าก็ไม่จำเป็นต้องง้อพวกท่านทั้งสองให้หาผู้ชายมาหลับนอนกับข้าหรอก ข้ามีปัญญาหาเองได้”
สาวน้อยกล่าวตอบโต้ออกมาอย่างไม่กลัวทั้งคู่ ในเมื่อตอนนี้ท่านพ่อก็ออกไปจากห้องนี้แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องฝืนแสดงแกล้งดีกับพวกเค้าอีก ร้ายมาเธอก็พร้อมที่จะร้ายตอบปกป้องตนเองตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กน้อยผู้แสนอ่อนแอที่ต้องคอยแอบร้องไห้เพียงลำพังเมื่อถูกด่าทอกลั่นแกล้ง เธอรู้ตนเองดีว่าท่านพ่อไม่สามารถที่จะอยู่ปกป้องเธอได้ตลอดเวลา
“นังเด็กบ้า ช่างหยิ่งจริงนัก ข้าเป็นถึงนายหญิงใหญ่ของที่นี่
เจ้ากล้าดียังไง ถึงได้กล้าพูดเย่อหยิ่งต่อหน้าข้าเยี่ยงนี้ เด็ก ๆ มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง เข้ามาจับนังเด็กเนรคุณนี่ข้าจะตบอบรมสั่งสอนมัน ถึงว่าแม่มันรีบคิดชิงหนีตายไปก่อนไม่อยากเลี้ยงดูเพราะมันจองหองแบบนี้นี่เอง”
“นี่ท่าน...อย่ากล่าวถึงท่านแม่ข้านะ”
“พวกเจ้าช่วยกันจับมันเอาไว้” ฮูหยินใหญ่รีบกล่าวสั่งทันทีเมื่อเด็กสาวใช้ในจวนวิ่งเข้ามาในห้องถึงสี่คน เหล่าสาวใช้ต่างไม่ค่อยกล้าเมื่อได้ยินคำสั่งชัดเจน
“เออ... ฮูหยินเจ้าคะ หากนายท่านรู้”
“ก็ปล่อยให้รู้ไปสิ ข้าก็แค่ช่วยอบรมเลือกเอาว่าพวกเจ้าอยากโดนไล่ออกหรือโดนโบยกันแน่ที่กล้าขัดคำสั่งข้า”
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ ขอโทษด้วยนะคะคุณหนูเล็ก”
เหล่าสาวใช้ที่กลัวตายรักชีวิตตนเอง ต่างก็รีบเข้ามารุมจับแขนหนิงฮวาเอาไว้อย่างแน่นหนา
“ท่านแม่ท่านไม่ต้อง น้องไม่เคารพพี่แบบนี้พี่เยี่ยงข้าจะตบสั่งสอนเอง คราวก่อนเจ้าบังอาจนำรังมดแดงมาไว้บนเตียงข้าทำให้ข้าผื่นขึ้นทั้งตัว คราวนี้ข้าจะขอตบคืน”
“แล้วท่านพี่ล่ะท่านแกล้งข้าก่อนท่านยังเอาน้ำมาราดใส่ที่นอนของข้าเลย”
“ปากดีนักนะ ข้าจะตบให้เจ้าหายสวยเลยอิจฉามานานแล้วแม่น้องสาวตัวดี”
หนิงจินซูกล่าวออกมาอย่างโมโหสายตาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาพร้อมกับยกมือขึ้นสูงเตรียมตบถลาตรงเข้าไปยืนต่อหน้าของน้องสาว ทำให้สาวน้อยถึงกับหลับตาหันหน้าหนี
“แย่แล้วค่ะฮูหยินใหญ่ ท่านขันทีจากวังหลวงมาขอเข้าพบคุณหนูหนิงจินเอ๋อเจ้าค่ะ”
“ว่าไงนะ เฮ่อ... มาขัดจังหวะซะได้ นี่พวกเจ้ารีบปล่อยตัวนางซะสิ อยากโดนประหารกันหรือไง กำลังจะมีความสุขแล้วเชียวมีมารมาขวางซะได้” ฮูหยินกล่าวออกมาอย่างขัดใจ
ในขณะที่หนิงจินเอ๋อรีบสะบัดแขนทั้งสองจนหลุด รีบวิ่งออกจากห้องนั้นราวกับมีเทพเทวดามาโปรด แต่ก่อนที่เธอจะวิ่งผ่านหน้าพี่สาวไปเธอกลับแกล้งวิ่งเยียบเท้าของหนิงซูเอ๋อเข้าไปอย่างเต็ม ๆ และเมื่อผ่านหน้าฮูหยินใหญ่เธอก็แกล้งทำเหมือนฮูหยินนั้นกำลังขวางทางเธออยู่ด้วยการเอาหัวไหล่ชนเข้ากับหัวไหล่ของฮูหยินจนหญิงวัยกลางคนถึงกับเซ ปากขมุมขมิบอยากด่าไล่หลังสาวน้อยที่เธอและลูกเกลียดเต็มทีด้วยความเจ็บใจ แต่ก็ทำอะไรในตอนนี้ไม่ได้
“โอ้ย...ข้าเจ็บท่านแม่ ฮึ ท่านแม่ท่านเห็นมั้ยว่ามันกำแหงแค่ไหนแม้แต่ท่านก็ยังไม่เคารพเลย” เธอรีบกล่าวฟ้องด้วยความเจ็บใจ
“ข้าเห็นแล้วยังกล้าแกล้งชนหัวไหล่ข้าอีกโชคดีที่ข้าไม่ล้ม นับวันก็ยิ่งกำแหงใหญ่ พวกเรารีบออกไปต้อนรับท่านขันทีดีกว่า หากหนิงจินเอ๋อเกิดไปฟ้องท่านขันทีเข้าเป็นเรื่องใหญ่แน่”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
“ออ... พวกเจ้ายืนมองหาอะไร เรื่องในวันนี้ปิดปากให้สนิทด้วยนะ หากรู้ถึงหูท่านเสนาพวกเจ้าทั้งสี่คนได้หายสาบสูญจากแผ่นดินนี้แน่”
“เจ้าค่ะ พวกบ่าวไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะ” เหล่าสาวใช้ต่างลนลานรีบออกจากห้องด้วยความหวาดกลัว
วังหลวง ตำหนักองค์ชายลี่หยาง
“องค์ชายรัชทายาทลี่ตงกวงองค์ชายลี่เจียวเจี้ยกับฮงเฮาเสด็จ...” เสียงขันทีหน้าห้องรายงานเสียงดังก้อง
“อุ้ย...ตายจริง ทำไมอาการถึงหนักหนาแบบนี้ล่ะ โธ่ลี่หยางเจ้าจะรีบไปอยู่กับแม่ของเจ้าแล้วหรือยังไงกัน ฮือ ฮึก ฮือ” ฮรงเฮาแสร้งร้องไห้กล่าวออกมาอย่างสะอึกสะอื้นเสียใจทั้งๆที่บนใบหน้าของเธอไร้ซึ่งน้ำตา
