บทที่ 1 ตัวเยติใกล้บ้านฉัน
ในฐานะผู้ใหญ่สุดในที่นี้ หลังจากนีลาให้กลุ่มสาว ๆ โทรเรียกตำรวจ รถฉุกเฉิน รถมูลนิธิหรือเบอร์ไหนก็ได้ที่คิดว่าให้ความช่วยเหลือได้
เมื่อความโกลาหลในร้านกาแฟผ่านไป ถึงคราวต้องออกไปดูตัวเยติของลูก
“อัลเห็นก่อนนะมามี้ ตอนวิ่งกลับมาร้าน” เด็กชายอัลวาผู้น้องรีบอวดความดีความชอบ
“เห็นไหมมามี้ ขนเยอะ ๆ แบบนี้ตัวเยติแน่ ๆ เหมือนพี่เม้ยเคยเปิดยูทูปให้ดู”
ดวงตาใต้แพขนตางอนตวัดไปทางเจ้าของชื่อ สงสัยต้องจำกัดการดูยูทูปเสียแล้วกระมัง เติมอินเทอร์เน็ต ต่อไวฟายไว้ให้ ดันพาลูกเธอไปดูคลิปสัตว์ประหลาดเสียได้ ตัวเยติเม้ยอธิบายเมื่อกี้ มันคือสัตว์เดินสองขาตัวขนลึกลับ มีคนอ้างว่าเจอในป่าเขาลึก บางทีก็เจอในพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะ
“เลี้ยงนะฮะมามี้ เดี๋ยวอัลจะพาอาบน้ำเอง จะพาตัดขน เหมือนคลิปตัดขนแกะ เอามาทำเสื้อคลุมให้มามี้”
เสียงใสเจื้อยแจ้ว นำมาซึ่งอาการปวดขมับตุบของผู้เป็นแม่
“เราต้องมีปัตตาเลี่ยนไว้ตัดขนแกะด้วย มันอันใหญ่นะ อัลมีแรงยกเหรอ” อเล็กซ์แฝดผู้พี่เกิดก่อนเพียงห้านาทีให้ความเห็น
“แล้วเยติกินอะไร ถ้ากินหญ้าเหมือนแกะเราต้องเลี้ยงในสนามหญ้า ต้องพาไปสวนสาธารณะกลางหมู่บ้านหรือเปล่า”
ดวงตาแป๋วของลูกชายคนโตเต็มไปด้วยคำถาม
“หรือเยติกินอาหารเม็ดได้ฮะมามี้”
นีลาเม้มปากจนมุม อยากบอกเหลือเกิน นั่นไม่ใช่เยตินะลูก คนตัวเป็น ๆ เลยต่างหาก จะมาตายหน้าร้านหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ว้าย ! พี่หนูดีตัวเยติ เอ้ย ! คนขยับแล้ว”
มนุษย์ทุกคนในร้านรีบเอาหน้าแนบกระจก ส่องความเคลื่อนไหวภายนอก ก้อนขนสีมอเคลื่อนไหว ศีรษะปกคลุมด้วยเส้นผมดำผงกขึ้น มีรอยเลือดแดงไหลทิ้งรอยบนพื้นเป็นแอ่งเล็ก ๆ
ขณะทุกคนอึ้ง ร่างนั้นค่อย ๆ ขยับยืนหยัดกาย ย่างฝีเท้าเข้าใกล้ประตูร้านมากขึ้นทุกที นีลากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ใต้ก้อนขนคือร่างสูงใหญ่ เสื้อสีมอหม่นหมองสกปรกก่อกวนใจ ยิ่งรู้สึกถูกคุกคาม
กึ๊ง !
