บทนำ
“ฮู๊ย...ยเม้ย รีบมาอ่านเลยแก นิยายตอนล่าสุดนี่พระเอกโบ้แล้ว”
เสียงกรี๊ดกร๊าดวี๊ดว้ายจากสาว ๆ ในเสื้อสีขาวกระโปรงนักเรียนสีน้ำเงินดังขึ้นจากมุมหนึ่งของร้าน ดึงความสนใจให้คนหน้าใสวัยเดียวกันอีกที่ผมมัดสูงเป็นหางม้า ซึ่งอยู่หลังเคาน์เตอร์ชะเง้อคอมอง
“ด่ามันอีกค่ะลูกสาว ด่ามันเยอะ ๆ จำไว้ผัวที่ดีคือผัวใหม่”
ถ้อยคำออกอารมณ์พ่นออกมาพร้อมขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กลุ่มนั้นขยับสุมหัวชิดกัน จุดมุ่งหมายสายตาอยู่ที่หน้าจอมือถือ สาวน้อยคนเดิมแสดงท่าทียึก ๆ ยัก ๆ ลอบมองด้วยสายตาเกรงใจมายังอีกคน
“ไปหาเพื่อนเถอะเม้ย ฉันให้พัก ถ้าลูกค้าเยอะจะเรียกมาช่วย”
เหมือนปล่อยจรวดออกสู่ท้องฟ้า เม้ยย้ายตัวเองออกจากเคาน์เตอร์ไปรวมกลุ่มกับเพื่อนโดยเร็ว ผู้อนุญาตส่ายศีรษะปนรอยยิ้ม แล้วสนใจไปยังขนมเค้กในตู้กระจกใส นับและกะว่าพรุ่งนี้จะทำเค้กอะไร ชนิดไหนและกี่ชิ้นมาขาย
“โห ฟาดมากแม่ ด่ามันอีกค่ะลูก ด่ามันอีก ให้อีพระเอกมันโบ้เยอะ ๆ”
คราวนี้เสียงลั่นเป็นเชียร์มวยกันเลยทีเดียว มีเค้กมะพร้าวเหลือหนึ่งชิ้น เค้กเรดเวลเวตที่ขอบครีมสีขาวเริ่มแตกไม่สวย เค้กช็อคโกแลตหน้านิ่มรอยขีดบนหน้าเค้กดำ น่าจะเกิดจากไม่ระวังตอนคีบเค้กชิ้นอื่นขายลูกค้า ปรกติเธอจะเก็บสินค้าชิ้นไม่สวยแบบนี้ไว้กินเองในครอบครัว แต่วันนี้ตั้งใจจะไปตลาดนัด คงได้ซื้อของกินมาล้นตู้เย็นอีกเพียบ
เค้กอาจเป็นหมัน อย่ากระนั้นเลย เอามาแบ่งกันกินเสียดีกว่า ว่าแล้วก็เยื้องกรายไปคั้นน้ำส้มปรุงไซรัปตัดด้วยเหลือนิดหน่อยเติมโซดาเพิ่มได้เครื่องดื่มชวนสดชื่นมาหนึ่งเหยือกใหญ่
ประดับปากด้านบนด้วยสะระแหน่เขียวสดใบจ้อย ไม่ให้เสียหน้าร้านกาแฟ พร้อมส้มฝานแว่นประดับเหยือกสามสี่ชิ้น จัดทุกอย่างลงบนถาดพร้อมแก้วเปล่าและเค้ก
“อ่ะ พี่ให้กิน ฟรีนะไม่คิดเงิน”
เธอโปรยมนต์เสน่ห์แห่งการค้า ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจแบบสวย ๆ
“ขอบคุณค่าพี่หนูดี”
สาว ๆ พนมมือไว้ ส่งเสียงขอบคุณพร้อมใบหน้าฉายความสุขล้นปรี่
“ขอแค่ช่วยถ่ายรูปโปรโมทร้านพี่หน่อย”
ไม่ได้หวังผลนะ แต่ทำดีควรได้ดีสิ
“ได้เลยค่า จะลงติ๊กต๊อกให้ด้วยเลย”
มือสไลด์เปลี่ยนหน้าเข้าแอปพลิเคชันสุดฮิต หลายมือช่วยกันยกโน่นจัดนี่ ถ่ายลงมือถือตัดต่อลงแอปฯทั้งหมดใช้เวลาสิริรวมไม่ถึงห้านาที เอามาอวดให้ชื่นใจทันทีกันเลยทีเดียวเชียว เธอทึ่งทุกครั้งในความเก่งเรื่องเทคโนโลยีของสาว ๆ กลุ่มนี้
“เค้กพี่หนูดีสุดยอด!”
