บทที่4. ตอน ความจริงแสนเจ็บปวด
“ยายมายนั่นแกหรือ โทรมาทำไมกัน”
“คุณป้า ทำไมหลอกมาย คุณลุงล่ะคะ คุณลุงอยู่ที่ไหน มายจะคุยกับคุณลุง”
มารีญายังมีความหวังว่าลุงของเธอ จะยอมช่วยเหลือ แต่คนเป็นป้าสะใภ้กลับตะคอกกลับมาว่า
“ลุงของแกอยู่ร่วมงานเลี้ยงแต่งงานของพี่สาวแกน่ะสิ ลูกเขยของฉันร่ำรวยไม่แพ้คุณเฉินเฟย มีอิทธิพลสูง เขาสัญญากับฉันว่า จะปกป้องครอบครัวของเราเป็นอย่างดี”
นางยุวดีโอ้อวดถึงลูกเขยของตน โดยไม่สนใจว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร มารีญานั้นในสายตาของยุวดีเป็นแค่กาฝากไร้ค่า ไม่ถูกนับว่าเป็นคนในครอบครัวด้วยซ้ำ
“นี่คุณลุงกับคุณป้า หลอกมายให้มารับกรรมแทนพี่เมย์หรือคะ”
คำพูดของนางยุวดีทำให้มารีญารู้สึกเหมือนคนโง่ ที่แท้ลุงกับป้าพบตัวพี่สาวของเธอแล้ว และกำลังร่วมงานแต่งงานของลูกสาว ปล่อยให้เธอรับกรรมแทนลูกสาว
“รับกรรมอะไรกันยะ ฉันหาผัวรวยๆ ให้แกไว้เกาะกิน แกอยู่กับคุณเฉินก็จะสบายทั้งชาติ เอาใจเขาสักหน่อย มีลูกให้สักคน เขาก็จะเลี้ยงดูแกเป็นอย่างดีแล้ว”
นางยุวดีไม่ได้สนใจเลยว่าหลานของสามีจะโดนอะไรบ้าง
“คุณป้า คุณเฉินเขาเป็นมาเฟียนะคะ เขารู้ความจริงเมื่อไหร่ เขาอาจจะจะฆ่ามาย”
มารีญาเอ่ยออกมาทั้งน้ำตา หัวใจของเธอแหลกสลายไปหมดแล้ว คนที่คิดว่าเป็นครอบครัวกลับไม่แยแสเธอสักนิด ผลักไสเธอมารับเคราะห์แทนลูกสาวตัวเอง
“แกจะโง่ให้เขาฆ่าก็เรื่องของแก เดี๋ยวจะได้ฤกษ์ส่งตัวยายเมย์แล้ว แค่นี้นะ”
พูดจบก็กดวางสายทันทีและยังปิดเครื่องไม่ยอมให้โทรหาอีก มารีญามองโทรศัพท์ในมือตัวเองผ่านม่านน้ำตา ก่อนจะร้องไห้อยู่แบบนั้นครู่หนึ่ง
“เมื่อพึ่งใครไม่ได้ เราต้องหาทางเอาตัวรอดเอง”
หญิงสาวตั้งสติปาดน้ำตาทิ้ง คิดหาทางเอาตัวรอด ก่อนจะจะนึกได้ว่าในห้องแต่งตัวมีหุ่นโชว์เสื้ออยู่ จึงจัดการถอดชุดแต่งงานมาสวมให้หุ่น นำไปวางบนเตียง จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบข้าวของสำคัญของตัวเองใส่กระเป๋าเป้ ปีนระเบียงด้านหลังห้องหนีลงไปตามต้นไม้ที่อยู่ใกล้กัน
เมื่อลงมาถึงพื้นได้ก็วิ่งเต็มฝีเท้าไปยังกำแพง ป่ายปีนต้นไม้ข้างกำแพงไปเพื่อหาทางข้ามออกไป แต่โชคร้ายบนกำแพงนั้นดันมีลวดปล่อยกระแสไฟฟ้าอยู่ จึงต้องอยู่บนนั้นไม่กล้าไปไหน จนอีกฝ่ายมาพบตัวเข้า
“ลงมาเดี๋ยวนี้นะ เมธาวี!”