สัญชาตญาณระแวดระวังสั่งให้เธอดันกายตนเองกับประตู จะให้คนไม่น่าไว้ใจแบบนี้เข้ามาไม่ได้ ร้านมีแค่ผู้หญิงและเด็ก ไม่มีกำลังต่อกรคนประสงค์ร้ายแน่
“ตำรวจมาหรือยัง โทรไปเร่งเขาหน่อย เร็ว ! บอกว่ามันจะพังร้านเข้ามาแล้ว”
สถานการณ์หน้าสิ่วหน้าหวานอย่างนี้ต้องเล่นใหญ่ ร้องขอความช่วยเหลือสุดแรงเกิด นีลาก็ตัวเท่านี้ ไม่รู้จะมีแรงต้านเจ้าก้อนขนตัวโตได้นานขนาดไหน
สาบานเลย หากรอดจากเหตุระทึกใจนี้ไป เธอจะยอมออกกำลังหนัก ๆ ตามคลิปสาวเบเบ้อย่างเคร่งครัด ไม่แอบเปลี่ยนคลิปหนีตั้งแต่สามสิบวินาทีแรกอีกแล้ว
“เฮลป์...ช่วย”
ภายใต้กลุ่มผมดำมีคำเอื้อนเอ่ยทุ้มต่ำ ทีแรกเป็นภาษาอังกฤษฉับพลันเปลี่ยนกลายเป็นภาษาไทยแบบแปร่ง ๆ
“มาม้าเยติพูดได้ด้วย มันมีวิวัฒนาการ”
ยังมีคนตื่นเต้นในสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้
“มันต้องปล่อยแสงออกจากมือได้เหมือนไอรอนแน่ ๆ”
“ไอรอนแมนทำได้เพราะมีชุดเกราะ ตัวเยตินี่ไม่มีเลย ปล่อยแสงไม่ได้หรอก”
อเล็กซ์วิเคราะห์พลางพยักแบบเคร่งขรึม เจ้าลูกคนนี้เลียนแบบท่าทางน่าหมั่นไส้มาจากใครนะฮึ นีลาไม่ได้สอนนะ
“ช่วยด้วย”
แล้วร่างนั้นก็ทรุดฮวบลงหน้าประตู เหมือนกองผ้าขี้ริ้วเก่า ๆ
“พี่หนูดีเขาพูดได้ คนแน่ ๆ มีเลือดออกด้วย”
เม้ยอุทานตาโต ปลายนิ้วชี้สั่น ๆ ไปยังรอยเลือดลากยาวตามหลังก้อนขนมา
“เขาบาดเจ็บนี่คะ ไปดูเขาก่อนดีไหม อย่างน้อยช่วยกันปฐมพยาบาลห้ามเลือดก็ยังดี”
ลูกค้านางหนึ่งเสนอความเห็น ทุกสายตารอคำตัดสินจากนีลา สองจิตสองใจมาก กลัวเป็นคนร้าย อีกใจก็ไม่อยากให้มีใครตายหน้าร้าน
หญิงสาวอธิษฐานในใจ ขอผลบุญที่ใส่บาตรพระทุกเช้าจงส่งผล ขอเจ้าก้อนขนเป็นคนดีมีศีลธรรม อย่ามาจองเวรเบียดเบียนทำร้ายกันเลย
กริ๊ง...
เสียงกระดิ่งเหนือประตูแหวกขึ้นท่ามกลางความเงียบ นีลาขยับเท้ากล้า ๆ กลัว ๆ เปิดประตูออก สำรวจก้อนสีมอตรงหน้า ร่างนั้นอยู่ในสภาพทรุดนั่งพิงประตูกระจก ใบหน้าก้มงุด เธอย่อตัวลงยื่นมือขาวเรียวเชยคางคนเจ็บหวังดูอาการ
ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าภายใต้กลุ่มผมดำเหมือนสาหร่าย ใจที่แย่อยู่แล้วยิ่งหายแว่บ อกเจ็บจี๊ดเหมือนใครเอาเข็มสักพันเล่มมาจิ้ม
กริ๊ก...
สลักกุญแจหีบแห่งความลับที่ฝังลึกในสมองเปิดอ้าออกในทันใด ภาพอดีตเล่นวนซ้ำ นีลารู้สึกราวตนเองติดอยู่ในห้วงฝัน
หมายถึงฝันร้ายนะ เพราะตรงหน้านี่คือคนที่เธอไม่อยากเจอ
“มามี้ ตำรวจมาแล้ว”
แฝดคนน้องกระชากสตินีลากลับสู่ห้วงเวลาปัจจุบัน
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
นายตำรวจมีหลายดาวบนบ่ามาพร้อมลูกน้องอีกหลายคน ไฟไซเรนสีแดงบนหลังคารถส่องวาบ ๆ ราวดวงตาสัตว์ร้าย
“ผมเก็บตัวเยติได้ฮะ”
เจ้าตัวแสบวิ่งแทรกประตูออกมารายงานใบหน้าแป้นแล้น เด็ก ๆ ชอบกันนักล่ะคนในเครื่องแบบ ในดวงตาใสสกาวมีความปลาบปลื้ม ตำรวจจ้องคนทรุดนั่งนิ่งสลับมองหน้าเธอ