ทันทีที่เค้กเข้าปากคำชมก็เปล่งออกเซ็งแซ่
“พี่หนูดีทำเค้กอร๊อย...อร่อย ฉันฝึกเท่าไรก็ยังไม่เก่งเท่า”
“คุ้กกี้ที่เม้ยเคยทำมาให้ชิมก็อร่อยนะ มีฝีมือแล้ว เจ้ฉันเคยหัดทำ ออกมาแข็งปาหัวหมาได้เลย”
เพื่อนให้กำลังใจ ริมฝีปากยังเปื้อนเค้กช็อคโกแลตหน้านิ่ม ส่วนมือเอื้อมไปเตรียมจ้วงเรดเวลเวต
“สูตรคุกกี้ก็มาจากพี่หนูดีทั้งนั้นแหละ กว่าจะได้ขนาดนั้น เสียแป้งไปตั้งหลายถุง”
เม้ยรินน้ำส้มโซดาลงแก้ว ดูดดับความเพลียใจในฝีมือตน
“ค่อย ๆ ฝึกไป กว่าพี่จะทำขนมพวกนี้ได้ขนาดนี้ เสียทั้งแป้งทั้งครีมไปเยอะ น้ำตาลหมดเป็นตัน ๆ เลยมั้ง”
เธอหัวเราะคิก นั่งรวมกลุ่มกับเหล่านักเรียนสาว
“พี่หนูดีนี่ครบสูตรเลยนะคะ สวยก็สวย ทำอาหารก็เก่ง เป็นนางเอกในนิยายได้เลย”
หวานกว่าเค้กก็ถ้อยคำชมนี่แหละ เธอไม่ปฏิเสธ ยังส่งยิ้มให้
“ถ้านางเอกในนิยายที่น้อง ๆ อ่านกันเมื่อกี้พี่ไม่อยากเป็นนะ ได้ยินด่าพระเอกกันอยู่ไม่ใช่เหรอ เดาว่าเขาต้องทำนางเอกร้องไห้แน่ ๆ”
“เขาเรียกพระเอกแนวโบ้ค่ะพี่”
เม้ยป้องปากกระซิบ
“ใช่ ๆ แนวธงแดง เขียวแตงโม”
คิ้วได้รูปขมวดมุ่น บางครั้งก็คิด โลกหมุนไปเร็วเกินไปหรือเปล่า หรือไม่เธอก็ตามโลกไม่ทัน ศัพท์สมัยใหม่เลยไม่คุ้น เม้ยเวทนาในความเอ๋อจึงช่วยอธิบาย
“พระเอกโบ้ก็เป็นแบบขึ้นอย่างหงส์ ลงอย่างหมาโบ้ค่ะ ประเภทด่านางเอกเพราะเข้าใจผิดไว้เสียเยอะ พอรู้ความจริงก็เสียหมามาตามง้อไม่หยุด หลงรักนางเอกหนักมาก ทีนี้ให้ทำอะไรก็ทำ”
เธอพยักหน้าเข้าใจ ในสมองนึกถึงนิยายเรื่องสวรรค์เบี่ยงบ้าง จำเลยรักบ้าง แต่ไม่กล้าเอ่ยออกไป กลัวจะโดนเด็กมองว่าเป็นป้าแก่
“แนวธงแดงก็พวกพระเอกร้าย ๆ ปากจัด ทำตัวเลว ๆ กับนางเอก ส่วนเขียวแตงโมก็ประเภททำตัวแสนดีอบอุ่น อยู่ใกล้แล้วรู้สึกสดชื่นเหมือนป่าไม้ แต่เนื้อในธงแดง เหมือนแตงโม”
เปิดโลกเลยเชียวกับศัพท์แสงสมัยนี้
“แต่ใด ๆ ก็กลับมาโบ้เหมือนเดิม แล้วก็กลับมาคลั่งรักนางเอกมาก”
สิ้นสุดคำอธิบายก็ตามมาด้วยเสียงวี๊ดว๊าย บางคนยกมืออุดปากหน้าแดง