เฉินเฟยตะโกนเสียงดัง เขาแหงนหน้ามองร่างเล็กบนต้นไม้ด้วยสายตาเดือดดาล ยายโง่คนนี้ทำไมถึงคิดหนีเขา หนีตอนไหนไม่หนี มาหนีตอนกำลังจะเข้าหอ เขามองนาฬิกาบนข้อมือบอกเวลาว่าอีกสิบนาทีจะสามทุ่ม หากไม่นำตัวเจ้าหล่อนลงมาเขาคงพลาดฤกษ์มงคลครั้งนี้
“จะลงหรือไม่ลง ถ้าไม่ลงฉันจะยิงให้ตายบนนั้นแหละ”
เฉินเฟยไม่ใช่คนใจเย็น เขาดึงปืนที่เหน็บบนเอวของจางหยวน แล้วยิงขึ้นไปบนต้นไม้ทันที
เปรี๊ยง เปรี๊ยง เปรี๊ยง !
กระสุนปืนสามนัดไม่ได้เล็งไปที่คนบนต้นไม้ แต่เป็นกิ่งไม้ใกล้เคียง ส่งผลให้มารีญาตกใจจนเผลอปล่อยมือ ร่างเล็กนั้นร่วงลงมา โชคดีคนของเฉินเฟยเตรียมเบาะลมไว้รองรับร่างของเธอแล้ว จึงแค่จุกแต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ
“ยายตัวแสบ คิดหรือว่าจะหนีพ้น ตามฉันมานี่เลยนะ”
เฉินเฟยเข้าไปคว้าข้อมือของหญิงสาว กระชากให้ลุกขึ้น แล้วจับพาดบ่าเดินแกมวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ขณะยกข้อมือดูเวลาไปด้วย เหลือเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที ก็จะถึงฤกษ์มงคลแล้ว เขาพาเธอมาถึงห้องหอได้ ก็โยนร่างนั้นลงบนเตียง นาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มตรง
“ทันเวลาพอดี”
เฉินเฟยหอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อย จ้องมองหญิงสาวใต้ร่าง ใบหน้าของเธอถูกปกปิดไว้ด้วยหน้ากากอนามัย เขายกคิ้วสูงเมื่อเห็นดวงตากลมโต ฉายแววตื่นตะหนก มาเฟียหนุ่มนึกถึงเจ้าสาวของเขาในวันแต่งงาน เธอมีดวงตาเรียวงาม ราวกับเม็ดอัลมอนต์ และไม่ได้มีคิ้วเป็นเส้นเรียงชัดแบบนี้
“เมธาวี เธอดูแปลกไปนะ”
มาเฟียหนุ่มยื่นมือไปดึงหน้ากากบนใบหน้าของหญิงสาวออก แล้วก็ต้องตกตะลึงอีกรอบ เมื่อใบหน้านั้นไม่ใช่ใบหน้าของเจ้าสาวของเขา
“นี่เธอเป็นใคร...”
เขาผละออกห่าง มองใบหน้าของอีกฝ่ายชัดๆ ก่อนจะใจหายวาบเมื่อพบว่าหญิงสาวไม่ใช่เมธาวี
“ฉันขอโทษค่ะคุณเฉิน ฉันชื่อมารีญาฉันเป็นน้องสาวของพี่เมธาวี”
มารีญาสารภาพออกมาเสียงสั่น ไม่กล้าสบตาวาวโรจน์ของอีกฝ่าย หัวใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว กำมือไว้แน่นจนเล็บจิกเข้าไปในอุ้งมือ
“เธอ... เธอกล้าหลอกลวงฉันหรือ กล้า... กล้ามาก”
เฉินเฟยคำรามในคอด้วยความโมโห โกรธจนแทบคลั่ง มองดูนาฬิกาพบว่าเหลือเวลาอีกห้านาทีก็จะถึงเวลาสามทุ่มเก้านาที เขาหันมามองหญิงสาวบนเตียง
“บอกฉันมา เกิดอะไรขึ้น แล้วเมธาวีอยู่ที่ไหน”
“พี่เมย์หนีไปหลังจากงานเลี้ยงค่ะ คุณลุงกับคุณป้าเลยให้ฉันสวมรอยปลอมตัวมาแทนพี่เมย์ ฉันไม่ได้ตั้งใจหลอกลวงคุณนะคะ ฉันก็โดนหลอกเหมือนกัน”
มารีญารีบอธิบายเสียงสั่น น้ำตาไหลออกมาทันทีเมื่อนึกถึงการหลอกลวงจากคนในครอบครัว