“ค่ะ ลูกฉันเก็บตัวเยติได้ รบกวนเอาไปไกล ๆ พาไปส่งโรงพยาบาลสัตว์ทีค่ะ”
“อย่านะฮะ ! มามี้อัลอยากเลี้ยงเยติ”
อัลวาโผกอดขาเธอ ส่งสายตาฉ่ำน้ำวอนขอ
“เลี้ยงนะฮะ อัลสัญญา อัลจะดูแลมันเอง จะยอมกินคุณหัวหอมด้วยหนึ่งอาทิตย์”
พร้อมการออดอ้อน เจ้าตัวแสบมักใช้ไม้นี้กับเธอได้ผลทุกครั้ง นีลากลั้นใจห้ามไม่ให้ตัวเองยกมือขึ้นอุดปากกรี๊ด
ลูกชายเธออ้อนได้น่ารักมาก ดูตาแป๋ว ๆ แก้มยุ้ย ๆ นั่นสิ ใครจะว่าหลงใหล คลั่งรักลูกตัวเองจนเกินเบอร์นีลาก็ยอมรับ
แต่ครั้งนี้ยอมไม่ได้ นก หนู กิ้งก่า แมวส้ม หมาจรมีตั้งเยอะ ลูกเธอดันไปเก็บตัวปัญหามาเลี้ยง
ถึงจะแปลกใจว่าเขาหลุดมาโผล่อีกซีกโลกได้อย่างไร แถมสภาพโทรมจนเหลือเชื่อ แต่นีลาตัดเขาไปแล้ว เธอเดินจากมา ทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง จะไม่กลับไปอยู่ในจุดที่ไม่อาจนับได้ว่าเป็นอะไรกับเขา
นีลาคนเก่าตายไปแล้ว เธอเป็นคนใหม่รุ่นอัปเกรด มีลูกต้องเลี้ยง ร้านต้องดู ไหนจะมีเด็กในอุปถัมภ์อีก ไม่อยากหาความยุ่งยากใส่หัว
“เลี้ยงไม่ได้ครับอัล รู้ไหมเยติเป็นสัตว์สงวน”
เจ้าตัวแสบแสนฉลาดหันไปขอคำยืนยันจากคนในเครื่องแบบ นีลาขยิบตาทำสัญญาณยิก ๆ
“อะ...เอ่อ ใช่แล้ว เป็นสัตว์สงวน”
ตำรวจเป็นลูกค้าร้านกาแฟเหมือนกัน นีลาเคยเลี้ยงกาแฟสองสามครั้ง เป็นการเชื่อมไมตรีนิดหน่อย เผื่อได้ไหว้วานกรณีฉุกเฉิน
รู้อะไรเล่าจะดีเท่าเรารู้จักกัน แม้เป็นเมืองเล็ก ๆ คอนเนคชั่นก็ยังจำเป็น มันจะช่วยให้คนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างเธอผ่านเรื่องยุ่งยากได้อย่างราบรื่น
“เห็นไหมเลี้ยงไม่ได้ เดี๋ยวถูกตำรวจจับ”
ภาวนาให้อเล็กซ์ผู้ฉลาดกว่าน้องอย่าเอ่ยขัดออกมาก ขานั้นรับมือได้ยากมาก ภูมิใจอยู่หรอกที่มีลูกฉลาด ชอบอ่านหนังสือ ดูคลิปให้ความรู้
แต่บางทีนีลาก็เหนื่อยใจเวลาจะสอนอะไรแล้วลูกค้านยกเหตุผลมาตามหลักวิทยาศาสตร์เป๊ะ ด้วยพื้นฐานเธอเองไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น สมัยเรียนเกรดทำได้แค่ผ่าน ๆ ไม่ตกจนต้องเรียนซ้ำเป็นพอ
“ถ้าอยากเลี้ยงสัตว์ เดี๋ยวแม่พาไปดูที่ร้านเอง”
ตะล่อมไว้ก่อน พอให้ลูกหลุดโฟกัสจากตัวอันตราย หลังจากนั้นค่อยว่ากันใหม่วันหลัง
“วันนี้อัลเป็นเด็กดีเชื่อฟัง มามี้จะทำมิลค์เชคมิ้นท์เป็นรางวัลนะครับ”
“เย้ ๆ ขอแก้วโต ๆ เลยนะมามี้”
เจ้าตัวป้อมกระโดดดึ๋งจนผมหน้าม้าแตกกระจายพุงกระเพื่อม
“เล็กซ์ขอน้ำแอปเปิลปั่นเหมือนเดิมนะมามี้”
อเล็กซ์เนียนผสมโรงขอรางวัลด้วย รู้ทันว่ามารดากำลังหลอกล่อน้องชายจอมซื่อบื้อ แต่เรื่องอะไรเขาจะยอมเสียโอกาสพลาดของกินด้วยล่ะ
“โอเค มามี้จะแต่งแก้วให้สวย ๆ ใส่คุณร่มเจ็ดสีให้ด้วยเนอะ”
ทั้งสองพยักหน้ารัว ๆ เอาล่ะ สบายใจไปเรื่องหนึ่ง ที่เหลือก็...
“รีบพาไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ เลือดจะไหลหมดตัวอยู่แล้ว”
นีลาหันมาเร่ง สถานการณ์กลับมาวุ่นวาย เจ้าหน้าที่รถฉุกเฉินหามคนเจ็บขึ้นรถเพราะเจ้าตัวหมดสติไปแล้ว สภาพน่าเวทนาอย่างที่สุด เลือดเปื้อนใบหน้า เสื้อผ้าก็มอมแมม สภาพไม่ต่างกับคนจรจัด
เจ้าหน้าที่ชวนเจ้าของร้านคนสวยคุย
“สงสัยเคสนี้เป็นคนจร คงโดนพวกอันธพาลรุมกระทืบ สลบเหมือดเลือดท่วมตัวแบบนี้ ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า”
คำพูดจากผู้มาประสบการณ์เจอคนเจ็บป่วย ทำเอานีลาใจเต้นรัวแรงเกินปรกติ ไม่ใช่มาจากความเป็นห่วง แต่เพราะกลัวจะมีคดีความตามมาให้ยุ่งยากในภายหลัง
เธอเดินออกมาจากชีวิตเขาแล้ว
ชาตินี้ให้ตายก็ไม่อยากข้องเกี่ยวกันอีก
ใจยังไม่คลายความสงสัย เขามาเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะโผล่มาในเมืองเล็ก ๆ ที่นีลาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่กับลูก
ยิ่งคิด นีลายิ่งสับสน
“มามี้ฮะ เยติคงเจ็บมาก หมอจะรักษาเขาได้ไหม”
มารดาคุกเข่า ยื่นมือลูบผมนิ่มของเด็กชายอัลวาเบา ๆ
“เยติเป็นสัตว์แข็งแกร่ง เดี๋ยวหมอก็รักษาเขาหาย ถ้าเยติฟื้นแล้ว มามี้จะให้ลุงตำรวจพาเขาไปปล่อยป่านะครับ ไม่ต้องห่วง”
ถึงจะไม่อยากให้ลูกยุ่งเกี่ยว แต่เธอก็ไม่อยากให้พวกเขาจำภาพติดตาเห็นคนเจ็บโชกเลือด จึงเลือกพูดในสิ่งที่เด็กวัยห้าขวบจะเข้าใจง่ายที่สุด
ตำรวจสอบสวนพยาน ฝาแฝดยังเด็กนัก ให้ข้อมูลไม่ได้ ตำรวจจึงไปถามความกับเจ้าหนูจ๋ายผู้ซึ่งอายุแปดขวบแทน จ๋ายเป็นน้องชายแท้ ๆ ของเม้ย ทั้งสองเป็นเด็กชาวเมียนมาร์ที่นีลาอุปการะไว้เพราะเสียพ่อแม่ไปกะทันหัน
วันนี้ร้านกาแฟนีลาปิดหกโมงกว่า เลยเวลาปรกติเกือบสามสิบนาที เพราะกว่าจะสอบสวนแล้วเสร็จ เก็บหลักฐาน เคลียร์พื้นที่
ทั้งน้ำหวานทำจากผลไม้สด ทั้งขนมเค้ก นีลาเอาออกมาแจกเจ้าหน้าที่หมด ปากบอกเป็นสินน้ำใจ แสดงความขอบคุณที่อุตส่าห์มาช่วยเหลือประชาชนอย่างเธอ แต่ความจริงนั้นนีลากำลังทำบุญ แถมติดสินบนคุณพระคุณเจ้า ให้ช่วยปัดเป่าความชั่วร้ายจากแขกไม่ได้รับเชิญตัวขน ภาวนาหวังให้ไปเสียไกล ๆ ไหน ๆ ก็ตัดขาดกันแล้ว
อย่าให้เหลือเยื่อใย อย่ามาจองเวรกันเลย
ทว่าคำภาวนากลับไร้ผล สองทุ่มมีโทรศัพท์เข้า
“คุณนีลาจากโรงพยาบาลXXX นะคะมารับคนกลับด้วยค่ะ”
“หะ...รับใครนะคะ”
คิ้วมีรอยแป้งเด็กประปรายจากการสู้รบกับลูกชายหลังอาบน้ำเสร็จขมวดมุ่น
“คนไข้บอกว่า เขาเป็นเยติของคุณค่ะ”