“มันกร๊าวใจมากนะพี่หนูดี พี่ต้องลองอ่านเรื่องนี้ เจ้หนูยังติดเลยเปย์เหรียญไปตั้งเยอะ”
ปฏิบัติการป้ายยานิยายได้เริ่มขึ้น ต่างคนต่างยกมือถืออวยยศนิยายที่ตัวเองกรี๊ดเสียงเซ็งแซ่ไปหมด เธอหัวหมุนแต่ก็รู้สึกดีที่ได้อยู่ท่ามกลางความสดใสของเด็กสาว ๆ ทำตัวเองสดชื่น รู้สึกอายุลดลงย้อนกลับสู่วัยมัธยมปลาย
หนูดีหรือชื่อจริงว่านีลา ครั้งหนึ่งก็เคยมองทุกอย่างสดใส มองโลกผ่านฟิลเตอร์สีชมพู ฝันหวานถึงรักนิรันดร์ หลงระเริงในความสวยของตน
นีลาเคยเป็นที่หนึ่งในจอ เคยเป็นนางร้ายที่สวย เซ็กซี่ที่สุด ช่วงรุ่งโรจน์มีแต่คนเข้าหา ของขวัญราคาแพง ดอกไม้ช่อใหญ่ ดินเนอร์หรู มีเรือยอร์ต์ เครื่องบินเจ็ทมารับ ทุกอย่างล้วนเคยพบเจอหมด
รวมถึงเคยเจอผู้ชายธงแดง ธงแตงโต อย่างสาวน้อยกลุ่มนี้อธิบายด้วย
นั่นไง...ลูกค้าโต๊ะอื่นแอบมองนีลาอยู่ ยามปรายตาสายไปกลับแม้อีกฝ่ายจะหลบวูบ แต่เสียงยังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
“นางร้ายตกอับจริง ๆ ด้วยว่ะ เหมือนข่าวเลย โซ้ม...โทรมเนอะ”
อาการหัวเราะคิกคักเช่นนี้ หากเป็นเมื่อก่อนนีลาคงหน้าเสีย เม้มปากเศร้าซึม แต่เวลาผ่านไปหนังหน้ากลับทนขึ้น มองคนพูดเหมือนหัวผักกาดพูดได้ คิดเสียว่าเสียงนกเสียงกา เลี่ยงไม่ใส่ใจให้เสียสุขภาพจิต
ไม่ใช่นีลาไม่สู้คน เธอเคยปะทะคารม ปิดร้าน สาดกาแฟไล่คนปากดีก็เคย ก่อนเห็นหน้าตัวเองผ่านกระจก หน้าผากย่น หว่างคิ้วกระตุก แววตากระด้าง ปากโค้งบึนบึ้งโกรธเกรี้ยวราวกับนางยักษ์ขมูขี
ช่างไม่สวย ไม่น่ามองเอาเสียเลย
ตอนนั้นล่ะที่คิดได้ ทำไมจะต้องเอาคำพูดพวกนั้นมาเป็นมลภาวะเร่งให้แก่ก่อนวัย นีลายังอยากมีใบหน้าสวย ๆ แถมครีมทาอยู่ทุกวันนี่ก็แพง จะเสียเงินไปเปล่า ๆ ไม่ได้
นีลาเปลี่ยนมายเซ็ตใหม่ ในเมื่ออยากซุบซิบ อยากมอง ก็ปล่อยให้มองไป แต่กรุณาจ่ายค่ากาแฟ ค่าขนมในร้านเธอด้วย เธอจะเอาต่อทุนทำตัวให้สวย ให้มอง ให้ซุบซิบกันต่อ ส่วนใครที่คิดร้ายอิจฉาเธอ ก็จงอกแตกตายไปเสียฮึ !