“เมธาวีหนีไป พวกเขาเลยส่งเธอมาแทนอย่างนั้นเหรอ แล้วตั้งกี่วันแล้ว เธอไม่ยอมบอกฉัน”
เฉินเฟยจับไหล่ของหญิงสาวแล้วเขย่าแรงๆ ด้วยความโมโห ออกแรงบีบจนมารีญานิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“ฉันจะบอกคุณได้ยังไง คุณไปไหนก็ไม่รู้ แล้วฉันก็เชื่อว่าคุณลุงกับคุณป้า จะตามหาพี่เมย์พบก่อนที่คุณจะกลับมา แต่พวกเขาหลอกฉัน”
คำอธิบายของหญิงสาวไม่ทำให้ความโกรธของมาเฟียหนุ่มลดลง กลับทวีเพิ่มมากขึ้นเมื่อได้ยินเธอบอกว่า
“เมื่อกี้ฉันโทรหาพี่เมย์ แล้วรู้ความจริงว่า พี่เมย์กำลังแต่งงานกับคนรัก คุณคุณลุงคุณป้าก็ไปร่วมงานด้วย พวกเขาหลอกฉันให้มารับกรรมแทน ฮือ”
มารีญาน้ำตาไหลพราก ทั้งเสียใจ และหวาดกลัว ตอนนี้เธอสิ้นหวังแล้ว คิดว่าคงโดนเฉินเฟยฆ่าตายแน่
“อะไรนะ พี่สาวเธอกำลังแต่งงานเหรอ แต่งกับใคร”
เฉินเฟยตะคอกถามออกไป มารีญาไม่ทันได้ตอบ ก็มีเสียงโทรเข้ามาจากมือถือของเขา มาเฟียหนุ่มหยิบมือถือมากดดู ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อปลายสายคือ เฉินชิงลูกของอาของเขา เมื่อกดรับสายได้ยินอีกฝ่ายพูดว่า
“อีกสองนาทีก็จะถึงฤกษ์มงคลแล้ว พี่เฟยพี่รู้ไหมว่า ผมก็รอฤกษ์นี้อยู่เหมือนกัน”
“เฉินชิง แกโทรมาทำไม”
เฉินเฟยข่มใจพูดออกไป เขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายรู้เด็ดขาดว่า เขาพลาดโอกาสสำคัญนี้ไปแล้ว
“พี่ดูนี่ก่อนสิ คืนนี้ผมแต่งงานกับใคร ตอนนี้กำลังเข้าหอกับใคร ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เฉินชิงวางสายไปแล้ว และได้ส่งรูปและคลิปวิดีโอมาให้เฉินเฟย เมื่อเขากดเปิดดู ก็พบว่าอีกฝ่ายส่งรูปงานแต่งงานของตนมาให้ และยังมีคลิปวิดีโอ ขณะส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ เฉินชิงนั่งอยู่บนเตียงกับเจ้าสาวของเขา เมื่อเปิดผ้าคลุมหน้าออก ก็พบว่าหญิงสาวคือเมธาวี
“เฉินชิง นี่แกกล้าแย่งเทพีแห่งโชคของฉันไปรึ”
เฉินเฟยปาโทรศัพท์ทิ้งด้วยความโมโห เขาถูกเฉินชิงแย่งเมธาวีไป ตอนนี้เธอกำลังเข้าหอกับอีกฝ่ายในฤกษ์มงคลที่มีเพียงห้าปีครั้ง ส่วนเขาอยู่ในห้องหอกับผู้หญิงอีกคน ที่ไม่ได้เป็นเทพีแห่งโชค
“สารเลว ไอ้เฉินชิง ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่”
มาเฟียหนุ่มคำรามด้วยความโกรธสุดขีด แววตาวาววับแดงก่ำ เขาหันมามองมารีญา อารมณ์ร้อนในใจไม่อาจคลายลงได้ หากไม่ได้ระบายความแค้น
“คุณเฉินคะ ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่รู้ว่าพี่เมย์จะทำแบบนี้ ยกโทษให้ฉันด้วยนะคะ”
มารีญาพนมมือไหว้ เอ่ยขอโทษพร้อมกับอ้อนวอนขอความเห็นใจ
“พี่สาวเธอ ครอบครัวเธอ ต้องชดใช้ ตัวเธอเองก็ต้องชดใช้ความผิดนี้เหมือนกัน!”