กรุ๊ง...กริ๊ง
กระดิ่งหน้าประตูร้านดังปนเสียงซอยเท้าถี่ ๆ
“มามี้ ๆ”
วัตถุเคลื่อนที่เร็วขนาดถังแก๊สปิกนิกพุ่งเร็วมาหานีลา สัญชาตญาณเผยมือออกกว้างทันใด ร่างเซผงะเมื่อวัตถุโถมเข้ามาไม่ได้มีเพียงหนึ่ง ทว่ามีถึงสอง
“มามี้ ๆ”
ความเจี้ยวจ๊าวนี้ พร้อมศีรษะปกคลุมผมนิ่มสีดำผลุบโผล่ซุกไซร้หน้าอกเธอ ทำนีลารู้สึกเหมือนตนเป็นแม่นก ที่ลูกน้อยโผซบเข้าอกอย่างวางใจ ความอุ่นละมุนแผ่ซ่านไปทั่วกาย
“ครับ ๆ”
ร่างโปร่งรีบพยุงตัวให้มั่นคง สองคนในอ้อมกอดยังเด็กนัก ออมแรงกันไม่ค่อยเป็น แต่ยังพออยู่เกณฑ์เธอรับไหว ไม่หงายหลังไปเสียก่อน
“ไหนดูสิ ไปเล่นที่ไหนกันมา”
มือจับไหล่กระจ้อยออกห่างไปหน่อย สภาพหัวเปียกเล็กน้อย แก้มยุ้ยของทั้งสองคนแดงปลั่งคงวิ่งแข่งกันมา
“น้องเล็กซ์ น้องอัล อย่าวิ่งเร็วสิ เดี๋ยวล้ม”
หนุ่มน้อยจ๋ายในชุดนักเรียนวิ่งตามเข้าร้านมา สภาพหอบแฮกจนนีลาสงสาร สงสัยคืนนี้ต้องทำหมูตุ๋นของโปรดเป็นรางวัลค่าเหนื่อยของพี่เลี้ยงคนนี้เสียแล้ว
คนถูกเรียกทั้งคู่หาได้สนใจพี่เลี้ยงไม่ มองตรงมายังเธอ พื้นตาสีดำดังท้องฟ้ารัติกาลมีประกายวิบวับคล้ายดาวกะพริบ แบบเดียวกับยามเห็นคลิปหมูเด้งในไอแพด
“มามี๊เลี้ยงเยติได้ไหม”
ใช่มีแต่นีลาอึ้ง คนในร้านก็ตกอยู่ในอาการเดียวกัน จ๋ายอ้าปากพะงาบ ๆ เตรียมร้องห้าม
“เยติ”
มันตัวอะไรกันละนั่น แมวพันธุ์ใหม่? หนู? แย้? หรือว่าหมี? สมองหญิงสาวทำงานเร็วจี๋ จับภาพความน่าจะเป็นของสัตว์อะไรกับชื่อที่ว่า
“เยติ บิ๊กฟุต ที่มีขนเยอะ ๆ ไงฮะ”
เป็นสัตว์อะไรกันนะ ตอนเล่นละครผจญภัยนีลาไม่เคยรู้จักเจ้าตัวนี้นะเว้ย
“แฮ่ม แล้วมามี้ต้องไปหาเจ้าตัวเยติที่ว่านั่นจากไหนละครับ”
ทำเนียนไปก่อน ค่อยไปพึ่งเสด็จพ่อกูเกิ้ลทีหลัง บางทีอาจเป็นสัตว์ในจินตนาการ เธอไม่อยากทำลายจินตนาการของลูก เคยได้ยินไหม จินตนาการสำคัญกว่าความรู้น่ะ
“อยู่ริมถนนข้างร้านฮะ”
นิ้วป้อม ๆ ชี้อย่างพร้อมเพรียงไปที่ก้อนสีมอ ๆ มองไกล ๆ เหมือนกองพรมเก่า ๆ และที่สำคัญที่โผล่มาดำ ๆ นั่นหัวคนใช่ไหม
สมองประมวลผลได้คำเดียวในสถานการณ์แบบนี้
ฉิบหายแล้ว!
